ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เวทีเสวนาที่หาดใหญ่อัดแน่นด้วยการวิเคราะห์ “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” จวก “ทักษิณ” ยังเป็นปัญหาของแผ่นดิน ได้นักเขียนดอกทองมาร่วมละเลงดึงคดี “อากง” ร่วมต้าน ม.112 ส่วนรัฐบาล “ปูแสบ” นับวันถอยหลัง เร่งคลอด พรบ.นิรโทษกรรมช่วยพี่ชาย โดยเปลี่ยนชื่อเป็นพ.ร.บ.ปรองดอง ลั่นพันธมิตรฯ คัดค้านแน่หากใช้การเมืองหาทางทักษิณลอยหน้ากลับประเทศไทย โดยพ้นผิด
วันนี้ (17 ธ.ค.) ณ โรงแรมเอเชี่ยน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กิจกรรมของเวทีเสวนา “พลังปัญหาปกป้องแผ่นดิน” ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา ร่วมกับ สถานีวิทยุสงขลารวมใจ FM 95.50 MHz ได้ดำเนินการต่อไปภายหลังจากที่ อ.เทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ได้วิเคราะห์สถานการณ์กรณีปราสาทเขาพระวิหารแล้ว
ต่อมาเวลา 16.30 น. อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ปัญหาทางการเมืองมีขบวนการทำอย่างไรเอา “ทักษิณ” กลับบ้านได้โดยไม่มีความผิด เรื่องการจาบจ้วงสถาบัน และกระบวนการทำทุกวิธีทางเพื่อความกระชับของรัฐบาล ดังเช่น กรณีนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงรูปล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 8 ในเฟคบุ๊ก และกรณีที่ จ.ขอนแก่น แทนที่ภาพของ ร.9 นั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นการตั้งใจที่จะทำให้เกิดขึ้นอย่างเป็นขบวนการ
เช่นเดียวกับการขยายความเรื่องอากง นายอำพล ตั้งนพกุล วัย 61 ปีที่ส่งข้อความดูหมิ่นจาบจ้วงเบื้องสูงถึง 4 ครั้ง ศาลตัดสินจำคุก 20 ปี ถูกหยิบยกและสร้างภาพเป็นการสร้างภาพให้ดูหน้าสงสาร โดยมีนักเขียน “คำ ผกา” หรือ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย เปลือยอกออกมาต่อต้าน ม.112 ร่วมด้วยคณาจารย์ทำรูปลงเฟคบุ๊ก ล้วนมีความเชื่อมโยงอันเดียวกันกับสถาบัน
โดยพยายามใช้กรณีอากงมาเป็นเครื่องมือ แท้จริงแล้วเขาน่าสงสารจริง จะพบว่าข้อความในโทรศัพท์ในลักษณะมุ่งอาฆาตมาดร้ายถึง 4 ข้อความ มีการเปลี่ยนซิมเข้าออกหลายครั้ง เพื่อไม่ให้สามารถตามสัญญาณโทรศัพท์ว่ามาจากเครื่องไหน บ่งบอกว่าเป็นการกระทำที่เจตนา นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์ในตู้เสื้อผ้าอีก 3 เครื่อง ที่ใช้ในการส่งข้อความหมิ่นทั้งนั้น แต่เขาอ้างว่าการที่ข้อความหลุดออกไปเพราะได้เอาโทรศัพท์ไปซ่อม เมื่อตำรวจถามกลับตอบว่าจำไม่ได้
