อุดรธานี - ตำรวจ สภ.หนองวัวซอ จับขบวนการขนไม้พะยูง พร้อมไม้ของกลางรวมมูลค่ากว่า 5 แสนบาท หวังส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เผยสถานการณ์ลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตป่าสงวนแห่งชาติเริ่มรุนแรงขึ้น วอนประชาชนร่วมกันสอดส่องดูแล
วันนี้ (5 ก.ค.55) พ.ต.อ.ธวัชชัย ถุงเป้า ผกก.สภ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองวัวซอ ได้จับกุมขบวนการขนไม้พะยูง ประกอบด้วย นายวินัส ธรรมวาจารย์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 2 ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย, นายวรารินทร์ กงกระโทก อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 5 ต.กุดหมากไฟ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
และนายบุญทัน บุญหาร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 2 ต.กุดหมากดไฟ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พร้อมของกลางรถยนต์ปิกอัพโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บห 6975 อุดรธานี ไม้พะยูงจำนวน 18 ท่อน และรถล้อเข็นจำนวน 1 คัน มูลค่ากว่า 5 แสนบาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่า จะมีขบวนการขนไม้พะยูง จากเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าหมากหญ้า หมู่2 ต.หมากกุดไฟ อ.หนองวัวซอ โดยได้แบ่งกำลังออกไป 3 จุด โดยจุดแรกตั้งด่านตรวจที่ศูนย์บริการประชาชน ต.หมากไฟ คนร้ายขับรถนิสสัน สีบรอร์นทอง ทะเบียน บท 5618 อุดรธานี บรรทุกไม้พะยูงเต็มท้ายกะบะ
เมื่อรถกระบะผ่านมา เจ้าหน้าที่เรียกหยุด แต่คนขับไม่จอด สามารถหลบหนีไปได้ จุดที่สองบริเวณวัดเทพภูดิน ต.อุบมุง คนร้ายขับรถยนต์ปิกอัพบรรทุกไม้พะยูงเต็มท้ายกระบะ สามารถหลบหนีไปได้เช่นเดียวกัน ส่วนจุดที่ 3 ป่ามะม่วงใต้อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงลี ซึ่งกำลังขนไม้ขึ้นท้ายกระบะ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุมสามารถจับกุมเอาไว้ได้ทั้ง 3 คน ดังกล่าว
พ.ต.อ.ธวัชชัย ถุงเป้า ได้เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน สารภาพว่า รับจ้างขนไม้พะยูงไปส่งนายทุนที่จ.หนองคาย โดยนายวินัส ธรรมวาจารย์ จะได้ค่าแรง 30,000 บาท ส่วนอีก 2 คนที่เป็นลูกทีม จะได้ค่าแรงคนละ 5,000 บาท ซึ่งไม้พะยูงจะส่งข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านสปป.ลาว ส่งต่อไปยังประเทศจีน จะมีมูลค่ากว่า 500,000 บาท
ขณะนี้สถานการณ์ในการลักลอบตัดไม้พะยูง ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ถือว่ารุนแรง ต้องอาศัยความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต่อการแจ้งเบาะแสพร้อมทั้งช่วยกันรักษาป่าไม้ก่อนที่จะหมดไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาทั้ง 3 คน ร่วมกันทำไม้หวงห้าม มีไม้หวงห้าม ยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวง ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ม.11 ,ม.69 และร่วมกันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือทำด้วยประกาศใดๆ อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียสภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไมได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ม.14 และนำตัวดำเนินคดีตารมกฎหมายต่อไป