ป.ป.ท.นำร่อง “สงขลา” สร้างเครือข่ายต้านทุจริตคอร์รัปชันแห่งแรกในภูมิภาค

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักธุรกิจ ประชาชน จ.สงขลา ห่วงการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยแทรกซึมทุกพื้นที่ ร่วมกับ ป.ป.ท.เขต 9 นำร่องสร้างเครือข่ายแห่งแรกในภูมิภาค โดยเปิดเวทีเสวนาหารือแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกัน

วันนี้ (22 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่โรงแรมเอเชี่ยน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เครือข่ายภาคประชาชนร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พื้นที่เขต 9 หรือ ป.ป.ท.เขต 9 จัดเสวนาเพื่อเสนอและหาแนวทางในการแก้ปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐ ซึ่งเป็นการร่วมหารือกันเป็นครั้งแรกใน จ.สงขลา โดยมี พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็นประธาน ซึ่งได้รับความสนใจจากภาคประชาชน ภาคเอกชน กลุ่มประชาคมต่างๆ นักธุรกิจ และพ่อค้า แม่ค้า เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า การทำงานที่สำเร็จของภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีประชาชนให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะในภาคใต้ที่มักเป็นที่รองรับเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งประพฤติตัวไม่ดีลงมาทำงาน ซึ่งหากหลายภาคส่วนได้รวมตัวกันได้แล้ว ป.ป.ท.จะสนับสนุนในด้านกฎหมายให้ภาคประชาชน ร่วมกับเครือข่าย และมีหน่วยงานประชาสัมพันธ์ เพื่อร่วมกันหาจุดแข็งและเป็นอำนาจในการต่อสู้กับการทุจริต

พ.ต.ท.สามารถ ไชยณรงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 9 กล่าวว่า เนื่องจากจังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่เมืองใหญ่มีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ เป็นจำนวนมาก จึงเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาเยอะเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากการทุจริตคอร์รัปชัน ทางเครือข่ายภาคประชาชนจึงมีความเห็นร่วมกันว่า จะต้องมีการรวมกลุ่มพลังต่างๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่มาทำงานร่วมกันเพื่อหารือ หาแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกัน

ดังนั้น การเสวนากันในวันนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กลุ่มต่างๆ ได้พบเจอกัน จึงเป็นการหาจุดร่วมที่จะได้ทำงานร่วมกัน เพื่อเสนอปัญหาและหาข้อสรุปแนวทางการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และมีโอกาสร่วมกันทำงานต่อไป ซึ่งหวังว่าจังหวัดสงขลาจะเป็นจังหวัดแรกในภูมิภาคที่จะมีการตรวจสอบการทุจริตในภาครัฐร่วมกับภาคประชาชน

นายชาญ ลีลาภรณ์ อดีตประธานหอการค้า จ.สงขลา กล่าวว่า การเปิดเวทีในครั้งนี้ อย่างน้อยเพื่อปลุกกระแสการคอรัปชั่นที่มีทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาครัฐขยายความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 5% ขึ้นเป็น 40% ของงบประมาณในโครงการต่างๆ ในห้วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อ ทั้งกรณีปลัดพันล้าน หรือการทุจริตทุกหย่อมหญ้าใน อบต.ต่างๆ ซึ่งมีแต่จะทำให้ชาติล่มจมและพัฒนายากขึ้น

ทำให้ต้องมีการเสนอเรื่องนี้ในคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ให้ภาคเอกชนร่วมมือต้านคอรัปชั่น แม้ว่าการเริ่มเรื่องนี้จะทำให้ภาคเอกชนได้รับความเดือดร้อน และรัฐอาจกลั่นแกล้งจนมีผลต่อธุรกิจได้ก็ตาม แต่สุดท้ายก็เลือกประธานสภาหอการค้าไทยเป็นประธานกลุ่ม และมีการเชิญบริษัทต่างๆ มาร่วมทำสัตยาบันเพื่อร่วมป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันได้เป็นครั้งแรก ก่อนที่จะนำร่องใน จ.สงขลา

ทั้งนี้ นอกจากในเวทีการเสวนาจะร่วมแลกเปลี่ยนความสำคัญ ตลอดจนความจำเป็นเร่งด่วนในการวมกลุ่มแล้ว ยังได้หาแนวทางประสานงานในแต่ละกลุ่มเพื่อทำงานร่วมกัน และเตรียมจัดกิจกรรม ตลอดจนการประชุมในครั้งต่อๆ ไปอีกด้วย