นครศรีธรรมราช - ผบ.เรือนจำนครศรีสั่งผู้คุมค้นซ้ำแดน 6 หลังนักโทษตื่นนอนซุกมือถือแยบยลอีก 11 เครื่อง ตั้ง กก.เตรียมสอบวัสดุก่อสร้างที่ถูกอายัดคาดทุบแล้วพบอีกอื้อ ด้านตำรวจไล่บี้สอบ จนท.เรือนจำ คนสั่งซื้อ คุมเข้มของเข้าเรือนจำชั่งน้ำหนักทำตารางเทียบ หากผิดปกติรื้อทันที ส่วนผู้คุมน้ำดีเครียดปฏิบัติงานล้าหนักวอนเพิ่มอัตรากำลังด่วน
ที่ จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ (1 พ.ค.) การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาเครือข่ายยาเสพติดครั้งใหญ่ที่สุดของจังหวัดนครศรีธรรมราช และครั้งสำคัญของประเทศที่มีความเชื่อมโยงกับเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงกลางคืนนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยอาสาสมัครหลายฝ่ายร่วมกันลาดตระเวนโดยรอบเรือนจำเพื่อสกัดขบวนการนำสิ่งของส่งเข้าเรือนจำโดยการโยนข้ามกำแพงเข้าไป
ส่วนความคืบหน้าล่าสุด ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (1 พ.ค.) ที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายถาวร สันตจิตร หัวหน้าฝ่ายควบคุมกลาง และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในแดน 6 ได้เข้าทำการตรวจค้นเรือนนอนแดน 6/2 เป็นการตรวจค้นแบบฉับพลัน ผลปรากฏว่า สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือถูกซุกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ รวม 11 เครื่อง โดยจำนวนนี้พบวิธีการซุกซ่อน และนำเข้ามาเรือนจำแบบใหม่หลุดลอดสายตาเจ้าหน้าที่คือ การสอดโทรศัพท์ใส่ในขวดน้ำดื่มชนิดขุ่นได้อย่างแนบเนียน
โดยเจาะเป็นช่องทางท้ายขวดแล้วจึงซีลเป็นช่องสอดโทรศัพท์ไว้โดยน้ำไม่รั่ว และกระป๋องน้ำอัดลมที่ถูกตัดปากแล้วตกแต่งไว้อย่างแนบเนียน ด้านในพบถุงพลาสติคบรรจุน้ำซึ่งเบื้องต้นนั้นสันนิษฐานว่า จะเป็นยาไอซ์ละลายน้ำ ที่สอดคล้องกับการข่าวก่อนหน้านี้ว่านักโทษจะนำยาไอซ์ละลายน้ำเก็บไว้ เมื่อต้องการเสพ หรือขายนั้นจะนำเอาน้ำที่ละลายยาไอซ์นี้ใส่ในถาดโลหะ จากนั้นจะนำไปตากแดด หรือตั้งให้แห้งเกล็ดยาไอซ์จะกลับมาเป็นสภาพเดิมหลังจากนั้นจะจำหน่ายในเรือนจำ หรือใช้เสพ
นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ส่งหนังสือถึง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอสำเนาคลิปในโทรศัพท์มือถือของนักโทษที่แสดงภาพการเสพยาเสพติด สำเนาอย่างเป็นทางการจะได้ในวันนี้ ส่วนการตรวจสอบภายในเรือนจำนั้นเราได้ตัวบุคคลแล้ว 1 ราย และกำลังขยายผลในวันนี้จะทราบว่ามีใครร่วมอยู่บ้าง กรมราชทัณฑ์กำหนดความผิด 2 ส่วนคือ 1.แจ้งความดำเนินคดีฐานเสพยาเสพติด และ 2.ในเรือนจะใช้กฎหมายราชทัณฑ์ดำเนินการคือ ลดชั้นนักโทษลงอย่างน้อย 2 ชั้น และตัดสิทธิประโยชน์ เช่น การเยี่ยมญาติ และตัดวันลดโทษออกไป
“เราได้เข้มงวดอย่างเต็มที่เจ้าหน้าที่ต้องรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมนักโทษที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ วันนี้ผมเชื่อว่า จำพวกโทรศัพท์มือถือยังหลงเหลือ โดยการฝังดิน และการซุกซ่อนตามมุมหลืบวัสดุก่อสร้างต่างๆ ในพื้นที่ 62 ไร่ วันนี้เจ้าหน้าต้องบำรุงขวัญกำลังใจ ทุกคนในเรือนจำต้องทำงานกันอย่างเป็นทีม ทุกคนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในต้องหมุนเวียนกันทำงานกันหนักมาก” ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช กล่าว
