ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา ตรวจสอบชายหาดชลาทัศน์ แหลมสมิหลา บริเวณเขื่อนแคเบี้ยนถูกคลื่นซัดพังเสียหาย ความยาวกว่า 600 เมตร หลังคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นและเริ่มกัดเซาะชายฝั่ง ช่วงฤดูมรสุม เทศบาลนครสงขลาต้องนำกระสอบทรายนับหมื่นกระสอบมาวางกันคลื่นบริเวณที่ถูกคลื่นกัดเซาะ ป้องกันต้นสนล้มขยายวงกว้าง
วันนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากในช่วงนี้ ทางภาคใต้อยู่ในช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ในทะเลอ่าวไทยมีคลื่นลมแรง เนื่องจากอิทธิพลของบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงมาจนถึงจังหวัดนราธิวาส มีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนหนักบางแห่ง
ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัดดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. นี้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ความสูงของคลื่นประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูง 2-3 เมตร
นายสมชาย เมฆาอภิรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา ได้เดินทางมาตรวจสภาพชายหาดชลาทัศน์ บริเวณเขื่อนแคเบี้ยนที่พังเสียหาย ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อบริเวณชายหาดชลาทัศน์ แหลมสมิหลา โดยคลื่นที่ซัดเข้าสู่ชายหาดมีกำลังแรง ได้กัดเซาะพื้นที่ชายหาดชลาทัศน์ เข้ามาเรื่อยๆ เขื่อนแคเบี้ยนซึ่งเป็นเขื่อนเก่าของเทศบาลนครสงขลา แบบตะแกรงเหล็กใส่ก้อนหินมาฝังไว้บริเวณแนวชายหาด ความยาว 600 เมตร เพื่อป้องกันคลื่นกัดเซาะชายหาดและต้นสน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานคลื่นลมที่มีกำลังแรงได้และเขื่อนแคเบี้ยนยังถูกคลื่นซัดพังเสียหายทั้งหมด
นายสมชาย เมฆาอภิรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา กล่าวว่า ในส่วนที่เป็นเขื่อนแคเบี้ยนเก่าของเทศบาลนครสงขลา ที่มีความยาว 600 เมตร ทางเทศบาลนครสงขลาได้มีการประชุมกัน ในการแก้ปัญหาเพราะในวันนี้น้ำทะเลขึ้นสูงซัดข้ามแคเบี้ยน มากัดเซาะชายหาด ทำให้ต้นสนล้มไป 10 ต้น เราก็จะแก้ไขโดยนำหินก้อนใหญ่มาเรียงวางทับอยู่บนแคเบี้ยนและเอาทรายมากลบให้เป็นหาดต่อไป เพื่อที่จะรักษาชายหาดให้อยู่ต่อไป
ขณะนี้รองบประมาณจากโยธาธิการจังหวัดสงขลา เพื่อทำเขื่อนกระสอบทรายยาว 600 เมตรต่อเชื่อมกับเขื่อนกระสอบทรายที่ทางโยธาธิการดำเนินการมาแล้ว 3 ช่วง เพื่อป้องกันแนวชายหาดชลาทัศน์ตรงจุดนี้ แต่ ณ วันนี้ เราก็จะพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยวางหินและเอาทรายมากลบ ซึ่งต้องใช้งบของเทศบาลนครสงขลาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน และจะทำได้ก็ต้องเป็นช่วงหลังฤดูมรสุมไปแล้ว เพราะช่วงนี้ถ้าเราเอาหินมาลงก็ทำอะไรไม่ได้เลย เป็นการซ้ำเติมปัญหา
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทางเทศบาลนครสงขลาได้ส่งกระสอบทราย จำนวน 2 หมื่นถึง 3 หมื่นกระสอบ มาป้องกันต้นสนไว้ก่อน เพื่อให้ต้นสนอยู่ได้ โดยนำกระสอบทรายมาอัดไว้ใต้ต้นสน เพื่อกันการกระแทกของคลื่นและรากต้นสนให้ล้มลงไป วันนี้ทางเทศบาลนครสงขลาได้ทำแล้ว แต่การดำเนินการทั้งหมดที่สมบูรณ์จริงๆ ก็คงต้องเป็นหลังมรสุม
