xs
xsm
sm
md
lg

เปิดผลศึกษาสารพัดวิธีโหด ซ้อมทรมานชายแดนใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กลุ่มด้วยใจ รายงานผลศึกษาสารพัดวิธีโหด ซ้อมทรมานชายแดนใต้ พบ 33 รูปแบบ ส่วนใหญ่โดนในช่วงกฎหมายพิเศษ ถกทางแก้หาแบบจำลองป้องกันทำร้ายร่างกาย ตำรวจแนะ 3 ข้อ ตั้งองค์กรอิสระตรวจสอบ ทนายมุสลิมเผย ปัจจุบัน ปัญหาลดลง ไม่มีร้องเรียนแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ห้องจะบังติกอ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี กลุ่มด้วยใจ (Hearty Support Group) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง แบบจำลองการป้องกันการซ้อมทรมาน โครงการ Social support for detainee families in Songkhla prison center โดยนำเสนอผลการประเมินผลกระทบของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในเรือนจำกลางสงขลา จากการถูกซ้อมทรมาน จำนวน 70 คน ซึ่งถูกจับกุมระหว่างปี 2547-พ.ศ.2553 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม 50 คน
นางสาวอัญชนา หีมมิน๊ะ ประธานกลุ่มด้วยใจ
น.ส.อัญชนา หีมมิน๊ะ ประธานกลุ่มด้วยใจ กล่าวว่า จากการศึกษาโดยการสัมภาษณ์และสังเกต พบว่า ร้อยละ 80 ของผู้ให้สัมภาษณ์ได้รับผลกระทบจากการทรมานขณะถูกควบคุมตัวหรือระหว่างการซักถาม ภายใต้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยศึกษาระหว่าง วันที่ 20 เมษายน-9 กรกฎาคม 2553

โดยผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงส่วนใหญ่ถูกค้นร่างกาย และค้นบ้านที่พักอาศัย และถูกรื้อค้น ร้อยละ 76.60 รองลงมาคือ ถูกจับกุม กักขัง ร้อยละ 74.47 ถูกทำร้ายร่างกาย ร้อยละ 72.34 ถูกกีดกันไม่ให้พบครอบครัว หรือเพื่อน ร้อยละ70.21 โดยเฉพาะในช่วง 3 วันแรก สูงสุดถึง 7 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่ถูกซ้อมทรมานทำร้ายร่างกายมากที่สุด โดยแต่ละคนมักได้ประสบการณ์มากกว่า 1 กรณี

น.ส.อัญชนา กล่าวต่อไปว่า ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ถูกทำร้ายร่างกาย มักถูกกระทำระหว่างการจับกุม ในกระบวนการซักถาม และการสอบสวน และจากการศึกษายังพบว่า การทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษในรูปแบบที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ความเป็นมนุษย์ของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ต้องหาคดีความมั่นคง แบ่งได้ 3 ช่วง คือ ระหว่างการจับตัว ระหว่างเดินทาง และระหว่างควบคุมตัว

สำหรับรูปแบบการทรมาน ตรวจสอบพบ 33 รูปแบบ โดยรูปแบบที่พบมากที่สุด คือ มีบาดแผลถูกชก ต่อย เตะ ตบ เฆี่ยนตี ลวด กระบอง หกล้ม การทรมานในท่าต่างๆ เช่น การแขวน การถ่างขา อยู่ในอุณหภูมิสุดขั้วร้อน-หนาว อยู่ในที่ขาดสุขลักษณะ ขังในห้องแคบ หรือแออัด ปิดตา หรือคลุมศีรษะ อยู่ในที่แสงสว่างจ้า หรือที่ไม่มีแสง ข่มเหงด้วยคำพูด ทำให้อับอาย ข่มขู่เอาชีวิต จำลองการประหารชีวิต และถูกบังคำให้สารภาพ หรือเขียนคำสารภาพ

