น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับกรณีศึกษาของทีม “เอฟซี ภูเก็ต” ฝ่าอุปสรรคต่างๆ ขึ้นไทยลีก ดิวิชั่น1 ภายในเวลา 1 ปี และนั่งอยู่ในใจของแฟนคลับ ที่ขนไปเชียร์อย่างล้นหลามทันทีที่ลงฟาดแข้งกับทีมเยือน ณ สนามสุระกุล
แม้ว่าเมื่อทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ออกมาระบุว่า อบจ.ไม่สามารถสนับสนุนทีมฟุตบอลได้ และ "ไพบูลย์ อุปัติศฤงค์” นายก อบจ.ภูเก็ต ประกาศลาออกจากประธานสโมสร ทำให้เอฟซี ภูเก็ต ก่อนจบฤดูกาล 2554 อยู่ในภาวะที่ระส่ำระสาย ขาดเงินทุนที่จะทำทีม นักแตะขาดความมั่นใจ ทำให้ผลงานเมื่อสิ้นสุดลีกอยู่อันดับ 9 ของตาราง
แม้แต่คณะกรรมการของสโมสรก็ลาออกทั้งหมด จนต้องออกมาประกาศยุติการทำทีมเอฟซี ภูเก็ต เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2555 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งประกาศเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจเสนอตัวเข้ามาดำเนินการแทน โดยให้เสนอตัวในวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา
ซึ่งจากการประชุมในวันที่ 30 ม.ค.ปรากฎว่า ที่ประชุมมีมติที่จะเดินหน้าทีมเอฟซี ภูเก็ต ต่อไป โดยกำหนดรูปแบบการหาเงินสนับสนุนทีม ด้วยการระดมทุนจากแฟนบอลและชาวภูเก็ต หุ้นละ 1,000 บาท และขอสนับสนุนจากส่วนอื่นให้ได้ 15 ล้านบาท เพื่อทำทีมในปี 2555 นี้ โดยมีนายนฤเบศ อายุพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอฟซี ภูเก็ต1688 จำกัด และรักษาการประธานสโมสรเอฟซี ภูเก็ต
เบื้องลึกและเอฟซี ภูเก็ต จะเป็นอย่างไร "ศูนย์ข่าวASTVผู้จัดการภูเก็ต" จัดให้คอบอลได้รู้จากปากของรักษาการประธานสโมสรฯ กันตรงนี้ !!
ช่วงที่กำลังมีปัญหาทีมเอฟซีภูเก็ตตกมาอยู่ในอันดับที่ 9 ของตาราง
ปัญหาหลักของทีมเอฟซี ภูเก็ต ในฤดูกาลที่ผ่านมา คือการทำทีมมีค่าใช้จ่ายสูงเป็นงบประมาณกว่า 34 ล้านบาท แม้ว่าได้รับเงินสนับสนุนจาก อบจ.ภูเก็ต และภาคส่วนต่างๆ แต่ไม่เพียงพอ จนกรรมการต้องขายทรัพย์สินบ้านและรถยนต์มาใช้ในการบริหารจัดการทีม ทำให้มีหนี้สินกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ทางตนและคณะกรรมการได้ประกาศขอยุติบทบาททำทีมเอฟซี ภูเก็ต ไปแล้วในฤดูกาลหน้า
แต่เมื่อได้หารือร่วมกับแฟนคลับของทีมเอฟซี ภูเก็ต และคนที่รักฟุตบอลในภูเก็ตต่างก็เห็นพ้องกันว่า จะยืนหยัดสิทธิ์เข้าแข่งขันในลีกดิวิชั่น 1 ต่อไป แม้จะมีปัญหาเรื่องการเงินของทีมอย่างหนักก็ตาม ด้วยการหาประธานสโมสรเอฟซี ภูเก็ตคนใหม่ ที่ขณะนี้ได้ทาบทามไว้แล้ว พร้อมที่จะเปิดตัวในเร็วๆนี้ รวมไปถึงคณะกรรมการบริหารสโมสรชุดใหม่ที่จะมีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้เช่นกัน
ที่มาของรายได้ที่จะสนับสนุนทีม
