“อภิสิทธิ์” ซัดแม้วปากสวนทางพฤติกรรม อ้างปรองดอง แต่ขู่ล่วงหน้าจะใช้กำลัง หาก พท.ชนะเลือกตั้ง แต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ชี้ มีคนไม่อยากให้จบ ไม่หวั่นขึ้นเหนือหาเสียงถิ่นคนเสื้อแดง อ้างเจอแดงชูป้ายด่า “เรยาการเมือง” พวกรับข้อมูลเพียงด้านเดียว เมินถูกโดดเดี่ยว หลัง “บรรหาร” เคืองแก้ ม.237 ให้ไม่ได้ เพราะไม่อยากถูกมองรัฐบาล ปชป.ล้างความผิดเพื่อตัวเองหลุดจากคดียุบพรรค
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ ว่า หากพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่ไมได้จัดตั้งรัฐบาล คนเสื้อแดงจะลุกขึ้นมาชุมนุมใหญ่ ว่า ตนก็อยากจะบอกว่า ในขณะที่ปากพูดว่าจะปรองดอง แต่ก็ยังไม่หยุดยั้งในเรื่องของการใช้วิธีการในเรื่องของการข่มขู่คุกคาม ยืนยันว่า การทำให้ประเทศปรองดองไปสู่ความสงบสุขได้ เราต้องทำให้คนไทยในประเทศนี้เคารพกฎหมาย ไม่ใช่เอาเรื่องของการข่มขู่ เอาเรื่องกำลังเข้ามา หากเรายืนตรงนี้ได้ คิดว่า พี่น้องประชาชนแสดงออกถึงการเลือกตั้ง ไม่ใช่วิธีการเอากำลังมาข่มขู่คุกคามกัน นั้นแหละจะเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดในอนาคต
เมื่อถามต่อว่า พ.ต.ทักษิณ อ้างว่า ในเรื่องของการปรองดองเขาคือส่วนหนึ่งของผู้ที่ถูกกระทำ ควรได้รับประโยชน์จากการปรองดองที่เกิดขึ้นด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ย้ำว่าคนที่จะคิดทำปรองดองต้องคิดทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ใครที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะมีกระบวนการช่วยดู แต่ว่าต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากจุดไหนอย่างไร วันนี้พูดกันไปไม่ได้ดูเลยว่า สิ่งที่จะลบล้างกันมีเรื่องอะไรบ้าง มันควบคุมไปหมด ทั้งในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน ที่ต้องมาดูว่า เราจะต้องส่งสัญญาณอย่างไร เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วหรือเปล่า ไปจนถึงเรื่องของการทำลายทรัพย์สินทางราชการ
“ถึงเวลานี้เป็นเรื่องที่สังคมไทยต้องตัดสินใจแล้วเหมือนกัน ว่า ตกลงเราจะเดินหน้าด้วยสังคมที่มีกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีความชัดเจน เพื่อยืนยันว่า ต่อจากนี้ทุกคนต้องเคารพ ใครที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมต้องข่มขู่คุกคาม ไม่ใช่ว่า บอกไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยไม่ได้เปิดให้คนอื่นได้พิจารณา แต่เอาอำนาจการข่มขู่มาใช้เพื่อการแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ถ้าคิดว่าไปยอมคนที่มีปัญหา เพื่อให้ปัญหามันจบ วันข้างหน้าจะมีคนที่มีปัญหาเยอะเลยครับ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า อย่างการหาเสียงเมื่อเช้ายังมีคนเสื้อแดงไปชูป้ายด่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนพยายามคุยกับทุกคน ซึ่งเป็นธรรมดาที่ย่อมมีคนคิดต่าง ซึ่งอาจได้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน หรือได้ข้อมูลมาด้านเดียว เมื่อถามว่า นายกฯมองอย่างไรที่การเมืองไทยไม่สามารถก้าวผ่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ซักที นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า มีคนไม่อยากให้จบ จนกว่าจะได้ที่ตัวเองต้องการ ปัญหาคือ สังคมต้องเข้มแข็ง ประชาชนคนไทยต้องเข้มแข็งในการที่จะผ่านตรงนี้ไปเพื่อความถูกต้อง
