xs
xsm
sm
md
lg

“ระบอบชินวัตร” กัดกินไทยเข้ากระดูกดำ?!/ปิยะโชติ อินทรนิวาส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ : ด้ามขวานผ่าซาก
โดย...ปิยะโชติ อินทรนิวาส

เวลานี้ มีเหตุการณ์มากมายที่ล้วนแต่นำพาสังคมไทยไปสู่วิกฤตชนิดที่ต้องเรียกว่า สาหัสสากรรจ์ ไม่ว่าจะเป็นเยาวชนอนาคตของชาติหนีเรียนไปมั่วสวิงกิ้งในม่านรูด หรือเล่นหนังสดโชว์กันในโรงหนัง นั่นก็เป็นเรื่องเดียวกันกับหญิงสาวโชว์เอานมวาดภาพออกฟรีทีวี หรือความวุ่นวายทางการเมืองอย่างคางคกเกิดคึก ท้าตีท้าต่อยองค์กรตุลากร อหังการของคนเสื้อแดงสำแดงฤทธิ์เดชใหญ่ค้ำฟ้า

กระทั่งเรื่องในสภาฯ ที่ฝ่ายกุมอำนาจรัฐต้องการล้มล้างรัฐธรรมนูญเสียเอง ดันกฎหมายปรองดองเพื่อสร้างความแตกแยก สยบยอมให้แก่พญาอินทรีที่อยู่คนละซีกโลกเข้ามาใช้ฐานทัพอู่ตะเภา โดยไม่สนใจพญามังกรที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง หรือเพื่อนบ้านติดกันอย่างอาเซียนจะขุ่นข้องหมองใจหรือไม่ อันชี้ชัดว่า ไทยเราจะต้องสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดน แถมยังมีเรื่องที่อาจจะนำไปสู่การสูญเสียแผ่นดินจริงๆ จากกรณีศาลโลกกำลังจะมีคำพิพากษาคดีเขาพระวิหาร ซึ่งว่ากันว่า เป็นเรื่องของการไล่ล่าอาณานิคมยุคใหม่เพื่อหวังฮุบเอาทรัพยากรด้านพลังงาน เป็นต้น

หลายคนวาดภาพบ้านเมืองเราเวลานี้ไม่ต่างจากถูกซุกระเบิดเวลาไว้ รอแต่เพียงให้ทุกปัญหารุมเร้าจนลุกเป็นไฟไปจุดชนวนระเบิดเข้าสักวัน หรือบ้างก็ว่า สังคมไทยไม่ต่างจากร่างกายมนุษย์ที่มากมายไปด้วยแผลพุพอง และล้วนกลัดหนองเจ็บระบมอยู่ในขั้นสุดท้าย โดยกำลังรอเวลาให้ฝีแตกเพื่อการรักษาตัวเอง ซึ่งก็น่าจะไม่นานนัก

ผมมองภาพเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเชื่อมต่อไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มาในอดีตช่วงประมาณ 10 ปีมานี้ โดยพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศชาติ และประชาชนคนไทย วิกฤตต่างๆ มันมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ พยายามขบคิดทบทวนไปมาจนได้ข้อสรุปว่า แท้จริงแล้ว ปัญหาทั้งหมดทั้งปวงล้วนมีที่มาจากรากเหง้าเดียวกัน

เริ่มจากมีบุคคลที่เกิดอาการโลภโมโทสันไม่สิ้นสุด แล้วก็ขยายเครือข่ายจนกลายเป็นกลุ่มก๊วนเข้ายึดอำนาจรัฐไว้ในมือ ทว่า ในฉากหลังกลับเชื่อมโยงกับขุมข่ายทุนสามานย์ขนาดใหญ่ทั้งใน และนอกประเทศ

ระหว่างที่คิดอยู่นั้น ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็ปรากฏมีภาพล่องลอยมาให้เห็นแบบชัดแจ้งแจ๋วแหวว เริ่มจากภาพคนมีใบหน้าสี่เหลี่ยมที่เป็นนักโทษหนีคุกจากประเทศไทยไปลอยหน้าลอยตาบัญชาการป่วนบ้านเผาเมืองอยู่ต่างประเทศคือ
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
“ทักษิณ ชินวัตร”

แล้วตามติดมาด้วยบรรดาข้าทาสบริวาร กลุ่มอิทธิพล แก๊งเสื้อแดง ก๊วนนักการเมืองทั้งระดับชาติ และท้องถิ่น รวมถึงพวกข้าราชการที่ต่างก็สยบยอมเป็นลิ่วล้อรับใช้ คนเหล่านั้นถูกต้อนให้มาปฏิบัติการร่วมกันจนถูกเรียกขานเป็นเครือข่ายว่า

