นครศรีธรรมราช - “สุรพล แก้วภราดัย” รับตำแหน่ง ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราช สั่งตรวจทุกระบบ รปภ.ในเรือนจำ เผยจับมือถือได้อีก 39 เครื่อง ตร.ประชุมมุ่งคดีค้ายาเสพติดมั่นใจไล่บี้ได้แน่ 11 คดี เร่งขยายผลอีก 6 เผยข้อมูลล้น ขาดเครื่องมือทันสมัยแกะรอยข้อมูลนักค้า
วันนี้ (30 เม.ย.) ความคืบหน้าหลังจากประวัติศาสตร์การชำระสะสางเรือนจำนครศรีธรรมราช ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 07.00 น.ของวันนี้ (30 เม.ย.) นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการวันแรก โดยได้เข้าตรวจเรือนจำในแดนควบคุมผู้ต้องโทษทุกแดน ซึ่งก่อนเข้าตรวจนั้น ได้แสดงตัวพร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติเหมือนกันคือ จะต้องผ่านการตรวจค้นโดยละเอียดไม่เว้นแม้แต่ผู้บัญชาการเรือนจำ
หลังจากนั้น ได้ออกมาจากแดนควบคุมแล้วเรียกข้าราชการราชทัณฑ์ในเรือนจำนครศรีธรรมราช ที่เกี่ยวข้องประชุม ซึ่งในการประชุมอย่างเคร่งเครียดไม่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวเข้าบันทึกภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่แสดงกิริยาไม่ค่อยเป็นมิตรนักมาคอยกันให้อยู่เฉพาะบริเวณบันไดทางขึ้นอาคารสำนักงานเท่านั้น และยังมีการติดป้ายมีข้อความ “เราจะเป็นกำลังใจให้กันและกัน ร่วมฝ่าฟันคืนวันอันเลวร้าย ผู้คุมสีขาวเลือดราชทัณฑ์ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช”
ภายหลัง นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ทราบว่ามีผู้สื่อข่าวจึงออกมานำผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบระบบวงจรปิดในเรือนจำ และตู้เซฟเก็บของกลางที่ยึดได้ และเปิดเผยว่า ได้เรียกผู้บังคับหน่วย ผู้คุม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการควบคุมดูแลนักโทษเพื่อมอบนโยบายในการทำงาน โดยเฉพาะได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานอย่างเข้มงวด พร้อมให้ขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ตั้งใจปฏิบัติงาน
“ในส่วนของเรือนจำนครศรีธรรมราชจะตั้งกรรมการ จำนวน 3 ชุด เพื่อตรวจสอบและลงโทษเจ้าหน้าที่เรือนจำ และนักโทษที่กระทำผิดหลังการตรวจค้นเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะนักโทษ หากพบว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และนำโทรศัพท์เข้ามาในเรือนจำ ก็จะถูกลดชั้น อย่างน้อย 2 ชั้น ซึ่งโดยทั่วไประดับชั้นนักโทษจะมีด้วยกัน 6 ชั้น คือ ชั้นเยี่ยม ดีมาก ดี กลาง เลว และเลวมาก”
“วานนี้เจ้าหน้าที่เรือนจำตรวจพบโทรศัพท์ จำนวน 39 เครื่อง ที่ถูกซุกซ่อนไว้ในก้อนอิฐบล็อก จำนวน 3 ก้อน ซึ่งมีการหล่อปิดทับไว้เป็นอย่างดี โดยอิฐบล็อกดังกล่าวทางเรือนจำได้สั่งนำเข้ามาเพื่อก่อสร้างถนนภายในเรือนจำ สายข่าวของเจ้าหน้าที่ได้แจ้งมาขณะนี้กำลังขยายผล ในการตรวจสอบอย่างเข้มงวด วานนี้ได้ใช้โทรทัศน์วงจรปิดบันทึกภาพนักโทษรายหนึ่งกำลังนั่งโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปเอาตัว และสามารถค้นได้อีก 5 เครื่อง” ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชกล่าว
นายสุรพล ยังระบุต่อว่า ได้เรียกข้อมูลในการค้นมาตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่าตั้งแต่ 1 ต.ค.54 ถึง 31 มี.ค.55 เป็นการตรวจค้นกรณีพิเศษ 20 ครั้ง ตรวจค้นปกติ 112 ครั้ง ตรวจค้นระดับแดน 60 ครั้ง และมีการจับกุมผู้ที่แอบโยนโทรศัพท์ เข้าเรือนจำ จำนวน 43 ครั้ง พบว่าสามารถยึดโทรศัพท์ได้ จำนวน 1,004 เครื่อง ซิมการ์ด 723 อัน ยาบ้า 554 เม็ด อาไอซ์ 152 กรัม และกัญชา 1,062 กรัม ซึ่งไม่นับรวมโทรศัพท์จากการตรวจค้นใหญ่ 2 ครั้งที่ผ่านมา และการตรวจค้นตามปกติ ในเดือนเมษายนที่ได้โทรศัพท์กว่า 400 เครื่อง
จากนั้น เมื่อเวลา 13.30 น.ของวันเดียวกัน พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมคณะทำงานที่ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งขึ้นมาดำเนินการเรื่องเรือนจำนครศรีธรรมราชขึ้นมาเป็นพิเศษโดยมี พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เป็นหัวหน้า พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ ทิพย์รัตน์ ผกก.สภ.นครศรีธรรมราช เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช เป็นหัวหน้าชุดสืบสวน และมีพนักงานสอบสวน ฝ่ายสืบสวนเข้าร่วมประชุมโดยมีข้อมูลแต่ละส่วนมาประสานกันเพื่อเร่งดำเนินการทั้งกระบวนการ
