เหิมหนัก! นายทุนรุกป่าวังทองชักปืนยิงขู่ แย่งกุญแจรถไถจากมือ จนท.หนีเฉย

พิษณุโลก - นายทุนเหิม! ยิงปืนขู่ระหว่าง จนท.ป่าไม้บุกยึดคืนพื้นที่บุกรุกป่าสงวนลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวาที่ถูกปรับทำสวนยาง แถมแย่งกุญแจรถไถจากมือ จนท.ป่าไม้ ล่าสุดควบคุมตัวได้ 1 ราย ส่วนอีก 2 รายบึ่งรถไถคูโบต้าหนีหายเข้ากลีบเมฆ เผยผู้ต้องหาอ้างแค่รับจ้างไถที่จากนายทุนสวนยางสุราษฎร์ธานี แถมมีคนอ้างตัวเป็นนักข่าวนำคนผิดบุกคุยกับป่าไม้ขอเป่าคดี

วันนี้ (30 ก.ค.) นายอดิเรก อินใจ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 (พิษณุโลก), สายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ภาคเหนือตอนล่าง, หน่วยเคลื่อนที่เร็ว ชป.พิเศษที่ 1 กรมอุทยานฯ และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่า พล.8 (น้ำยาง) จำนวน 5 นาย ได้ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนฯ บริเวณป่าท้ายหมู่บ้านห้วยไผ่ หมู่ 8 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง พบคนขับรถไถจำนวน 3 คันกำลังไถบุกเบิกพื้นที่ใหม่บริเวณยอดเขา

ทีมเจ้าหน้าที่จึงแบ่งกำลังเป็น 2 สาย ชุดแรกดักอยู่บริเวณทางออก และอีกชุดคือชุดจับกุม พร้อมขอกำลังชาวบ้านในพื้นที่เพื่อทำการล้อมจับผู้กระทำความผิด

ทันทีที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าชาร์จรถไถ 3 คัน ซึ่งประกอบไปด้วยรถแทรกเตอร์ ยี่ห้อฟอร์ด 1 คัน และคูโบต้า 2 คัน ผู้ขับขี่รถแทรกเตอร์ก็ได้รับสัญญาณจากต้นทางว่าเจ้าหน้าทีป่าไม้บุกเข้าจับกุม จึงเร่งเครื่องหลบหนีออกไปปากทาง แต่ก็พบกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้อีก 1 ชุดที่ดักอยู่ด้านหน้าทางเข้า ขณะนั้นเจ้าหน้าป่าไม้ก็ได้ยิงปืนไม่ทราบชนิดจำนวน 1 นัดด้วย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ 3 ราย ซึ่งประกอบไปด้วย ป่าไม้ภาคเหนือ, หน่วยน้ำยางและชุด ชป.อุทยานฯ ได้แสดงตัว และสั่งให้คนขับรถแทรกเตอร์หยุด จากนั้นสั่งให้คนขับทั้งหมดลงจากรถ พร้อมยึดกุญแจไว้ทั้ง 3 คัน แล้วส่งมอบให้นายนันพงษ์ คำปิน จนท.ป่าไม้ สำนัก 4 พิษณุโลก เป็นผู้เก็บรักษา

แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 นาทีกลับมีบุคคลแปลกหน้า ทราบชื่อต่อมาว่า นายเอ ขณะเกิดเหตุสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเทา สวมกางเกงยีนส์น้ำเงิน มาร้องขอกุญแจโดยพูดว่า กุญแจอยู่ไหน เป็นรถของผม 2 คัน นายนันพงษ์ คำปิน จนท.ป่าไม้ สำนัก 4 พิษณุโลก ซึ่งเป็นคนถือกุญแจ ได้พูดว่า ถ้าเป็นรถของคุณให้เอาเอกสารมาขอคืน นายเอพูดว่า เอกสารไม่ได้ติดอยู่กับรถ อยู่ที่บ้าน