น.ส.อัญชนา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังพบรูปแบบการทรมานแบบแปลกๆ เช่น การเผาไหม้ด้วยบุหรี่ น้ำร้อน หรือสารกัดกร่อน ทำให้ขาดอากาศหายใจ สำนักน้ำ ควัน หรือสารเคมี ใช้ลูกกลิ้งหนักบด หรือกดบนโคนขา หรือแผ่นหลัง สอดลวดใต้เล็บหัวแม่เท้า ใช้สารเคมี เกลือ พริก น้ำมันเบนซินใส่ในแผล หรือรูพรุนตามร่างกาย ทรมานอวัยวะเพศ ข่มขืน ผ่าตัดนำอวัยวะภายในออก บังคับให้รับประทานยา น้ำมัน หรือสารเคมี ให้อาหาร หรือน้ำปนเปื้อนเชื้อโรค ใช้สัตว์รุกราน เช่น สุนัข แมงป่อง บังคับให้ปฏิบัติในสิ่งที่ขัดแย้งกับศาสนา ให้ดูถูกผู้นำศาสนา บังคับให้ทรยศผู้อื่น หรือให้ทำร้ายผู้อื่น เป็นต้น

น.ส.อัญชนา เสนออีกว่า ส่วนผลกระทบจากการทรมานพบว่า มี 3 ระดับ คือ ระดับบุคคล ระดับครอบครัว และระดับชุมชน โดยระดับบุคคล ได้แก่ ผลกระทบต่อร่างกาย เช่น พบร่องรอยถูกกระแทก เคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก และจากการถูกกระทำที่อวัยวะเพศ ทำให้วิตกกังวลถึงสมรรถภาพทางเพศ ผลกระทบต่อจิตใจ พบว่า มีอาการของโรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า และพบภาวะเครียดสุดขีดจากการประสบเหตุร้ายแรง

ผลกระทบต่อครอบครัว เช่น ถูกประณามจากสังคม ถูกแยกออกจากสังคม สูญเสียสถานะทางสังคม และอาชีพ ผลกระทบทางจิตใจต่อเด็กในครอบครัว ซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บที่มองไม่เห็น ส่วนผลกระทบทางด้านสังคม เช่น คนในสังคมโกรธ และสงสัยต่อเจ้าหน้าที่ รัฐต้องเข้ามาช่วยเหลือดูแล เป็นต้น

ส่วนข้อเสนอแนะ ได้แก่ กำหนดมาตรการ หรือกระบวนการตรวจสอบมิให้มีการซ้อมทรมาน ส่งเสริมให้การซ้อมทรมานเข้าสู่การตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อมิให้เกิดภาวการณ์ไม่ต้องรับผิดชอบทางอาญา ผลักดันให้เกิดการเยียวยาและชดเชยอย่างเป็นระบบ และรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าใจหลักสิทธิมนุษยชน และรู้ช่องทางในการป้องกันกาละเมิดสิทธิมนุษยชน

ด้าน พ.ต.อ.อนุสรณ์ จิระพันธ์ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา เสนอต่อที่ประชุมว่า การแก้ปัญหาการซ้อมทรมาน 1.ให้มีองค์กรอิสระที่ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนาตรวจสอบการซ้อมทรมาน หากพบว่า มีการซ้อมทรมานจริงให้ดำเนินการตามกฎหมาย 2.ให้มีนักวิชาการหลายภาคส่วน เช่น ด้านศาสนา และนักวิชาการทั่วไปที่เป็นกลาง ออกมาวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของประชาชน 3.ให้มีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวที่สามารถตัดสินใจเรื่องการซ้อมทรมาน

นายอับดุลเลาะห์ หะยีอาบู ทนายความจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ปัจจุบัน การร้องเรียนว่าถูกซ้อมทรมานลดลงแล้ว อันเป็นผลมาจากการทำงานของภาคประชาชนในการรณรงค์ให้ลดการซ้อมทรมานผู้ถูกควบคุมตัว

กองบรรณาธิการ โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ (DSJ)
กำลังโหลดความคิดเห็น