“ระบอบทักษิณ”

เป็นที่น่าสังเกตว่า สองภาพแรกช่างเป็นอะไรที่ชัดเจนมองเห็นได้ง่ายๆ แบบมีวาระให้ออกมาแสดงได้แทบทุกเมื่อเชื่อวัน แต่อีกภาพที่จะกล่าวถึง กลับไม่ค่อยได้ปรากฏสักเท่าไหร่ นานๆ จะออกมาวาดลวดลายอยู่หน้าฉากสักที จนคนจำนวนมากมักหลงลืมไปว่า แท้จริงแล้ว พิษสงของเครือข่ายนี้โยงใยอยู่หลังฉากของทั้งสองภาพแรกนั่นแหละ ซึ่งก็คือ ตัวตนของทักษิณ ชินวัตร กับญาติโกโหติกา และวงศ์วานว่านเครือใกล้ชิดที่ตั้งหน้าตั้งตาทำทุกวิถีทางให้ได้กอบโกยผลประโยชน์ร่วมกันในนาม

“ระบอบชินวัตร”

ทั้งทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณ สองภาพนี้ผมมั่นใจว่าคนไทยจำนวนมากรู้จัก และเข้าอกเข้าใจในพิษสงเป็นอย่างดี สามารถจดจำสิ่งต่างๆ ทั้งสองสิ่งนี้ทำไว้ได้แม่นยำ เช่นเดียวกันสามารถจินตนาการได้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการกระทำในอนาคตด้วย ที่เชื่อมั่นแบบนี้ก็เนื่องจากเราทุกคนล้วนตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเราต่างได้รับผลกระทบจากฝีมือทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณมาแล้วไม่มากก็น้อย

แต่กลับระบอบชินวัตรนี่สิ ที่ผ่านมา ดูเหมือนผู้คนจำนวนมากจะมองไม่ค่อยเห็นตัวตนที่มันดำรงอยู่ในสังคมไทย หลากหลายเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดจากฝีมือของระบอบชินวัตรโดยตรง หรือเกี่ยวข้องโยงใยสาวไปได้ถึงว่า ระบอบชินวัตรมีส่วนได้เสียด้วย เรากลับมองเหตุการณ์เหล่านั้นแบบผิวเผิน แล้วให้มันผ่านเลยไปได้เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เราต่างก็ตกเป็นเหยื่อของการกระทำเหล่านั้นอยู่ด้วย

ห้วงเกือบ 10 ปีมานี้ ที่คนไทยส่วนใหญ่มัวแต่สาละวนลุกขึ้นต่อสู้กับทักษิณ ชินวัตร ที่กระทำย่ำยีบ้านเมือง รวมตัวต่อต้านระบอบทักษิณที่ครอบงำสังคม และยึดอำนาจรัฐไปไว้ในมือได้แบบแทบจะต่อเนื่องตลอดเวลา เชื่อหรือไม่ว่า ระบอบชินวัตรได้ถือโอกาสที่ผู้คนไม่ค่อยหันไปมอง ตั้งหน้าตั้งตากัดกินเลือดเนื้อประเทศชาติ และประชาชนคนไทยจนลึกเข้าไปถึงกระดูกดำแล้ว

เอาเพียงแค่เบาะๆ ของตัวอย่างให้เราได้ทบทวนความจำดูกันนะครับ อย่างกรณีระบอบชินวัตรอาศัยเส้นสายทางการเมืองเข้าสู่สัมปทานผูกขาดในกิจการโทรศัพท์ และโทรคมนาคมในนามกลุ่มบริษัทชินคอร์ป เมื่อกอบโกยได้ไปจนอิ่มแล้วก็ยังไม่หนำใจ กลับเอาหุ้นส่วนใหญ่ที่อยู่ในมือของตระกูลชินวัตร และดามาพงศ์ไปขายให้แก่บริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของสิงคโปร์ได้เงินไปอีกกว่า 7.3 หมื่นล้านบาท โดยไม่สนใจว่าทรัพย์สินที่ได้สัมปทานจากรัฐแล้วเอาไปขายต่อให้ต่างชาตินั้น เป็นของคนไทยทุกคน และที่สำคัญ เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศชาติโดยตรงเสียด้วย

ดีลการขายชินคอร์ปเกิดขึ้นช่วงปลายเดือนมกราคม 2549 ซึ่งถือเป็นการเอาทรัพย์สินของคนไทยทุกคนไปขายให้ทุนเทศครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย จึงเป็นที่โจษขานกันในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน และนำไปสู่ปัญหาที่สร้างผลกระทบต่อชาติ และคนไทยใหญ่หลวง ทำให้เกิดการลุกฮือขึ้นต่อต้าน และขับไล่ ถัดไปเพียงเดือนเดียว คือกุมภาพันธ์ 2549 ถึงกับต้องยุบสภาหนี แล้วก็นำไปสู่การถูกยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549

แต่เชื่อไหมครับว่า ความที่เป็นดีลธุรกิจสีเทา เวลานี้ผ่านมาแล้วเกือบ 7 ปี แทบไม่พบเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรที่เกิดขึ้นกับอาณาจักรธุรกิจที่ระบอบชินวัตรขายทิ้งไป ยังคงอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเหมือนเดิม หลังขายก็ยังใช้ชื่อชินคอร์ปอันมีที่มาจากชื่อตระกูลต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่งจะเปลี่ยนใหม่เป็นอินทัช (intouch) เมื่อไม่นานมานี้ แต่บรรดาผู้บริหารแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รวมถึงอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่ปรับเปลี่ยน เช่น AIS จนทำให้ดูเหมือนว่า อาณาจักรธุรกิจแห่งนี้ยังคงอยู่ในมือของระบอบชินวัตร

นอกจากนี้แล้ว ที่กำลังเป็นที่ก่นด่าของคนไทยทั้งประเทศก็คือ การแปรรูป ปตท. ซึ่งว่ากันว่าหุ้นที่ถูกระบุให้ขายให้แก่ประชาชน แต่ส่วนใหญ่กลับตกไปอยู่ในมือของระบอบชินวัตรและเครือข่าย แถมกิจการอีกหลายบริษัทในเครือ ปตท.ก็ไม่แตกต่าง ไม่เพียงเท่านั้น ความที่ยึด ปตท.ไปได้นี่แหละ ที่ทำให้ระบอบชินวัตรสามารถสยายปีกการลงทุนในด้านพลังงานไปได้อย่างกว้างขวาง ทั้งใน และนอกประเทศ ทั้งในที่ลับ และที่แจ้ง รวมถึงสามารถขยายไลน์และแตกไลน์ธุรกิจเข้าไปยังหลายประเทศได้อีกด้วย ขณะที่คนไทยต้องแบกรับภาระซื้อน้ำมันใช้ในราคาสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

เวลานี้ ระบอบชินวัตรก็ยังมีเครือข่ายธุรกิจโยงใยอยู่ในประเทศไทยมากมาย แถมหลายธุรกิจยังเป็นเรื่องของการผูกขาดตัดตอน และก็มีที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสี่ของคนไทยทั้งประเทศเสียด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่อยู่อาศัย การรักษาพยาบาล การสื่อสารและโทรคมนาคม แม้กระทั่ง การปล่อยเงินกู้แบบแขกก็ไม่เว้น อย่างนี้แล้วจะไม่เรียกว่ากินลึกถึงกระดูกดำได้อย่างไร

ทั้งนี้ทั้งนั้น จึงนำไปสู่ภาพที่ว่า ทำไมทักษิณ ชินวัตร จึงสามารถบินโฉบไปมารอบๆ ประเทศไทยได้อย่างสบายใจ และสามารถต่อท่อน้ำเลี้ยงให้แก่คนในระบอบทักษิณได้อย่างไม่เคยสะดุด หลายครั้งหลายครา ทำไมจึงมีการทุ่มเทให้เกิดการก่อวิกฤตการณ์ต่างๆ ขึ้นได้มากมาย รวมถึงทำไมจึงเกิดการเผาบ้านเผาเมือง เรื่องนี้ถูกตั้งเป็นคำถามไว้แบบยังไม่มีคำตอบชัดว่า เกี่ยวข้องกับขุมข่ายธุรกิจของระบอบชินวัตรที่ยังหากินกับคนไทยหรือไม่

เหล่านี้เป็นเพียงหนังตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า วิกฤตปัญหาต่างๆ นานาในสังคมไทย นอกจากจะพุ่งเป้าไปที่ทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณแล้ว เราไม่ควรมองข้ามความสำคัญของ “ระบอบชินวัตร” ที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพอยู่ในเวลานี้
กำลังโหลดความคิดเห็น