สำหรับการหารายได้ที่จะนำมาทำทีมในปี 2555 นี้ ประมาณการไว้ที่ 15 ล้านบาท โดยการขอสนับสนุนจากประธานสโมสร ภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงการระดมทุนจากชาวภูเก็ตที่เป็นแฟนคลับของเอฟซี ภูเก็ตและคนที่รักฟุตบอล หุ้นละ 1,000 บาท ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวจะไม่มีการจ่ายคืน รวมไปถึงการเจรจากับสปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุนให้ได้ 15 ล้านบาท เพื่อให้พอกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการแข่งขันฤดูกาลนี้
โดยปีแรกที่เอฟซี ภูเก็ตเริ่มต้นใหม่นี้ เราขอเพียงรักษาตำแหน่งให้อยู่ในดิวิชั่น 1 เท่านั้น ปีต่อไปเมื่อสโมสรฯมีรายได้มากขึ้น มีเงินมากพอที่จะซื้อตัวนักแตะฝีเท้าดีๆก็ค่อยขยับขึ้นในลีกที่สูงกว่า”
เพราะขณะนี้ถือว่าค่อนข้างจะช้าไปพอสมควร เนื่องจากบางทีมที่มีความพร้อมได้มีการฝึกซ้อมและอุ่นเครื่องกันไปบ้างแล้ว แต่ของเรายังมีปัญหาอยู่ ซึ่งหลังจากที่ได้คณะกรรมการชุดใหม่แล้วความชัดเจนและความพร้อมต่างๆ ก็จะมีมากขึ้น
สำหรับตนหลังจากนี้ก็ขอทำหน้าที่เป็นเพียงที่ปรึกษา เพราะยังมีใจรักในเรื่องของฟุตบอลอยู่ รวมทั้งอยากขอเชิญชวนให้ชาวภูเก็ตมาร่วมสนับสนุนทีมเอฟซีภูเก็ตด้วยการซื้อหุ้น สนับสนุนให้สามารถก้าวต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง และถือว่าทีมเอฟซีภูเก็ตเป็นของชาวภูเก็ตทุกคน
เคลียร์คำถามคาใจ ทำไมถึงยังคงยึดติดอยู่กับเมืองทองยูไนเต็ด-เปลี่ยนโลโก้หรือฉายาได้หรือไม่
คงไม่ได้ เพราะทั้งโลโก้และฉายานั้นมีผู้รู้เป็นผู้ตั้งให้ และยืนยันว่าทีมเอฟซีภูเก็ตยังคงเป็นของชาวภูเก็ต ไม่ใช่เป็นของเมืองทองฯ เพียงแต่ที่ผ่านมาเราได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนด้านต่างๆ จากเมืองทองฯ มาอย่างต่อเนื่อง และยังจะคงเป็นพาสเนอร์ที่ดีต่อกัน
และอีกหนึ่งปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกสำหรับทีมเอฟซี ภูเก็ต ในขณะนี้ คือ สนามแข่งขัน ที่ก่อนหน้านี้ใช้สนามสุระกุล ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต แต่ขณะนี้ทางเอฟซี ภูเก็ต ไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากทางอบจ.ได้แจ้งให้ทราบว่าจะปิดสนามสุระกุล เพื่อปรับปรุงรองรับการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2555 นี้ ซึ่งเรื่องนี้ นายนฤเบศ กล่าวว่า ทางสโมสรฯจะส่งตัวแทนเข้าไปเจรจากับทางอบจ.ซึ่งลึกๆแล้วยังเชื่อว่าทางอบจ.จะไฟเขียวให้ทีมเอฟซี ภูเก็ต ใช้เป็นสนามเพื่อการแข่งขันต่อไป
ท้ายสุด รักษาการประธานสโมสรเอฟซี ภูเก็ต ยืนยันกับแฟนคลับ ว่า ชาวภูเก็ตได้ร่วมเชียร์ทีมเอฟซี ภูเก็ต ในลีกดิวิชั่น 1 อย่างแน่นอน