นายถาวร สันตจิตร หัวหน้าฝ่ายควบคุมกลาง เปิดเผยว่า กรณีพบโทรศัพท์มือถือซุกซ่อนอยู่ในอิฐบล็อก 3 ก้อน รวม 39 เครื่องวานนี้ ได้ส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนขยายผลไปยังต้นทางของการส่งของเข้ามาในเรือนจำ ส่วนอิฐบล็อก และอิฐตัวหนอนที่เหลือ ทาง ผบ.ได้สั่งตั้งกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคือ พ.ต.ท.กรกช ชุมศรี พนักงานสอบสวน สภ.พระพรหม และหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาร่วม โดยวานนี้ได้อายัดอิฐบล็อกไว้ 30 ก้อน ที่ต้องสงสัยทำหมายเลขกำกับไว้ทุกก้อน และอีกประมาณ 200 ก้อน จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งจะมีการทุบตรวจสอบภายในวันนี้ คาดว่าจะมีของต้องห้ามอยู่ภายในอีก
“เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวดขึ้นอีกหลายเท่าตัว ถึงขั้นนำเอาเครื่องชั่งมาใช้ เช่นชั่งปลากระป๋อง ชั่งนมกล่อง ว่ามีขนาดน้ำหนักเท่าไหร่ หลังจากนั้นจะทำตารางน้ำหนักไว้ เมื่อมีการส่งของพวกนี้เข้ามาหากน้ำหนักผิดปกติจะต้องตรวจค้นโดยละเอียดทันที” หัวหน้าฝ่ายควบคุมกลางกล่าว
พ.ต.ท.กรกช ชุมศรี พนักงานสอบสวน สภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของการดำเนินคดีกับมือถือ 39 เครื่อง เจ้าหน้าที่เรือนจำได้ส่งมาให้พนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งมีของกลางคือ โทรศัพท์มือถือ 39 เครื่อง อุปกรณ์ต่อพ่วง และอิฐบล็อก ในส่วนของพนักงานสอบสวนขณะนี้กำลังรอเอกสารหลักฐานในการสั่งซื้อจัดซื้อจากทางเรือนจำ ซึ่งขณะนี้เรารู้ตัวแล้วว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำคนไหนเป็นคนสั่งซื้อ เบื้องต้นทราบว่า เป็นคนนอกเหนือจากที่ถูกคำสั่งให้ออกไปปฏิบัติหน้าที่นอกเรือนจำแล้ว
“เราจะต้องสอบว่า เจ้าหน้าที่รายนี้สั่งไปที่ร้านไหนอย่างไร และร้านที่นำมาส่งนั้นเอาอิฐบล๊อกจากไหน มาส่งใครเป็นคนผลิต ใครเป็นคนผสมปูน ใครเป็นคนหล่อปิด จะต้องสอบสวนเอามาให้หมด ตรงไหนขั้นตอนไหนโยนกันไปมาใครโกหกเราจะรู้” พนักงานสอบสวนกล่าว
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม เปิดเผยว่า ในด้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ หรือผู้คุมในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช หลังจากที่มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่ต้องสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำ และเจ้าหน้าที่ที่สมคบกับนักโทษร่วมกันค้ายาเสพติด ออกไปปฏิบัติหน้าที่นอกเรือนจำ จำนวน 13-14 คน แล้วนั้น ส่งผลทำให้อัตราเจ้าหน้าที่ ที่ปกติไม่เพียงพอกับปริมาณนักโทษอยู่แล้ว
เจ้าหน้าที่ที่เหลือต้องรับหน้าเสื่อปฏิบัติหน้าที่แทนเป็นไปด้วยความยากลำบาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายการเงิน ฝ่ายพัสดุ ต้องมารับหน้าที่ในการควบคุมด้วย และต้องหมุนวนเข้าเวรในแดนต่างๆ โดยไม่รู้ล่วงหน้า ต้องไปเข้าเวรเฝ้านักโทษป่วยที่โรงพยาบาล ทำงานเอกสาร งานตรวจค้นสิ่งของที่นำเข้าเรือนจำ ซึ่งแต่ละคนมีงานล้นมือ ยิ่งทำให้มีความเครียดเพิ่มมากขึ้น อยากให้ผู้บังคับบัญชาเพิ่มอัตรากำลังให้มากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นปัญหาความเครียดของเจ้าหน้าที่มากขึ้น เนื่องจากส่งผลต่อครอบครัว และด้านอื่นๆ ตามมาอีกมาก