นครศรีธรรมราช - เรือนจำนครศรีธรรมราชนำหมายศาลเข้าค้น 5 เป้าหมายบ้าน จนท.ราชทัณฑ์-ผู้รับเหมาก่อสร้างในเรือนจำ ด้านผู้คุมที่อยู่ระหว่างต้องทัณฑ์วินัยกราบตำรวจร้องขอช่วยรักษาชีวิต แลกกับการยอมคายข้อมูลสิ้นไส้แฉขบวนการ “กินตรวน” รีดเงินญาติผู้ต้องขัง
การสะสางปัญหาภายในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยมี นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้เดินหน้าร่วมมือกับทุกฝ่ายในการเปิดเรือนจำให้เข้ามาช่วยกันสะสางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในขณะที่ทางฝ่ายตำรวจนำโดย พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เร่งสืบสวนขยายผลโดยเฉพาะขบวนการค้ายาเสพติดภายในเรือนจำที่เชื่อมโยงกันระหว่างนักโทษ ผู้ค้าภายนอก และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่มีส่วนร่วม หรือสมคบในการค้ายาเสพติดรวมถึงการประพฤติมิชอบ
วันนี้ (2 พ.ค.) ตั้งแต่ช่วงเช้า พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช, พ.ต.ท.โชคดี ศรีเมือง รอง ผกก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช กำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช ได้แบ่งกำลังออกเป็น 5 ชุดปฏิบัติการ และได้นำหมายค้นซึ่งอนุมัติโดยศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าทำการตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุดด้วยกันภายในเขตอำเภอเมือง
ซึ่งประกอบด้วย บ้านไม่มีเลขที่ในซอยหอไตร 4 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของผู้คุมรายหนึ่ง และได้ตรวจยึดเอกสารทางการเงินที่ต้องสงสัยหลายชิ้นด้วยกัน มีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารจำนวนมาก และในบ้านหลังดังกล่าว ได้จับกุมนายสนไช นันทะชิน อายุ 41 ปี อยู่ 103 ม.7 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายทอน (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ในข้อหาครอบครองยาเสพติดโดยของกลางเป็นยาไอซ์ชนิดเกล็ดจำนวนน้ำหนักรวมถุง 14 กรัม มูลค่าประมาณ 500 บาท กระสุนปืนขนาด 11 มม.จำนวนหนึ่ง ใบกระท่อมพร้อมหม้อต้มกระท่อม
เป้าหมายที่ 2 คือ บ้านของนายไก่ (นามสมมติ) บ้านเลขที่ 1034/11 ถ.พระเงิน ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายหนึ่งซึ่งอยู่ในระหว่างถูกคำสั่งพักราชการ จากฐานความผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ โดยของกลางเป็นเอกสารหลักฐานทางการเงิน อาวุธปืนลูกซองยาว ปืนยาวขนาด .22 ปืนพกสั้นขนาด 9 มม.และขนาด .38 กระสุนปืนจำนวนมาก
เป้าหมายที่ 3 เป็นบ้านเลขที่ 122/2 ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้กว้างขวางรายหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งการสืบสวนพบว่ามีความเชื่อมโยงในการส่งโทรศัพท์มือถือ และของต้องห้ามเข้าเรือนจำ พบนายณรงค์ เกตุบูรณ์ อายุ 33 ปี อยู่ 27 ม.5 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครสรีธรรมราช เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพยายามฆ่า จึงจับกุมตัวไว้ และค้นพบโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง ไอโฟน 1 เครื่อง ถูกมัดห่อกันกระแทกไว้เป็นอย่างดีลักษณะเดียวกันกับที่ขว้างเข้าไปในเรือนจำ แต่นายณรงค์ปฏิเสธไม่รู้เห็นอ้างว่าเป็นโทรศัพท์ที่นำมาซ่อม
