xs
xsm
sm
md
lg

นครศรีฯส่ง “เสือไฟ” ขึ้นหอคอยเฝ้าระวังไฟป่าหลังพบกลุ่มควันต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - เจ้าหน้าที่หน่วย “เสือไฟ” ใช้หอคอยดูไฟเฝ้าระวังพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง สังเกตกลุ่มควันตลอด 24 ชม. พร้อมส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็วเข้าตรวจสอบพื้นที่หลังพบกลุ่มควันอย่างต่อเนื่อง ด้านผู้ว่าฯ ประสานหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงดับไฟป่าอีกทางหนึ่ง

ความคืบหน้าของสถานการณ์ไฟป่าในเขตป่าพรุควนเคร็ง ที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ใน จ.นครศรีธรรมราช เช่น อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.หัวไทร อ.ชะอวด ซึ่งประกอบไปด้วย ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 5 ผืน ล่าสุด วันนี้ (21 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการ “เสือไฟ” จากสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต้องปีนขึ้นไปบนหอดูไฟสูงจากพื้นดินเกือบ 20 เมตร เพื่อนั่งเข้าเวรยามเฝ้าระวังพื้นที่ป่าพรุป่าท่าช้างข้าม ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ตลอดทั้งวันทั้งคืน เพื่อสังเกตกลุ่มควันไฟที่เกิดขึ้นในป่าพรุและหากพบสิ่งปิดปกติพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเข้าทำการตรวจสอบทันที

นายสุทิน ชำนาญแป้น ผู้ช่วยหัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระบุว่า ในการปฏิบัติหน้าที่นั้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้กล้องส่องทางไกลคอยตรวจตรากลุ่มควันที่เกิดขึ้นในผืนป่า หลังจากนั้น จะใช้ความชำนาญพื้นที่วิทยุแจ้งเตือนให้หน่วยเสือไฟที่อยู่ใกล้กับพื้นที่นำอุปกรณ์เข้าตรวจสอบทำการสกัดแนวไฟไม่ให้ลุกลามเข้าพื้นที่ แม้ว่าขณะนี้ในภาพรวมสถานการณ์จะคลี่คลายและอยู่ในความควบคุมแล้วก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอนทราย-ป่ากล้อง ใน อ.เฉลิมพระเกียรติ เจ้าหน้าที่ยังคงต้องเคลื่อนที่เร็วเข้าตรวจสอบพื้นที่ตลอดทั้งวัน เนื่องจากพบชาวบ้านเผาพื้นที่ครอบครองในเขต ส.ป.ก.ที่อยู่ใกล้กับแนวเขตป่าสงวน เนื่องจากเกรงว่าไฟจะลุกลามเข้าพื้นที่ป่าสร้างความเสียหายขึ้นอีก

นายธนากร รักธรรม หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยว่า ในช่วงเวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเข้าทำการคุมเพลิงในพื้นที่ป่าดอนทราย-ป่ากลองอีกครั้งเนื่องจากมีการลักลอบเผาขึ้นอีก 2 จุด ห่างจากจุดเดิมไปราว 1.5 กิโลเมตร ต้องเดินเท้าเข้าไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนย้ายกำลังคนและอุปกรณ์ด้วยรถยนต์ได้ อย่างไรก็ตาม แนวไฟป่ายังคงอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่

ด้าน นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมหารือและกำหนดแนวทางการออกปฏิบัติการฝนหลวง ร่วมกับ นายราชันย์ บุญรอด หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้แทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายหลังเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพอากาศก่อนร่วมปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง จ.นครศรีธรรมราช

โดยหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการออกตรวจสอบสภาพพื้นที่พบว่ามีการจับตัวของกลุ่มเมฆและมีระดับความชื้นสัมพัทธ์ที่สามารถออกปฏิบัติการฝนหลวงได้ แต่มีอุปสรรคบ้างที่มีลมแรงและกลุ่มเมฆกระจายตัว อย่างไรก็ตาม ทีมปฏิบัติการฝนหลวงจะสามารถออกปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งได้

นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า ทีมปฏิบัติการฝนหลวงจะเป็นกำลังสำคัญในการดับไฟในพื้นที่ป่าพรุ ที่แม้ว่าสถานการณ์จะลดความรุนแรงลงแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีไฟคุกกรุ่นในชั้นดินในเขตพื้นที่ อ.ชะอวด และ อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งยังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนการเกิดเหตุที่สำคัญ คือ กระแสลมที่กระโชกรุนแรง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการลุกลามได้อีก โดยในวันพรุ่งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะผู้เชี่ยวชาญจะลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อวิเคราะห์และร่วมแก้ไขสถานการณ์อีกครั้ง

“นอกจากการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ยังได้จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งไว้ครอบคลุม 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ระยะกลาง และการจัดทำแผนแม่บทเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว ซึ่งจะทำแนวเขตกันไฟและร่องน้ำเพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าด้วย ซึ่งที่ต้องใช้งบประมาณดำเนินการกว่า 30 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ส่วนการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้นนั้นทางจังหวัดเองดำเนินการไปบ้างแล้วตามกำลัง ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งภาคประชาชน” ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าว

ในส่วนการแก้ปัญหาในระยะสั้น และระยะกลาง ได้ดำเนินการเพื่อรักษาระดับน้ำในพื้นที่ป่าพรุ มีการเฝ้าระวังไฟป่า โดยมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดหาแหล่งน้ำ ป้องกันจุดเสี่ยง รวมทั้งดำเนินการขุดลอกคลองและทางน้ำ เพื่อจัดส่งน้ำไปยังพื้นที่ป่าพรุ นอกจากนี้ ยังได้จัดชุดเฉพาะกิจที่ประกอบด้วยภาคส่วนต่างๆ รวม 37 หน่วยงาน อาทิ ฝ่ายทหาร ตำรวจ ตชด.ป่าไม้ และฝ่ายปกครอง เพื่อเข้ากวดขันและบังคับใช้กฎหมายปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติอย่างเคร่งครัด


กำลังโหลดความคิดเห็น