จากนั้นนายเอก็ตรงเข้าแย่งกุญแจจากมือเจ้าหน้าที่ป่าไม้ แล้วมอบให้ชายคนขับอีก 1 คัน ขณะที่ตัวนายเอก็ได้ขึ้นขับรถไถหลบหนีไปพร้อมพวกอีก 1 คัน

ซึ่งระหว่างนั้นเหตุการณ์ชุลมุน เจ้าหน้าที่ป่าไม้จำนวน 3 นายมีกำลังน้อยกว่า ประกอบกับทราบว่าผู้กระทำผิดมีอาวุธปืนเพราะได้ยินเสียงปืน 1 นัด กระทั่งกำลังเจ้าหน้าที่อีกชุด (หน่วยเคลื่อนที่เร็ว ชป.พิเศษที่ 1 กรมอุทยานฯ) ได้เข้ามาถึงและประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงถ้าจะต่อสู้ จึงจำเป็นต้องปล่อยผู้กระทำผิดที่ขับรถไถหนีไปแล้วหาทางดำเนินคดีภายหลังเนื่องจากได้บันทึกภาพไว้หมดแล้ว

หลังจากนายเอ พร้อมกับพวกขับรถไถหนีไป 2 คัน ยังพบว่ามีรถรถแทรกเตอร์ล้อยาง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ยี่ห้อฟอร์ด สีฟ้า รุ่น 6610 อีก 1 คัน ทราบชื่อคือ นายพัฒนา สร้างทองดี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 352/4 หมู่ 6 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง ซึ่งไม่ได้หลบหนี และยินยอมให้เจ้าหน้าจับกุม สารภาพว่าได้รับจ้างขับรถไถให้นายวิโรจน์ รักบำรุง ซึ่งเป็นชาวสุราษฎร์ธานี และปัจจุบันก็พักอาศัยอยู่ที่ ต.วังนกแอ่น โดยขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างเพราะต้องทำงานให้เสร็จก่อน ล่าสุดเพิ่งทำงานได้เพียง 1 วัน คาดว่าอีก 3-4 วันจึงจะแผ้วถางเปิดป่าแล้วเสร็จ แล้วไปรับเงินจากนายอู๊ด ไม่ทราบนามสกุล

นายพัฒนาบอกว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ หรือไม่มีการทำกินมาก่อน

ด้านนายสมบูรณ์ จำป่าอูป นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ทำหน้าที่หัวหน้าโครงการเขื่อนแควน้อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ส่วนที่ 4 (รอบเขื่อน) ตรวจสอบพบว่าพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถางอยู่ในแปลงปลูกป่าโครงการพระราชดำริ ซึ่งปลูกพันธุ์ไม้สัก ประดู่ สะเดา มะค่าโมง ตั้งแต่ปี 2550 และพื้นฟูป่าปี 2551 อีก 300 ไร่ ขณะที่การปฏิบัติการครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน พร้อมรถแทรกเตอร์ล้อยางขับเคลื่อน 4 ล้อ ยี่ห้อฟอร์ด สีฟ้า รุ่น 6610 เป็นของกลางเก็บรักษาไว้ที่หน่วย พล.1 (วังทอง) และตรวจยึดแปลงพื้นที่จำนวน 7 ไร่ 1 งาน 65 ตร.ว. ตาม ปจว.ข้อ 5 คดีอาญาที่ 382/55 ยึดทรัพย์ที่ 225 เหตุเกิดที่ป่าหลังหมู่บ้านห้วยไผ่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา หมู่ 8 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก

โดยได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พ.ต.ท.โพธิ์เงิน ขันติวิริยาวาณิชย์ สารวัตรเวร สภ.วังทอง พร้อมแจ้งให้ตามจับ 2 ผู้ต้องหาตามภาพ และดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 แผ้วถางทำลายป่าหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ในที่ดินแผ้วถางเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้มีรายงานล่าสุดแจ้งว่า ในช่วงค่ำวันเดียวกันนั้นได้มีบุคคลอ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง นำกลุ่มนายทุน-ผู้กระทำผิดบางรายเข้าพบเจ้าหน้าที่ป่าไม้เพื่อขอเคลียร์คดี แต่ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าได้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนแล้ว