เมื่อถามว่า วันพุธที่ 1 มิ.ย.นี้ต้องเดินทางไปหาเสียงภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่คนเสื้อแดงกังวลอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครับ ตนไปดี เมื่อถามอีกว่า และคิดว่าจะได้ดีกลับมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไปพบปะกับประชาชน ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีปัญหา ที่ผ่านมาได้มาได้พูดคุยทำความเข้าใจกันก็ดี ไม่มีปัญหา แม้ไม่เห็นตรงกัน แต่อย่างน้อยมีความเข้าใจกันมากขึ้น นั้นก็เป็นแนวทางของตนที่ไม่ได้มีขึ้นในช่วงนี้ แต่มีมาแต่ตน กลยุทธ์ของบางฝ่าย คือ ไม่ต้องการให้ตนได้มีโอกาสสื่อสารกับบางกลุ่ม ต้องการผูกขาดการให้ข้อมูล ปลุกระดม ขัดขวาง ไม่ให้ผมทำหน้าที่ของตน ซึ่งก็ไม่อยากไปสร้างเรื่อง สร้างเงื่อนไขให้เกิดปัญหา แต่ตนก็มีสิทธิ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกว่า ถูกโดดเดี่ยวหรือไม่ เพราะล่าสุด นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า ทำงานกับนายกฯอภิสิทธิ์ ยาก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นรายละเอียด แต่อยากเรียนว่า ต้องขออภัย 1 เรื่องที่ไม่ได้ทำตามคำพูด คือ ไม่ได้พาครอบครัวไปบึงฉวาก ตามที่ชวนเอาไว้ก่อนยุบสภา อันนี้ยอมรับเรื่องหนึ่ง ว่า รับปากไว้แต่ไม่ได้ทำ แต่ว่าเรื่องอื่นไม่มี เพราะว่าเรื่องอื่นพูดกันชัด เห็นพูดถึงมาตรา 237
“ผมก็ต้องบอกว่า ไม่ว่าจะอย่างไรผมก็ต้องยึดความถูกต้อง ยึดประโยชน์ของบ้านเมือง ไม่ว่าจะอย่างไรผมก็ทำไม่ได้ เพราะเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์มีคดียุบพรรคอยู่ ผมไม่อาจเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไปออกกฎหมายล้างความผิด เพื่อให้ตัวเองหลุดจากคดี ผมทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะโกรธเคืองกันก็ต้องยอม เพราะไม่ว่าจะอย่างไรผมก็ต้องยึดหลักการตรงนี้ เพื่อความถูกต้อง จริงๆ ที่ผ่านมา ผมก็ถือว่า การทำงานร่วมกับทุกพรรค ผมเข้าใจขัดใจไปหลายเรื่อง เพราะว่าผมก็ต้องเป็นคนตัดสินใจว่า อะไรที่ดีที่สุดสำหรับประเทศชาติ และผมก็รู้ว่าไม่พอใจ เพราะท่านบรรหาร และ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ก็พูดบ่อยว่า อยากจะเปลี่ยนนายกฯ เพราะอาจจะไม่พอใจบางเรื่อง แต่ว่าส่วนใหญ่ต้องขอบคุณใช้เหตุใช้ผลก็เข้าใจกัน พูดก็พูดอย่างพรรคภูมิใจไทยหลายเรื่อง นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ฟังเหตุผลแล้วก็เข้าใจดี ทุกอย่างก็เข้าใจกันดี อยู่กันแล้วต้องตามใจกันทุกเรื่องไม่ได้หรอกครับ และผมเป็นหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องต่างๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ก็อาจจะเป็นไปได้บางคนเก็บไว้ในใจ ผมไม่ได้ตามใจก็เคืองๆ เป็นธรรมดา เป็นสิทธิของแต่ละพรรคจะเลือกอย่างไร ถ้าไม่อยากยุ่งๆ ก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์เยอะๆ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายโสภณ ระบุว่า ได้ถามความคิดเห็นของคนในพื้นที่ ว่า อยากจะให้รวมงานกับใครมากที่สุด โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเลยครับ เรื่องของการทำงานมีการมองไม่ตรงกัน อย่างมาตรา 237 