นครศรีธรรมราช - ผอ.กองช่างเทศบาลตำบลท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เดือด! บริษัทรถยนต์ยี่ห้อดังไม่รับผิดชอบกรณีไฟลุกไหม้รถยนต์ 4 ประตูที่เพิ่งซื้อได้เพียง 6 เดือนแบบไม่ทราบสาเหตุ ติดป้าย-ลากรถที่ถูกไฟไหม้ประจานทั่วเมือง
วันนี้ (22 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครศรีธรรมราช ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ได้มีขบวนรถยนต์ราว 10 คัน ออกแห่แหนไปทั่วตัวเมืองนครศรีธรรมราช แต่คันที่สะดุดตา คือ รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู สภาพตอนหน้ายังดูใหม่เอี่ยม แต่ภายในและกระบะช่วงท้ายมีร่องรอยไฟไหม้เสียหายอย่างหนัก บริเวณกระบะท้ายได้ติดแผ่นป้ายระบุว่า “รถคันนี้ได้เกิดไฟไหม้หลังจากซื้อมาได้แค่ 6 เดือน แต่โตโยต้าไม่มีความรับผิดชอบ” ส่วนตอนหน้าได้ติดแผ่นป้ายข้อความว่า “รถคันนี้อยู่ในระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดี” พร้อมสัญลักษณ์ให้เสิร์ชคำว่า “กิตติ ปักเข็ม” ในกูเกิล
หลังจากที่ขบวนรถดังกล่าวได้มาจอดที่หน้าศาลาประดู่หก ถ.ราชดำเนิน ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามถึงที่มา โดยมี นายกิตติ ปักเข็ม อายุ 36 ปี ผอ.กองช่าง เทศบาลตำบลท่าศาลา อยู่เลขที่ 130 ม.7 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช แสดงตัวเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว และได้เล่าว่า รถคันนี้ได้ซื้อเมื่อประมาณ 6 เดือนก่อน ที่บริษัทโตโยต้าแห่งหนึ่งในจังหวัดใกล้เคียงกับ จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากช่วงที่ซื้อนั้น ตนได้รับราชการเป็นหัวหน้าส่วนโยธา อบต.ตะเคียนทอง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
การซื้อนั้นได้จ่ายเงินดาวน์ไปประมาณ 4 แสนบาทเศษ แล้วผ่อนชำระเดือนละ 7.4 พันบาท ผ่อนมาแล้ว 5 เดือน ก่อนหน้านี้ ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งที่เทศบาลตำบลท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช และเหตุการณ์ไฟไหม้รถได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะขับรถคันนี้ออกจาก อ.ท่าศาลา มุ่งหน้าไป อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 6 โมงเช้า
เมื่อไปถึงช่วง อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ได้เกิดกลิ่นเหม็นไหม้ ตนได้รีบจอดข้างทางและลงไปดูพบว่ามีไฟลุกบริเวณเหนือถังน้ำมัน โดยมียางเหนียวเหลวติดไฟเยิ้มลงมา ตนจึงพยายามดับไฟจนไฟลวกมือ หลังจากนั้นถังน้ำมันได้ระเบิดขึ้นจนไม่สามารถคุมเพลิงไว้ได้เสียหายทั้งคัน
นายกิตติ ในฐานะผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ตนได้ประสานกับบริษัท โตโยต้า ที่จำหน่ายรถคันนี้ บริษัทได้ส่งช่างมาดูแล้วพุดคุยกับตนในทำนองว่า สาเหตุไฟไหม้ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของผลิตภัณฑ์ ถ้าพูดกันตรงๆ คือ เป็นความผิดของเจ้าของ ทั้งที่รถคันนี้ไม่ได้ตกแต่งเพิ่มเติมหรือใส่อุปกรณ์แปลกปลอมอื่นๆ นอกเหนือจากอุปกรณ์จากโรงงาน ส่วนบริษัทใหญ่นั้นได้ระบุว่าจะจ่ายค่าชดเชยเสียหายให้ 1.5 แสนบาท
“ประกันชั้น 1 ที่ผมมีนั้น เขาระบุว่าจะจ่ายสินไหมให้ 80 เปอร์เซ็นต์ ของราคาจริง คือ 6.5 แสนบาท ซึ่งผมเห็นว่ายัง มีส่วนต่างที่ผมต้องรับผิดชอบอีกกว่า 2 แสนบาท จากราคารถที่ผมต้องรับผิดชอบ ซึ่งในเรื่องนี้ได้ร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน ทั้งในส่วนของ สคบ.คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคสภาผู้แทนราษฎร และกำลังอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องแพ่งกับบริษัทด้วย ผมขอแค่การเยียวยาคือการเคลมรถคันใหม่ให้กับผม และผมพร้อมรับภาระผูกพันที่เหลือทั้งหมดอยู่แล้ว แต่นี่ไม่มีการรับผิดชอบใดๆ และพยายามปัดว่าเป็นความผิดของผู้ซื้อ” นายกิตติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายกิตติ ได้พารถคันนี้ไปจอดตั้งไว้ที่หน้าบริษัทผู้แทนจำหน่ายใน จ.นครศรีธรรมราช ทั้ง 2 แห่ง จนสร้างความไม่พอใจให้กับพนักงานและผู้บริหารในบริษัทเป็นอย่างมาก จนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเจรจากับนายกิตติ เนื่องจากเกรงว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบ
ขณะเดียวกัน บริษัทผู้แทนจำหน่ายทั้ง 2 แห่งของ จ.นครศรีธรรมราช ได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังบริษัทผู้ผลิต ให้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อความชัดเจนถึงสาเหตุและความเป็นมาที่เกิดขึ้น เพื่อชี้แจงอย่างเป็นทางการต่อไปแล้ว
