นครศรีธรรมราช - สถานการณ์มรสุมที่พัดถล่มอย่างหนักในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย แหลมตะลุมพุกอีกหลายหมู่บ้านยังมีคลื่นถาโถมซัดบ้านเรือนเสียหายน้ำทะเลหนุนน้ำเข้าท่วมซ้ำ ชาวบ้านรื้อวัสดุเก็บก่อนบ้านพัง ตัดสินใจบุกเขตป่าสงวนสร้างบ้านชั่วคราว ด้านเรือประมงหลบมรสุมทยอยเข้าจอด ส่วนปลาเบญจพรรณขาดตลาด
วันนี้ (26 ธ.ค.) ความคืบหน้าสถานการณ์มรสุมที่พัดถล่มอย่างหนักในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ อ.สิชล อ.ท่าศาลา อ.เมือง อ.ปากพนัง ไปจนถึง อ.หัวไทร เขตรอยต่อกับ อ.ระโนด จ.สงขลา ตั้งแต่ช่วงเช้าคลื่นลมได้เพิ่มกำลังขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจุดที่ได้รับผลกระทบสูงสุดในขณะนี้ คือ บ้านแหลม ม.2, 3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ยังคงมีคลื่นลมถาโถมเข้าซัดหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง น้ำทะเลเริ่มหนุนสูงเข้าท่วมหมู่บ้านซ้ำ หลังจากลดลงไปในช่วงเย็นของวานนี้
ความเคลื่อนไหวในหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงเช้ายังเต็มไปด้วยความโกลาหล ชาวบ้านในหมู่บ้านได้ช่วยกันลงแขกแรงงานเข้ารื้อบ้านสมาชิกของหมู่บ้านที่ตัดสินใจรื้อเพื่อรักษาวัสดุก่อสร้างไว้ไปสร้างยังจุดอื่น โดยขณะนี้มีการรื้อไปแล้วกว่า 10 หลังคาเรือน ซึ่งล้วนเป็นบ้านที่ถูกคลื่นซัดถล่มจนได้รับความเสียหายไปบางส่วนแล้ว โดยนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ส่งกำลังพลของเจ้าหน้าที่ อส. และกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 4 เข้าให้การช่วยเหลือขนย้ายทรัพย์สินและรื้อเก็บวัสดุก่อสร้างของชาวบ้านที่ยังสามารถเก็บไว้ได้หลายสิบนาย
นายสราวุธ พลายด้วง ชาว ม.2 ต.แหลมตะลุมพุก ซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดจำเป็นต้องรื้อบ้านเพื่อรักษาวัสดุก่อสร้างที่ยังใช้การได้ไว้ก่อน ระบุว่า สถานการณ์คลื่นแรงซัดฝั่งอย่างต่อเนื่อง และมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนที่อยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมดได้รับความเสียหาย จำเป็นจะต้องรื้อบ้านก่อนที่ทุกอย่างจะเสียหายเกินแก้ ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านบางคนไม่ได้รื้อบ้านจนเป็นเหตุให้บ้านทั้งหลังต้องถูกคลื่นซัดพังเสียหายทั้งหมด ปัญหาในตอนนี้คือชาวบ้านไม่มีที่อยู่อาศัย แม้แต่สถานที่สำหรับไว้สิ่งของก็ไม่มี
ชาวบ้านจึงมีความเห็นเหมือนกันว่าจะเข้าไปปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหม่บริเวณป่าสงวนที่อยู่ตรงกันข้ามซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้อนุมัติ แต่มารัฐบาลนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ชาวบ้านที่ไม่มีที่อาศัยแล้วตกลงกันว่าจะเข้าไปปักหลักสร้างบ้านโดยไม่รออีกแล้ว ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน หากจะจับกุมดำเนินคดีก็ยอม
นางประกาย แก้วเมือง อยู่ 76 ม.3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง เปิดเผยว่า บ้านของตนตั้งใจจะรื้อแต่ไม่ทันถูกคลื่นซัดเสียหายทั้งหลัง โชคดีที่สามารถขนย้ายสิ่งของทัน ตอนนี้มาอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้านที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นซัดมากนัก แต่ถ้าหากสถานการณ์ยังอยู่เช่นนี้คาดว่าอีกไม่นานคงจะไม่มีที่อยู่ และเตรียมที่ขนย้ายสมาชิกในครอบครัวเข้าไปอยู่ในเขตป่าสงวนที่ทางรัฐบาลรับปากว่าจะให้ปลูกสร้างเป็นที่อยู่ใหม่ ถึงแม้ว่าขณะนี้การดำเนินการตามกฎหมายยังไม่ทราบผลว่าจะออกมาอย่างไร
“แต่ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปปลูกสร้างที่อยู่ในเขตป่าสงวนเพราะไม่มีที่อยู่จริงๆ ถึงแม้จะถูกดำเนินคดีกฎหมายในข้อหาบุกรุกป่าสงวนก็ยอมเช่นเดียวกันและคงต้องจับกุมกันแทบทั้งหมดหมู่บ้านแน่นอน”
เรือประมงทยอยหลบมรสุมต่อเนื่องคลื่นลมยังรุนแรง
ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านกองเรือประมงในจังหวัดนครศรีธรรมราช ในปากน้ำปลายจุดตั้งแต่ปากอ่าวขนอม อ.ขนอม ปากอ่าวสิชล อ.สิชล ปากอ่าวปากพูน อ.เมือง ปากอ่าวปากพนัง ไปจนถึง อ.หัวไทร เรือประมงทุกขนาดได้ทยอยเข้าจอดเทียบท่าจนหมดเนื่องจากต้องหลบคลื่นลมที่มีความรุนแรงมากขึ้น
ขณะที่เรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก ชาวประมงได้ลากเรือขึ้นมาไว้บนหาดทรายห่างจากแนวของซัดของคลื่น ซึ่งเป็นจำนวน 100% ของเรือประมงขนาดเล็กที่ออกทำประมง เพื่อความปลอดภัยของเรือ โดยการหยุดการทำประมงของชาวประมงในท้องถิ่นส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าปลาเบญจพรรณ ตามตลาดสดต่างๆ ได้หยุดขายเนื่องจากเรือประมงขนาดเล็กไม่ได้ออกทำการประมงจึงไม่มีสินค้ามาวางขายยังคงมีเฉพาะปลาขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในสต๊อกออกมาจำหน่ายเท่านั้น