xs
xsm
sm
md
lg

อธิบดีกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง พบไฟไหม้ 33 จุด ตั้งค่าหัวคนเผา 5 หมื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - อธิบดีกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง นับจุดไฟไหม้เองกลางอากาศรวม 33 จุด เตรียมเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพฯ กราบทูลรายงานความเสียหายพื้นที่แปลงศึกษาป่าเสม็ดขาว ตั้งรางวัลจับกุมมือเผา รายละ 50,000 บาท และประกาศเปิดยุทธการระดมเจ้าหน้าที่ครึ่งหมื่นลงตรวจสอบพื้นที่ทุกตารางนิ้ว ยึดคืนทุกแปลงที่ผิดกฎหมาย

วันนี้ (16 ส.ค.) สถานการณ์ไฟป่าในพรุควนเคร็ง โดยเฉพาะในกลุ่มป่า 4 อำเภอ ซึ่งประกอบด้วย อำเภอเชียรใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ชะอวด และร่อนพิบูลย์ ยังอยู่ในสภาวะวิกฤตอย่างหนัก แนวไฟป่ายังคงแผ่ขยายสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องโดยการประมาณการพื้นที่ทางอากาศนั้น มีความเสียหายอย่างน้อยประมาณ 1.8-2 หมื่นไร่แล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าพรุที่เป็นโครงการศึกษาพันธ์ไม้เสม็ดขาวครบวงจร โดยมูลนิธิชัยพัฒนา ในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่อยู่ในตำบลการะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ถูกแนวไฟลุกลามสร้างความเสียหายแล้วประมาณ 600 ไร่ และยังคงลุกลามต่อไปอย่างต่อเนื่องจากแปลงศึกษาทั้งหมด 1,900 ไร่ และยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

และช่วงเที่ยงที่ผ่านมา นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช ได้เดินทางลงพื้นที่ด้วยเฮลิคอปเตอร์โดยมาจากจังหวัดภูเก็ต ก่อนที่จะร่อนลงได้บินสำรวจ และตรวจนับจุดที่มีแนวไฟกำลังลุกลามด้วยตัวเอง หลังจากที่ร่อนลงจอดแล้ว ได้ประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย พร้อมทั้งระบุว่า ตรวจนับพื้นที่ไฟไหม้ได้ถึง 33 จุด ทั้งหมดเกิดจากคนเข้าไปจุดไฟเผาเพื่อจะเอาที่ดินเข้าไปปลูกปาล์ม แล้วขายพื้นที่กันแบบปากเปล่า เชื่อว่า ตาสีตาสาไม่มีแน่นอน แต่เป็นคนมั่งมีเข้ามา ไม่เช่นนั้นจะใช้เครื่องกลหนักเข้ามาจัดการพื้นที่จนเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ได้ และพื้นที่โครงการของมูลนิธิชัยพัฒนาในพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์ในพื้นที่ป่าพรุ โดยเฉพาะแปลงศึกษาพันธ์ไม้เสม็ดขาวครบวงจรเนื่องจากพระองค์ทรงวิตก และเป็นห่วงสถานการณ์ในพื้นที่อย่างมาก ขณะเดียวกัน ได้ตั้งชุดปฏิบัติการขึ้นมา 2 ชุด ชุดละ 15 นาย เพื่อตรวจสอบเอกสารสิทธิทั้งหมด รวมทั้งการออก ส.ป.ก.ในพื้นที่เพื่อนำไปสู่การเพิกถอนให้ได้

ขณะที่ นายธนากร รักธรรม หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้รายงานถึงสถานการณ์ระดับน้ำในพื้นที่ป่าพรุว่า จากเดิมนั้นจะมีระดับน้ำเหนือผิวดินไม่น้อยกว่า 10 ซม.แต่สถานการณ์ไฟป่าในปีนี้ระดับน้ำลดลงอย่างผิดปกติ โดยมีระดับน้ำใต้ดินอยู่ที่ความลึก 50 ซม. ทำให้แห้งแล้งอย่างมาก และไฟลุกลามต่อเนื่อง ขณะที่นายดำรงค์ได้แสดงความไม่พอใจ และสั่งการเจ้าหน้าที่ทันทีว่าห้ามไม่ให้ประชาชน หรือผู้หนึ่งผู้ใดเข้าไปทำกินหรือทำสภาพใดๆ ก็ตามในพื้นที่ไฟไหม้อย่างเด็ดขาด และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเฉียบขาดทันที

หลังจากนั้น อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้เปิดเผยว่า กำลังจะใช้กำลังทั้งหมด 5 พันนายลงพื้นที่ป่าพรุแห่งนี้ โดยระดมทั่วประเทศโดยเริ่มจาก 1 พันนาย ในเย็นวันที่ 18 ส.ค.จะมาถึงเป็นชุดแรก และลงพื้นที่จัดการปัญหาเรื่องนี้ทันที ปัญหาที่เกิดขึ้นกรมป่าไม้ได้มอบพื้นที่ให้แก่ ส.ป.ก.แบบเร่งด่วน แต่ให้กันกลับมาพื้นที่ป่าตรงไหนให้กลับมาแต่ให้ไปแล้วกลับไปลับ ให้ไปแล้วกลับรุกต่ออีก ไปปักเอาตามชอบใจแล้วรุกต่ออีก อันนี้ต้องไปจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ต้องทำเจ้าหน้าที่คนใดที่ไปรังวัดสอบให้มีหลักฐานชัดเจนอยู่

ภายหลังนายดำรงค์ได้เดินทางเข้าพื้นที่ไฟไหม้ในเขตแปลงศึกษาพันธ์ไม้เสม็ดขาวครบวงจรของมูลนิธิชัยพัฒนาในพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ และได้มอบนโยบายวิธีการดับไฟป่าโดยวิธีไฟชนไฟ กล่าวคือ ให้เจ้าหน้าที่ทำแนวกันไฟ และต้องยอมเสียป่าบางส่วนไปด้วยการจุดไฟดักหน้าให้เข้าไปชนแนวไฟป่าจะสามารถคุมได้ พร้อมทั้งการระดมเจ้าหน้าที่จากทั่วประเทศในทุกด้าน ต้องจบปัญหานี้ให้ได้ และได้ตั้งรางวัลจับกุม หรือค่าหัวสำหรับคนที่ลักลอบเผาป่า หากมีการจับกุมได้ จะมีรางวัลเงินสด 5 หมื่นบาททุกราย
กำลังโหลดความคิดเห็น