ส่วนปฏิบัติการในการถอดข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของนักโทษนั้น เจ้าหน้าที่ได้ใช้บริเวณชั้น 3 ของอาคารกองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เป็นห้องปฏิบัติ โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และพนักงานสอบสวนที่มีความเชี่ยวชาญในการสอบสวนแกะรอยข้อมูล ได้ทำงานกันอย่างหนัก โดยมีคำสั่งของ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ปิดไว้ที่หน้าห้องห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องโดยเด็ดขาด เนื่องจากเกรงข้อมูลจะสูญหาย ซึ่งได้มีการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ รองผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในการดำเนินการนั้นฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นการดำเนินคดีสืบสวนสอบสวนในคดีจำหน่ายยาเสพติด ขณะนี้เราพบข้อมูลชัดเจนในส่วนของผู้ค้าแล้ว 11 ราย อยู่ระหว่างการขยายผลสืบสวน 6 ราย ส่วนการดำเนินที่ต้องส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระพรหม ประกอบด้วยคดียาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำ 4 ราย คดีไม่รู้ตัวผู้ต้องหา 3 ราย ต้องดำเนินคดีด้วยการแจ้งความร้องทุกข์จำนวน 220 คดี ส่งสำนวนให้พนักงานสอบสวนท้องที่แล้ว 72 คดี อีก 148 รายยังรวบรวมเอกสารรอการส่งดำเนินคดีซ้ำ ส่วนความร่วมมือในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 8 มาร่วมสะสางข้อมูลกับเรา และมีทีมของรองเลขาธิการ ป.ป.ส.เข้ามาประสานข้อมูลกันอย่างต่อเนื่อง
“ขณะนี้จำนวนมือถือทั้ง 2 ครั้งเจ้าหน้าที่กำลังถอดข้อมูลทีละเครื่องแยกข้อมูลเชื่อมโยงคดียาเสพติดโดยเฉพาะ นอกจากโทรศัพท์แล้ว ยังมีเอกสารอีก 3 ลังใหญ่ที่มีโน้ต มีโพยเลขบัญชี การจดโน้ตการสั่งซื้อ โดยยาไอซ์นั้นภาษาเรียกที่นักโทษเขียนคือ “น้ำแข็ง” เราพบข้อมูลจำนวนมาก เช่น ยาบ้าจะเรียกว่าเป็นมัด ราคายาเสพติด การโอนเงิน ส่วนนี้เป็นข้อมูล จากนั้นเราจะเอามาเชื่อมต่อกับข้อมูลในโทรศัพท์มือถือแล้วจึงดำเนินการในขั้นต่อไป ส่วนโทรศัพท์ที่มีอาวุธปืนอาร์ก้า และยาเสพติดจำนวนมาก ขณะนี้เรารู้แล้วว่าเป็นของใคร คลิปการเสพยาเสพติดอย่างสนุกสนานนั้นเรารู้ตัวแล้ว กำลังขยายผลเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ตำรวจได้จากอุปกรณ์สื่อสารของนักโทษมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้หนักใจแต่คงหนักใจที่เรื่องของอุปกรณ์เครื่องมือที่ไม่ทันสมัยทำให้การทำงานยากลำบากมากขึ้น” รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าว
พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีโทรศัพท์มือถือที่ถูกซุกเข้าไปล็อตล่าสุดจำนวน 39 เครื่องนั้น ในการสืบสวนว่าผู้ที่สั่งเข้าไปคือนักโทษคดีฆ่ารายหนึ่งที่เป็นอดีตผู้รับเหมาก่อสร้างสั่งเข้าไปใช้ และขายให้แก่นักโทษในเรือนจำด้วยกัน ซึ่งเป็นเป้าหมายในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว
ผบก.นครศรีธรรมราชเตรียมประสานเลขาธิการ ป.ป.ส.จัดซื้อเครื่องถอดข้อมูลโทรศัพท์ ไม่สนแก๊งยาล้างแค้นเชื่อตัดตอนขบวนการค้ายาในเรือนจำได้ถึงกว่าครึ่ง
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การถอดข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือที่เจ้าหน้าที่ยึดมาจากนักโทษขณะนี้เสร็จไปแล้วกว่า 100 เครื่อง ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะถอดข้อมูลออกมาทั้งหมด หลังจากนั้นจะมาสังเคราะห์ ซึ่งต้องใช้ทั้งกำลังคน และงบประมาณจำนวนมาก
“ขณะนี้ผมได้หารือกับทางเลขาธิการ ป.ป.ส.เพื่อขออนุมัติจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ในการถอดข้อมูลระบบโทรศัพท์ เนื่องจากขณะนี้เห็นว่า เป็นสิ่งจำเป็น และต้องมีไว้โดยเฉพาะในอนาคตต้องใช้อีกมาก ส่วนการสอบสวนในขณะนี้ได้สอบบุคคลที่เกี่ยวข้องภายหลังจากการเข้าค้นระลอกใหญ่ทั้ง 2 ระลอก ทำให้มีข้อมูล ได้ข้อมูลมากขึ้น โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ของราชทัณฑ์ และของตำรวจนั้น เชื่อว่าจะสามารถตัดตอนขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำได้กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว” ผบก.นครศรีธรรมราชกล่าว