ผ่าประเด็นร้อน
กำลังกลายเป็นประเด็นคำถามคาใจคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ กับเรื่องที่ทางรัฐบาลไทยอนุญาตให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (นาซา) มาใช้สนามบินอู่ตะเภา โดยมีการอ้างว่ามีภารกิจเพื่อตรวจสอบสภาพดินฟ้าอากาศในภูมิภาคนี้ ซึ่งไทยได้รับประโยชน์ในเรื่องการป้องกันภัยธรรมชาติ ไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหารแต่อย่างใด
เรื่องดังกล่าวกำลังจะกลายเป็นเรื่องหวาดระแวงเป็นเรื่องคาใจสำหรับคนไทยทั่วไปอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า การ “ไร้เครดิต” ขาดความน่าเชื่อถือของคนในรัฐบาล ไล่ลงมาตั้งแต่ผู้นำสูงสุด คือ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องคนอื่น เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต
คนพวกนี้ไม่ว่ามองในมุมไหนล้วนไม่น่าเชื่อถือ ภาพที่ออกมาล้วนแล้วออกมาในลักษณะ “หุ่นเชิด-โคลนนิ่ง” หรือ “ลูกน้อง” เสียมากกว่า ไม่ได้มีความคิดเป็นของตัวเอง และที่สำคัญหากพูดให้ตรงๆ ก็คือทุกคนล้วนแล้วแต่สายตรงจาก ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน เมื่อมีการเกี่ยวข้องกับสหรัฐอเมริกาเมื่อไหร่ มันก็ยิ่งชวนให้ขนหัวลุก เพราะถ้าลองคบกับประเทศนี้แล้วรับรองได้ต้องมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ประเภทหวังดี การกุศลล้วนๆไม่เคยมีเด็ดขาด คราวนี้ก็เช่นเดียวกันยิ่งมีเรื่องผลประโยชน์เรื่องธุรกิจน้ำมัน ข่าวความพยายามของสหรัฐอเมริกาที่หันกลับมายุ่มย่ามในเอเซีย-แปซิฟิกอีกรอบเพื่อมาถ่วงดุลอำนาจกับจีน ยิ่งทำให้คนไทยระแวง
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ระแวงว่าจะมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำตัวเป็น “นายหน้า” ข้ามชาตินี่สิมันก็ยิ่งทำให้มองเชื่อมโยงถึงกัน โดยเฉพาะข้อแลกเปลี่ยนเฉพาะหน้าแบบเล็กๆ น้อยๆ ก่อนเช่นแลกกับวีซ่าเข้าประเทศ ทำให้สะดวกในการสร้างภาพทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องเกิดความรู้สึกดังกล่าว เพราะเมื่อพิจารณาจากตัวบุคคลแต่ละคนล้วนแล้วแต่ทำให้คิดไปทางนั้นได้จริงๆ
นอกจากประเด็นเรื่องผลประโยชน์ด้านพลังงานในภูมิภาคแล้ว เรื่องสำคัญที่ทำเอาหลายฝ่ายวิตกก็คือกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้านโดยไม่คุ้มค่าหรือเปล่า โดยเฉพาะการเอาผลประโยชน์ส่วนตัวของคนบางคนไปแลกกับความเสี่ยงทางด้านอำนาจอธิปไตย ทำให้เกิดความไม่พอใจ กระทบความสัมพันธ์กับมหาอำนาจในย่านนี้คือ จีน เป็นการทำลายความสมดุลหรือไม่
คำถามก็คือ นาซาจะมาขอใช้สถานที่ “สนามบินอู่ตะเภา” เพื่อขนอุปกรณ์ตรวจสอบสภาพอากาศ ตรวจสอบทิศทางลมเพียงอย่างเดียวอย่างนั้นหรือ ซึ่งแน่นอนว่าหากมองอีกมุมหนึ่งเมื่อรู้อยู่แล้วว่าหากให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาตรงๆ ไม่ได้ก็ใช้วิธีเลี่ยงว่าเป็นภารกิจทางด้านวิทยาศาสตร์ ป้องกันภัยพิบัติเพื่อมนุษยชาติ มองดูในแง่บวก แต่ไม่ว่ามองในมุมไหนรับรองว่าไม่ธรรมดาแน่ และที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลก็ไม่เคยชี้แจงเรื่องข้อตกลงการใช้สนามบิน หรือเปิดเผยออกมาให้ชัดเจน ทำเป็นลับๆ ล่อๆ ก็ยิ่งน่าสงสัย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้ยอมถอนวาระการพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน ซึ่งมองได้ว่าอาจเป็นเพราะเรื่องดังกล่าวกำลังกลายเป็นชนวนความไม่พอใจและสร้างกระแสต่อต้านขึ้นมาสมทบอีก ขณะเดียวกัน มีเสียงยืนยันออกมาจากผู้ตรวจการแผ่นดินว่าต้องเข้าสู่กระบวนการตาม มาตรา 190 ให้รัฐสภาเห็นชอบ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ต้องหมายความว่ามีความเสี่ยงเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นมาอีก เพราะถ้าเดินหน้าต่อก็ต้องเปิดสภาสมัยวิสามัญ เนื่องจากสภาปิดสมัยประชุมแล้ว บรรยากาศที่เริ่มนิ่งแล้วจะกลับมาร้อนแรงอีก เชื่อว่าด้วยสาเหตุที่ไม่อยากให้ป่วน ยอมหลบไปก่อนชั่วคราวดีกว่า
เพราะตอนนี้เท่าที่หยั่งกระแสหลัก ยังเป็นเรื่องปรับคณะรัฐมนตรีมาก่อน ส่วนเรื่องอื่นรอไว้หลังเปิดสภาช่วงเดือนสิงหาคม แต่ก็พอประเมินในภาพรวมได้ว่านับจากนี้ไปคิดจะทำอะไรมันไม่หมูเหมือนเดิมแน่นอน!!