นครศรีธรรมราช - ผบก.นครศรีฯ แฉเครือข่ายค้ายาในคุกเชื่อมโยงคุกบางขวาง-ประเทศเพื่อนบ้าน บี้ราชทัณฑ์ต้องยอมรับความจริง โทรศัพท์-ยาเสพติดส่วนใหญ่ฝีมือผู้คุม นำเข้าบุกค้น “แดนความมั่นคงสูง” ซ้ำสอง จับนักโทษ-ผู้คุมตรวจปัสสาวะ แนะเร่งย้ายพวกนอกรีต เตรียมขอหมายจับนักโทษ-ผู้คุม-ตั้งเป้ายึดทรัพย์แน่
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนครศรีธรรมราช นำโดย พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกับ นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยชุดคอมมานโดราชทัณฑ์ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดนบุกเข้าตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชตั้งแต่ตี 3 ของวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจค้นนั้นพบยาเสพติดทั้งยาบ้า ยาไอซ์ และโทรศัพท์มือถืออีกเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้เข้าค้นบ้านพักของเจ้าหน้าที่เรือนจำนครศรีธรรมราชพร้อมกันถึง 14 จุด ซึ่งสามารถตรวจยึดข้อมูลทางการเงินที่สำคัญ รวมทั้งร่องรอยทรัพย์สินราคาแพงหลายรายการที่ต้องสงสัยว่าอาจจะได้มาโดยมิชอบตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (23 เม.ย.) ภายหลังจากข่าวการบุกค้นเรือนจำได้แพร่หลายอย่างกว้างขวางได้สร้างความพอใจให้แก่ประชาชนจำนวนมาก โดยเมื่อเวลา 13.00 น.ชาวชุมชนในเขตเทศบาลกว่า 100 คน พร้อมด้วยดอกไม้ เครื่องดื่ม นำมาแจกจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ และเป็นกำลังให้แก่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช โดย พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้แนะนำ พ.ต.ท.ธีระชัย ชำนาญหมอ รอง ผกก.สส.ภ.สุรินทร์ ซึ่งได้มาช่วยราชการว่า เป็นนายตำรวจที่ทุ่มเทสืบสวนเรื่องนี้อย่างเข้มข้น จนเป็นที่มาของการเข้าค้นเรือนจำนครศรีธรรมราช และยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก คนอย่างนี้สมควรที่จะเป็นผู้กำกับ คราวที่แล้วก็หลุดตำแหน่งไปอีกต้องฝากผู้ใหญ่ช่วยดูแล
ส่วนการขยายผลในการจัดการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากการตรวจยึดสิ่งของต้องห้าม โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือนั้นเป็นประโยชน์มาก เป็นจุดเริ่มต้นในการนำเอาข้อมูลโทรศัพท์มาใช้ จากการรวบรวมข้อมูลนั้น เครือข่ายค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุด คือเครือข่ายเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ที่เชื่อมโยงกับเรือนจำบางขวาง เชื่อมต่อไปยังลาว และพม่า การที่ไปอยู่ในเรือนจำแล้วไม่ต้องกลัวถูกจับเพิ่มทำให้ผู้ต้องขังกล้าค้าขายอย่างเสรี
“ที่เกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หย่อนยาน ได้หารือกับ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ตลอด ซึ่งไม่ง่ายที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน นครศรีธรรมราชโมเดล ที่ถูกเสนอนั้นไม่ใช่แค่การปิดล้อมตรวจค้น ถ้าแค่ยึดไม่ได้ดำเนินการต่อ หรือสืบสวนล่วงหน้าผลในทางปฏิบัติแทบไม่เกิดประโยชน์ นอกจากผู้ค้าขาดทุนค่าโทรศัพท์ใหม่ แต่ไปสร้างรายได้ให้แก่ผู้คุมบางคนที่นำเข้าโทรศัพท์ต้องยอมรับข้อเท็จจริงกัน เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำเข้าเองเป็นส่วนใหญ่ ตำรวจเหนื่อยในการไล่จับผู้ค้าแล้วส่งไปในเรือนจำ แต่เรือนจำกลับเป็นเครือข่ายใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้ข้อมูลที่มีนั้นสามารถนำไปสู่การออกหมายจับ และเพิ่มโทษผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้องต้องถูกยึดทรัพย์ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่นำเข้าสิ่งของต้องห้ามนั้นมีข้อมูลอยู่จะส่งให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์”
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.นครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ได้หารือกับอธิบดีราชทัณฑ์เรื่องของการลดชั้นนักโทษ การได้ชั้นดี ชั้นเยี่ยมของผู้ต้องขังไม่ได้เกิดจากความประพฤติ กลับกลายเป็นว่าใครมีความสนิทสนมผู้คุมส่วนตัวสนับสนุนกันก็ได้เป็นนักโทษชั้นดี ผู้ค้ายากลายเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมเป็นไปได้อย่างไร มีนักโทษรายหนึ่งถูกตัดสินสองคดี คดีแรกประหารชีวิตลดเหลือตลอดชีวิต อีกคดี 33 ปี เขาบอกว่าลดโทษครั้งนี้เขาจะพ้นโทษแล้วเป็นได้อย่างไร และยังเป็นผู้ค้ารายสำคัญด้วย อยากให้ผู้ใหญ่ต้องหันมารับทราบข้อมูลจากข้างล่างให้มาก
“ข้อมูลการสืบสวนนั้นพบว่า ในการขว้างโทรศัพท์เข้าเรือนจำวงจรปิดจับภาพได้ว่าผู้คุมเข้าไปเก็บแล้วพาหายไปเลย หมายความว่าอย่างไร เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงทางอ้อมมีอยู่ด้วยกันประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ไฟแช็กที่อยู่ในเรือนจำนั้น เมื่ออยู่นอกขายอันละ 8 บาท 10 บาท แต่มีการเอาไปขายข้างในอันละ 300 บาท ส่วนของนักโทษที่เป็นผู้ค้าในเรือนจำนั้นมีหลายราย ระดับค้าครั้งหนึ่งเป็นสิบล้านบาท เป็นระดับรายใหญ่ที่เราจะเอาเรื่องเขาได้ เป็นระดับบริหารคอนโทรลเครือข่าย ในอดีตเขาปล่อยปละละเลยเพราะเขาไม่กลัว แต่วันนี้ผมประกาศไปแล้วว่าจะไม่เว้น ข้อมูลที่ผมทำไปถึงนั้นจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ตอนนี้เปลี่ยน ผบ.เรือนจำแล้ว ต้องเปลี่ยนคนอื่นในเรือนจำด้วย ย้ายออกไปจะสะดวกในการทำงานมากกว่า” ผบก.นครศรีธรรมราช กล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดภายในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช บรรยากาศการทำงานของเจ้าหน้าที่นั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เจ้าหน้าที่หลายคนมีสีหน้าวิตกกังวล และไม่พยายามพูดถึงเรื่องการค้นเรือนจำที่เกิดขึ้น ส่วน นายณรงค์ ยงค์ณรงเดชกุล ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังเก็บตัวเงียบในห้องทำงาน และมีกำหนดเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ในช่วงสิ้นเดือนนี้
และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย ชุดปฏิบัติการพิเศษราชทัณฑ์ (คอมมานโด) ได้เข้าทำการตรวจค้นแดน 6 ซึ่งเป็นแดนความมั่นคงสูง เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชซ้ำอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจปัสสาวะของนักโทษทุกราย ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
