xs
xsm
sm
md
lg

นครศรีฯป่วน ฝนยังคงตกหลายพื้นที่ หนีตายกันจ้าละหวั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - สถานการณ์ที่เกิดฝนตกในหลายพื้นที่ของ จ.นครศรีธรรมราช ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อนเป็นจำนวนมาก บางพื้นที่ต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น บ้านเรือนได้รับความเสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศหลังจากฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ปรากฏว่า น้ำได้เพิ่มระดับในลำคลองทุกสาย และไหลเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มอย่างต่อเนื่อง ในหลายอำเภอ เช่น อ.ท่าศาลา อ.พรหมคีรี อ.เมือง อ.พระพรหม อ.ร่อนพิบูลย์ อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รับน้ำมาจากเทือกเขาหลวง ที่ยังคงมีน้ำป่าไหลหลาลงมาตามลำคลองสายหลัก เช่น คลองท่าดี ใน อ.ลานสกา มีปริมาณน้ำไหลหลากลงมาอย่างไม่ขาดสาย ระดับน้ำในลำคลองท่าดี ซึ่งเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ใช้วิธีการวัดด้วยระบบ SCADA.อยู่ที่ 1.70 เมตร ถือว่ามีระดับน้ำที่สูงแต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต

อย่างไรก็ตาม ได้มีการแจ้งเตือนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในลำคลองสาขาของคลองท่าดี ให้ระมัดระวัง เนื่องจากระดับน้ำมีความผันผวนเร็วมาก โดยมีระดับปริมาณน้ำฝน และน้ำป่าซึ่งเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ชุมชนริมคลองสาขาทุกสายตกอยู่ในความเสี่ยง

ในช่วงสายของวันเดียวกัน พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้นายทหารรับผิดชอบศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 ใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจพื้นที่เสี่ยงทั้งในส่วนของป่าเขา ซึ่งเน้นไปที่เรื่องของรอยแยก และพื้นที่ที่เคยประสบภัยพิบัติดินถล่มมาเมื่อช่วงต้นปี รวมทั้งสายน้ำป่า และพื้นที่รับน้ำต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบเพื่อเตรียมวางแผนการในการเข้าให้การช่วยเหลือในกรณีหากจำเป็นต้องใช้อากาศยาน

ชาว อ.ฉวาง ผวาแผ่นดินยุบ

นายไพศาล ดำด้วง หัวหน้าศูนย์สำรวจอุทกวิทยาที่ 7 นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะที่กำลังตั้งจุดตรวจวัดระดับน้ำฝน อยู่ที่เชิงภูเขาศูนย์ หมู่ที่ 10 ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช หลังได้รับแจ้งจาก นายธงไชย เอียดขาว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 ต.ไม้เรียง ว่า พบรอยเลื่อน และแผ่นดินทรุดตัว เป็นบริเวณกว้าง จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นสวนยางของนางอรวรรณ แจ่มจรัส อายุ 39 ปี และสวนผลไม้ของ นายชำนาญ สมแสง อายุ 50 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ รวมเนื้อที่ราว 20 ไร่ พบเกิดหลุมยุบตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นบริเวณกว้าง ราว 10 ไร่ และมีทีท่าว่าจะขยายออกไปอีก โดยมีหลุมขนาดเล็กขนาดเท่าบ่อน้ำ ประมาณ 10 หลุม และหลุมใหญ่ กว้างประมาณ 2 ไร่ ลึก ประมาณ 60 เมตร มีร่องรอยต้นไม้ ต้นยางพารา จมหายไปใต้ดินนับสิบต้น

สำหรับบริเวณที่เกิดเหตุเคยเป็นลำธารน้ำไหลผ่านลงมาจากภูเขาศูนย์ เป็นแหล่งแร่ดีบุกสมัยก่อน มาตอนนี้น้ำที่ไหลมาได้ไหลหายไปในหลุมยุบดังกล่าว หายไปใต้พื้นดินโดยไม่ทราบว่าไปออกที่ใด และยังมีรอยเลื่อน รอยยุบของแผ่นดิน ขยายออกไปเรื่อย จนชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงผวาไม่กล้าออกมาทำกิน หรือกรีดยางกันแล้ว เกรงว่าขณะกำลังเดินๆ จะจมหายไปใต้พื้นดิน เพราะไม่มั่นใจได้ว่าตรงไหนจะปลอดภัย ผู้ใหญ่บ้าน ขอวอนให้หน่วยงานที่รับผิดชอบลงมาตรวจสอบด่วนถึงสาเหตุ ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ก่อนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับชาวบ้าน

แหลมตะลุมพุกพังยับ-ชาวบ้านอพยพวุ่น

ส่วนบรรยากาศที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ในหมู่ที่ 2 และ 3 ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงตั้งอยู่ริมทะเล ได้ถูกแนวคลื่นสูงพัดกระหน่ำหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง จนถนนคอนกรีตในหมู่บ้านซึ่งได้รับความเสียหายจากคลื่นเมือง 2 วันก่อนขยายพังยับ เพิ่มกว่า 200 เมตร ต้นมะพร้าวที่อยู่ริมบ้านเรือนของประชาชน และบ้านหลายหลังถูกทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรง บ้างก็ถูกน้ำทะเลพัดเข้าท่วมบางจุดสูงกว่า 1 เมตร ต้องอยู่อย่างยากลำบาก บ้างต้องอพยพตัวเองไปอาศัยอยู่ในบ้านญาติในที่ปลอดภัยกว่า บ้างต้องขนเอาสิ่งของไปฝากไว้ยังบ้านของเพื่อนบ้านอย่างโกลาหล โดยยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดูแลในเบื้องต้น

