xs
xsm
sm
md
lg

มทภ.4 สั่งดมกลิ่นตามโจรใต้ คาดกลุ่มเดียวกับที่ถล่มฐานพระองค์ดำปี 54

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์
ยะลา - มทภ.4 สั่งทหารกระจายกำลังปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย ไล่ล่ากลุ่มคนร้ายยิงถล่มฐานที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ด้าน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เชื่อเป็นทีมเดียวกันที่ก่อเหตุโจมตีฐานพระองค์ดำ เมื่อปี 54

วันนี้ (18 ก.ค.) เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า จากกรณีคนร้ายประมาณ 25 คน ขับรถยนต์กระบะ 4 ประตู จำนวน 2 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ฐานปฏิบัติการ หมวดปืนเล็กที่ 3 ร้อย ร.15123 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 เมื่อ 17 กรกฎาคม 55 เวลา 18.15 น. ทำให้มีกำลังพลเสียชีวิต จำนวน 1 นาย และได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 นาย ราษฎรเสียชีวิต จำนวน 2 คน และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 คน ซึ่งปัจจุบัน ได้นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

ประกอบด้วย พลทหารสราวุฒ มินสยม เสียชีวิต, ส.อ.จักรวาล ปวงรังษี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณต้นขาขวา ได้รับบาดเจ็บ, พลทหารมนตรี พรมมา กระสุนปืนถูกบริเวณหลังด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บ, พลทหารสุรนันท์ ต้องเวียน กระสุนปืนถูกบริเวณหลังฝามือขวา ได้รับบาดเจ็บ และ พลทหารวันชัย สุขเสถียร กระสุนปืนถูกบริเวณหลังด้านซ้ายได้รับบาดเจ็บ โดยทั้งหมดได้ส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลยะลา

ส่วนชาวบ้านที่เสียชีวิต 2 ราย คือ นางหิ้ว รอยปะริวัตน์ และนายนิติศักดิ์ ขวัญวิชาญ ถูกกระสุนปืนเสียชีวิต บาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายสุดิง ยูโซ๊ะ และนายอินเฮง แซ่กู่ ได้รับบาดเจ็บ ส่งต่อโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์

“พฤติกรรมคนร้ายจำนวนประมาณ 25 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหารพราน ใส่เสื้อเกราะป้องกันกระสุน ใช้รถยนต์กระบะ 4 ประตู ไม่ทราบยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน จำนวน 2 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน เป็นพาหนะ ได้ขับรถมาจอดบริเวณหน้าฐานปฏิบัติการ เปิดฉากการยิงด้วยอาวุธปืนกลมินิ ขนาด 5.56 มิลลิเมตร และเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตร ใส่ฐานปฏิบัติการ และยิงใส่ราษฎรซึ่งนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันหน้าบ้านพัก ซึ่งตั้งอยู่หน้าฐานปฏิบัติการ ฝ่ายเราทำการยิงตอบโต้จึงเกิดการปะทะกันขึ้นประมาณ 5 นาที ทำให้คนร้ายไม่สามารถเข้ามาในฐานปฏิบัติการได้ คนร้ายจึงล่าถอยหลบหนีไปไม่ทราบการสูญเสีย ทำให้กำลังพล และราษฎรเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บดังกล่าว หลังก่อเหตุ คนร้ายได้ตัดต้นไม้ขวางถนน และโปรยตะปูเรือใบ เพื่อป้องกันการติดตาม และเข้าไปให้ความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อและว่า

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ของกลุ่มคนร้ายจำนวน 3 คัน ซึ่งทิ้งไว้หน้าฐานปฎิบัติการ และพบรอยเลือดจำนวนมาก ที่ทางชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ยืนยันตรงกันว่า กลุ่มคนร้ายถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และมีการช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บหลายคนขึ้นรถกระบะหลบหนี และหลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมพื้นที่ต้องสงสัย และสามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้ จำนวน 2 ราย ที่มีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง

สำหรับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส สามารถกดดัน ติดตามจับกุม รวมทั้งตรวจยึดค่ายพักขนาดใหญ่ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ได้จำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้ปะทะกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งได้เข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.15124 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 เมื่อ 9 พฤษภาคม 55 เป็นเหตุให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต จำนวน 2 คน ซึ่งผลสำเร็จจากการปฏิบัติดังกล่าว นอกจากความพร้อมของหน่วย และประสิทธิภาพงานด้านการข่าวแล้ว การมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในการช่วยกันแจ้งเบาะแสก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จดังกล่าว

“การปฏิบัติการทางทหารโดยมุ่งเน้นเข้าติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายระดับแกนนำของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้สามารถจับกุมบุคคลเป้าหมายที่มีหมายจับ ป.วิอาญา ได้แล้วกว่า 50 คน พร้อมกับตรวจยึดอาวุธปืนชนิดต่างๆ ได้แล้วกว่า 130 กระบอก พร้อมวัตถุระเบิด และยุทโธปกรณ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก รวมทั้งการเข้าไปติดตามจับกุม นายซุลกิฟลี ซิกะ ซึ่งตรวจพบ DNA ตรงกับกลุ่มคนร้ายที่เข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.15121 หรือฐานพระองค์ดำ เมื่อ 19 มกราคม 54 ที่ผ่านมา และบุคคลดังกล่าว ได้เคยร้องเรียนผ่านองค์กรต่างๆ ว่าถูกเจ้าหน้าที่ซ้อมทรมานในการจับกุมตัว เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 55 ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า เป็นการร้องเรียนเท็จ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนทราบตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อและว่า

สำหรับการติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 15 ได้มีการเสริมกำลังทั้งกองร้อยทหารพราน ชุดควบคุมที่ 953 และกองร้อยลาดตระเวนระยะไกล เข้าทำการปฎิบัติการปิดล้อม และติดตามกลุ่มคนร้ายกลุ่มที่ก่อเหตุ อยู่ในพื้นที่อยู่ในขณะนี้ ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นการรวมกำลังปฎิบัติการจากหลายพื้นที่เข้ามาปฎิบัติการด้วยกัน ในลักษณะเดียวกับการเข้าโจมตีฐานปฎิบัติการร้อย ร.15121 ซึ่งในขั้นต้นเชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น