xs
xsm
sm
md
lg

พรุควนเคร็งเสียหายยับ พบแนวไฟล้วนเริ่มขึ้นในแนวหลังสวนปาล์ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - ไฟป่าทวีความรุนแรงวิกฤตหนัก พื้นที่ป่าพรุควนเคร็งเสียหายยับเยินไม่น้อยกว่า 1.5 หมื่นไร่แล้ว บินสำรวจพบแนวไฟล้วนเริ่มขึ้นในแนวหลังสวนปาล์มน้ำมัน ทั้งในเขต ส.ป.ก.และพื้นที่บุกรุก ขณะที่จนท.เสือไฟ-ทหาร ป้องกันพื้นที่ป่าศึกษาไม้เสม็ดขาวครบวงจรในสมเด็จพระเทพฯ สุดฤทธิ์ หลังไฟลามเข้าสร้างความเสียหาย และป้องกันแนวป่าโครงการพระราชดำริศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง

วันนี้ (15 ส.ค.) สถานการณ์ความเสียหายในพื้นทีป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งครอบคลุมใน 5 อำเภอ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังอยู่ในสภาวะวิกฤตอย่างหนัก โดยสถานการณ์ในครั้งนี้ มีความรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และกำลังแผ่ขยายแนวไฟในวงกว้าง สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง โดยสถานการณ์ที่กำลังรุนแรงในขณะนี้ อยู่ที่ อ.เชียรใหญ่ อ.ชะอวด และบางส่วนในตำบลควนเกย ของ อ.ร่อนพิบูลย์ ขณะที่สภาพอากาศยังคงแห้งแล้งอย่างหนัก ฝนทิ้งช่วงมานานนับเดือนแล้ว ป่าพรุอยู่ในสภาพแห้งแล้ง พื้นป่าที่เคยชุ่มน้ำแห้งซากพืชที่ทับถมกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่เร่งให้ไฟขยายวงแนวลุกลามอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วงสายของวันเดียวกันนี้ พล.ต.กิตติ อินทสร รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ได้นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ใน 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ชะอวด และ อ.ร่อนพิบูลย์ ซึ่งเป็นอาณาบริเวณของป่าพรุควนเคร็ง พบว่า แนวไฟกำลังลุกลามขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10 จุด และบางจุดนั้น แนวไฟได้แผ่ขยายยาวหลายร้อยเมตร หรือกว่าหนึ่งกิโลเมตร ส่งกลุ่มควันขึ้นบนท้องฟ้าจนพื้นที่ 3 อำเภอในย่านนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน

ทั้งยังเป็นที่น่าสังเกตว่า จุดที่เริ่มต้นของแนวไฟล้วนแต่อยู่ด้านหลังของแนวสวนปาล์มอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหากประมาณการพื้นที่ความเสียหายจากทางอากาศนั้น มีไม่น้อยกว่า 1.5 หมื่นไร่ และกำลังขยายวงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากแนวไฟที่ขยายออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง

พล.ต.กิตติ อินทสร รองแม่ทัพภาคที่ 4 ระบุว่า แนวไฟได้ลุกลามเข้าไปในป่าลึก การเข้าถึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทัพนั้นได้ทยอยส่งสรรพกำลังเข้าไปสนับสนุนหน่วยงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเร่งด่วน โดยเฉพาะการขนย้ายน้ำเข้าทำการดับเพลิง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารที่คำสั่งขึ้นมาเพื่อการสนับสนุนดับไฟป่าโดยเฉพาะ นอกเหนือจากการเข้าช่วยเหลือประชาชนในเรื่องของสถานการภัยแล้งที่กำลังอยู่ในสภาพวิกฤตเช่นเดียวกัน

ส่วนการจัดการควบคุมไฟป่านั้น นายธนากร รักธรรม หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ายังพบไฟจุดใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงอีก 2 จุด ในขณะที่จุดเดิมนั้นยังมีไฟไหม้อยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนในพื้นที่ ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่แปลงศึกษาไม้เสม็ดขาวครบวงจรของมูลนิธิชัยพัฒนา ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไฟได้ลุกลามเข้ามาในพื้นที่แล้ว ซึ่งทั้งทางทหาร และเสือไฟได้ทำการควบคุมอย่างเต็มกำลัง แต่ยังมีปัญหาเรื่องความรุนแรงของไฟ และแรงลมกระโชกที่เป็นอุปสรรคสำคัญ

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มการป้องกันแนวไฟในเขตพื้นที่โครงการพระราชดำริศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากเกรงว่าแนวไฟจากตำบลบ้านตูล อ.ชะอวด ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกันนั้น จะขยายวงเข้ามาในพื้นที่สร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่ส่งเสริมการเกษตรกรรม และส่งเสริมศิลปาชีพ อย่างเร่งด่วน และเร่งประชาสัมพันธ์ในการป้องกันการเกิดไฟจุดใหม่ด้วยการเป็นหูเป็นตาซึ่งกันและกัน

ขณะที่ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ ไฟป่าระลอกรุนแรงระลอกนี้เป็นระลอกที่ 4 แล้ว มีจุดที่พบไฟทั้งคุมได้ และยังคุมไม่ได้รวมแล้ว 96 จุด ปัญหาที่สำคัญ คือ ความแห้งแล้งของพื้นที่ ส่วนของการทำฝนหลวงนั้นยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากความชื้นน้อยมาก ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ต้องแบ่งการจัดการออกเป็นสองส่วน คือ การจัดการเฉพาะหน้า ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่เข้าดับไฟที่เกิดขึ้น และอีกส่วน คือ การแก้ปัญหาพื้นที่ด้วยระบบชลประทานด้วยการขุดลอกคลอง และขุดเปิดคลองสายใหม่รอบแนวป่าพรุให้เข้าไปหล่อเลี้ยงพื้นที่ป่าขังน้ำไว้เพิ่มความชุมชื้น ซึ่งต้องเป็นการแก้ปัญหาแบบระยะยาว













กำลังโหลดความคิดเห็น