ตนทำไม่ได้ เพราะไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปตัดสินใจให้ตัวเองหลุดจากคดีทำไม่ได้ จะเป็นการทำลายหลักการที่สำคัญ ว่า คนที่มารับผิดชอบบ้านเมืองทำเพื่อตัวเอง มันไม่ได้ ตนก็ไม่ทำ อาจจะไม่พอใจกัน ตนก็เข้าใจ ก็โกรธเคืองกันไป จะทำอย่างไรได้ แต่ตนยืนยันว่า ทุกเรื่องตนมีเหตุมีผล อย่างที่บอกเรื่องเดียวที่ต้องขออภัยจริงๆ คือเรื่องที่ไม่ได้ไปบึงฉวาก รับปากว่าจะไปแล้วไม่ได้ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังเลือกตั้งแล้วจะไปบึงฉวากหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ยินดีจะไป แต่ไม่รู้เมื่อถึงเวลานั้น ท่านยังจะชวนอยู่อีกหรือเปล่า เมื่อถามว่า นายกฯคิดว่า เรื่องไม่ไปบึงฉวากมันเรื่องใหญ่ขนาดโกรธกันเลย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบครับ เพราะมานั่งคิดว่า มีเรื่องไหนที่รับปากแล้วไม่ได้ทำ ก็มีเรื่องนี้ เมื่อถามว่า มีปัญหากันอย่างนี้ จะเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามแบบติดตลกว่า เรื่องบึงฉวากหรือครับ คงไม่มีปัญหา ผู้สื่อข่าวย้อนถามว่า เรื่องแก้มาตรา 237 จะเป็นปัญหาจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลของมัน และตนก็พูดชัดว่า ถ้าจะมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แล้วตนไปแก้กฎหมายอันนี้มันเป็นไปไม่ได้ เพราะประชาชนจะมองว่า
“รัฐบาลประชาธิปัตย์ไปแก้กฎหมายเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากคดี ถึงได้บอกว่า คนมีส่วนได้เสียทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดความคลางแคลงใจ ทำให้เกิดความขัดแย้ง การบริหารบ้านเมืองด้วยหลักการที่ดี เพราะฉะนั้นผมถึงได้บอกว่า ถ้าขัดใจกันก็ต้องขัดใจ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ตอนนี้มันชัดเจนมากว่า ว่าพรรคภูมิใจไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนามีจุดยืนที่ตรงกัน ในเรื่องของการนิรโทษกรรม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ค่อยแน่ใจ เพราะคำว่านิรโทษกรรมมันกว้างเลยเกิน มีทั้งเรื่องการเมือง กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธินั้นก็เรื่องหนึ่ง ทุจริตคอรัปชั่นก็เป็นคนละเรื่อง ก่อการร้ายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มีความผิดมาตรา 112 ไปพูดรวมๆ กัน ตนไม่เชื่อ และจริงๆ ถึงได้ถามว่า เรื่องนี้หยิบขึ้นมาทำไม เพราะก่อนยังไม่หยิบขึ้นมาก็ไม่ขัดแย้งกัน พอหยิบขึ้นมาก็มาวิพากษ์วิจารณ์กัน ขัดแย้งกัน ในขณะที่เราอยากให้เรื่องความขัดแย้งกัน อยากให้การเลือกตั้งกลับไปเป็นเรื่องของประชาชน เพราะฉะนั้นผมจะยืนจุดนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ และก่อนที่จะเดินออกไปได้พูดคุยกับนายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวต่อหน้าสื่อว่า นี้เห็นหรือเปล่ายังมายืนข้างกัน ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนแต่ตัวแต่ใจไม่อยู่ด้วยแล้วหรือเปล่า นายวัชระ กล่าวว่า ไม่ครับ นายกฯท่านบรรหารยังยืนยันยังรักนายกฯอยู่ นายกฯยังหันกลับมาแซวว่า ทำไมตอนบอกต้องก้มหน้าแล้ว นายวัชระ กล่าวยืนยันอีกครั้งว่า ครับๆ นายกฯท่านบรรหารยังรักนายกฯอภิสิทธิ์มากครับ
ด้าน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลากิจในวันที่ 1-3 มิ.ย.2554