เป้าหมายที่ 4 เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ตั้งอยู่ในซอย สช.1 ถ.พัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยผู้บริหารเคยเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรรคการเมืองขนาดเล็กรายหนึ่ง และอยู่ในระหว่างต้องคดีฆ่าผู้อื่นอีกด้วย และเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการรับเหมาก่อสร้างห้องขังเดี่ยว 10 ห้อง 1 หลัง ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบริษัทที่นำวัสดุก่อสร้างซุกซ่อนโทรศัพท์มือถือจำนวน 39 เครื่องก่อนหน้านี้ พบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรับเหมาในเรือนจำจำนวนหนึ่ง
เป้าหมายที่ 5 เป็นบ้านของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่อยู่ในระหว่างพักราชการในระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง เลขที่ 196/5 ม.5 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวเป็นพี่ชายของภรรยานักค้ายาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งในนครศรีธรรมราชที่ถูกยิงถล่มเสียชีวิตไปในเขตท้องที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อหลายวันก่อน
นายไก่ (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่อยู่ระหว่างต้องโทษทางวินัยพักราชการ ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรงโดยกรมราชทัณฑ์ ซึ่งถูกค้นบ้านพร้อมทั้งยึดอาวุธปืน เอกสารต่างๆ มาตรวจสอบได้เชิญตัวมาให้ข้อมูล โดยมี พ.ต.ท.โชคดี ศรีเมือง รอง ผกก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้รับข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่งนายไก่ ยอมเปิดเผยข้อมูลต่อเจ้าหน้าหน้าที่อย่างหมดเปลือก พร้อมทั้งยกมือไหว้กราบเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยบอกว่า “ผมยอมเปิดเผยทุกอย่างด้วยความสัตย์จริง แต่ตำรวจต้องช่วยรักษาชีวิตผมด้วย”
โดยนายไก่ได้เปิดเผยถึงขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำ การนำเข้าสิ่งของต้องห้ามอย่างหมดเปลือก และยังเปิดเผยด้วยว่า
“ผมเข้าไปทำงานแบบไฟแรงไม่รู้ใครเป็นใครด้วยความซื่อตรง หลังจากนั้นไปสร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าหน้าที่ที่สูงกว่าผม ผมไม่รู้ว่ามีขบวนการ “กินตรวน” ผมมีนักโทษที่ต้องดูแลอยู่ในแดน 6 และเมื่อเห็นว่ามีความประพฤติเรียบร้อย ไม่เป็นอันตราย จะต้องทำบันทึกเสนอไปตามลำดับชั้น เพื่อที่จะปลดเครื่องพันธนาการ หรือตรวนออกให้นักโทษ แต่ปรากฏว่า ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าหน้าที่บางคน เพราะการปลดตรวนนั้นจะต้องจ่ายถึงเส้นละ 3,000-5,000 บาท ตรวนเล็กจ่าย 3,000 บาท ตรวนใหญ่จ่าย 5,000 บาท เมื่อปลดแล้วนักโทษจะต้องบอกญาติภายนอกให้เอาเงินมาจ่าย นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในเรือนจำชั่วกันเป็นปกติ” ผู้คุมระหว่างต้องทัณฑ์ทางวินัยรายนี้กล่าว
ส่วนทางด้านความเคลื่อนไหวในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงเช้า นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมข้าราชการระดับบริหารทุกส่วนในเรือนจำเพื่อสรุปถึงข้อหารือ 3 ฝ่ายประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช วานนี้แจ้งให้ทุกนายทราบพร้อมทั้งให้นโยบายที่เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น โดยการเน้นให้มีการตรวจค้นแบบฉับพลันได้ทุกเวลา เจ้าหน้าที่พร้อมที่จะเข้าตรวจค้นเรือนนอน หรือในแดนช่วงเวลาไหนก็ได้ โดยไม่ปฏิบัติเป็นเวลาเดียวกันทำให้นักโทษไม่มั่นใจที่จะเก็บสิ่งของต้องห้ามไว้ ขณะเดียวกัน ได้ตรวจสอบอัตราข้าราชการราชทัณฑ์ที่ประจำการ ต้องโทษทางวินัย ต้องคำสั่งปฏิบัติราชการนอกเรือนจำ เพื่อที่สรุปยอด และเสนอไปยังกรมราชทัณฑ์ในการขออัตรากำลังเพิ่มเติม