ขณะที่ นายประยุทธ ฐานะวัฒนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก ได้ร่วมกับชาวบ้านหลายคนใช้รถยนต์ลากต้นมะพร้าวที่กำลังเอนและเสี่ยงที่จะล้มทับบ้านประชาชนออกแล้วช่วยกันตัดให้พ้นจากถนน ซึ่งได้ระบุภายหลังว่าแนวโน้มของความรุนแรงคลื่นได้เพิ่มขึ้นมากทุกปี ในปีนี้มากขึ้นกว่าที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด ถนนคอนกรีตในหมู่บ้านใช้การไม่ได้แล้วแตกกระจายเป็นชิ้นส่วนไม่มีชิ้นดี บ้างก็ถูกคลื่นลากหายไปในทะเล

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสคลื่นยังได้พัดเข้าถล่มชายฝั่งแนวเส้นทางระหว่าง อ.ปากพนัง มุ่งหน้าไปยัง อ.หัวไทร หลายจุดอย่างรุนแรง น้ำทะเลเข้าท่วมเส้นทางในบางจุดอีกด้วย

บ้านในถุ้ง ท่าศาลาชาวบ้านอพยพจ้าละหวั่น

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ (24 พ.ย.) ได้เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ขนาดความสูงประมาณ 3 เมตรเศษไ ด้ถาโถมเข้าซัดบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย บริเวณบ้านในถุ้ง และ บ้านบางใบไม้ ม.5 และ ม.4, ม.9 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เป็นระยะทางยาวประมาณ 3 กม.ความแรงของคลื่นได้ซัดเข้าไปท่วมบ้านเรือนของราษฎรที่อยู่บริเวณชายหาดจำนวน 40 ครัวเรือน และร้านอาหารจำนวนนับสิบร้านต้องจมน้ำทะเล ราษฎรต้องรีบอพยพกันจ้าละหวั่น

โดยมี นายอภินันท์ เชาวลิต นายก อบต.ท่าศาลา ได้นำเจ้าหน้าที่ อปพร., เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยท่าศาลา และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจท่าศาลารีบเข้าไปช่วยเหลืออพยพราษฎรหนีออกจากบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ขณะที่บริเวณชายหาดมีเรือประมงจำนวน 350 ลำ จอดเรียงรายบริเวณชายหาด ชาวประมง และเจ้าของเรือต้องรีบเข็นเรือขึ้นมาอยู่บนฝั่งจนชุลมุน โดยคลื่นซัดน้ำทะเลสูงไม่น้อยกว่า 3 เมตร ขึ้นมาบนฝั่งห่างจากถนนสายทางหลวงสาย 401 เพียง 50 เมตรเท่านั้น

คลื่นยักษ์ได้ซัดชายฝั่งทะเลอ่าวไทยบริเวณดังกล่าวเป็นเวลาประมาณ 1 ชม.คลื่นได้สงบลง และน้ำทะเลได้ลดลงอย่าวรวดเร็วทันที โดยในเบื้องต้นทาง อบต.ท่าศาลา ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจความเสียหายแล้วคาดว่าบ้านเรือนของราษฎรพังบางส่วนประมาณ 40 หลัง กำลังหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว

นายเราะหมาน ปริงทอง อายุ 48 ปี สมาชิก อบต.ม.5 ต.ท่าศาลา กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 08.00 น.ได้เกิดคลื่นลมแรงกะทันหันน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงประมาณ 3-4เมตร ถามโถมเข้าซัดบริเวณชายหาดทะเลอ่าวไทยบริเวณ บ้านบางใบไม้ บ้านในถุ้ง ม.5 ต.ท่าศาลา และ ม.9, ม.4 ต.ท่าศาลา เป็นระยะทางยาวประมาณ 3กม.ทำให้คลื่นซัดเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ริมชายหาดประมาณ 40 ครัวเรือน พังเสียหายจนราษฎรที่ไม่ทันได้ตั้งตัวรีบอพยพพาลูกหลาน และคนในบ้านหนีตายจ้าละหวั่นดังกล่าว

เหตุการณ์คลื่นยักษ์ซัดชายฝั่งรวดเร็วมากเป็นเวลานาน 1 ชม.เหลือเพียง 50 เมตรน้ำทะเลเท่านั้นก็จะซัดท่วมถนนสายทางหลวง 401 โชคดีที่น้ำทะเลลดลงเสียก่อนจะเกิดความเสียหายมากกว่านี้ และโชคดีที่เกิดขึ้นช่วงกลางวัน เลยทำให้ไม่มีการสูญเสียอะไรมาก








กำลังโหลดความคิดเห็น