“วิธีการต่อสู้ตอนนี้เขาจนมุมตอบคำถามไม่ได้ สู้แบบไร้ทิศทางและจนมุม มีอีก 2 ทางเลือกเมื่อศาลตัดสิน คืออุทธรณ์เพื่อให้คดียืดเยื้อไปอีก หรือยอมรับผิดแล้วขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะฉะนั้นอากงไม่ใช้คนน่าสงสารอีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือของพวกโรคจิต ที่ต้องออกมาเปิดหน้าอกเหี่ยวๆ เพื่อเรียกคะแนนความสงสารให้กับอากง” อ.ปานเทพ กล่าวต่อและว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงเป็นปัญหาของแผ่นดิน เขาโฆษณาทั่วโลกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ศาลตัดสินไม่ถูกต้อง ไม่เป็นที่ยอมรับในทางสากล ส่วนทางกับคำสัมภาษณ์หลังในช่วงรัฐประหาร ปี 2550 ที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ตนจะกลับมาเผชิญหน้าความจริงและต่อสู้ แต่ที่ยังกลับไม่ได้เพราะต้องการให้ประเทศไทยฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยก่อน
และจนถึงตอนนี้ นช.ทักษิณ ชินวัตร มี 4 ทางเลือก คือ 1.ประเทศสงบด้วยมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แล้วมองไปข้างหน้าคือปฏิรูปการเมืองเพื่อประเทศสงบ ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งทักษิณชนะ และเกิดรัฐประหาร 2. มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวบอำนาจ แล้วแผ่นดินลุกเป็นไฟ 3. ชนชั้นนำของแต่ละกลุ่มจับมือกัน ยกความผิดในอดีตพ้นผิดให้หมดในอนาคตแบ่งปันอำนาจผลประโยชน์ ทุนและอำนาจ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ไม่สงบแน่นอนและมวลชนจะลุกฮือ และ
4.ทุกฝ่ายจับมือกันยอมเสียสละปฏิรูปประเทศใหม่ แต่เป็นไปได้ยากที่สุด และยังมองไม่เห็นทาง
อ.ปานเทพ ถามต่อไปว่า ทั้ง 4 ทางเลือกอาวุธคืออะไร อาวุธคือ เงิน คน และสื่อ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะต้องจัดการกับ 3 ประการนี้ให้ได้ นี่คือสาเหตุที่ 6 ปีแห่งการต่อสู้จึงไม่มีฝ่ายใดชนะ และ 4 ทางเลือกที่กล่าวมาที่ทักษิณไม่เลือกทางสุดท้ายอย่างแน่นอน เพราะต้องการที่จะรวบอำนาจอยู่ สถานการณ์ชักเย่อไปมากับการต่อสู้ในครั้งนี้ ถ้ามองคิดแบบทักษิณคือต้องการที่จะล้างความผิดของตัวเอง ซึ่งทั้ง 4 ทางเลือกดังกล่าวเป็นทางเลือกที่ทักษิณสามารถจะทำได้ทุกอย่างแต่กำลังขัดแย้งกันเอง
“ยิ่งตอนนี้มีการเปลี่ยนชื่อจาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็น พ.ร.บ.ปรองดอง เป็นหมากบังคับทำให้รัฐบาลคิดหนัก หากเอาเรื่องเข้าสภาก็ต้องเจอกับพันธมิตรอย่างแน่นอน รัฐบาลจึงคิดว่าต้องรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนเวลาจะหมด เพราะฉะนั้นปีหน้า พันธมิตรฯ พร้อมออกกันมาชุมนุมอย่างแน่นอน เพราะเมื่อไหร่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พันธมิตรฯ ออกมาต่อสู้แน่นอน เพราะการนิรโทษกรรมเป็นพันธะสัญญาที่พันธมิตรฯ ต่อสู้กันมา เราจึงต้องดำรงหลักการเดิม เมื่อไหร่เมื่อนั้นชุมนุมแน่นอน” อ.ปานเทพกล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้หลังจาก อ.ปานเทพ และ อ.เทพมนตรี ได้ตอบคำถามพี่น้องพันธมิตรฯ คลายข้อสงสัยกันแล้ว คณะทำงานพันธมิตรฯ สงขลา ได้นำเงินที่รวบรวบได้จากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยยอดบริจาคร่วม 100,000 บาท มอบให้กับ อ.ปานเทพ เพื่อนำไปช่วยสนับสนุน ASTV ไม่ให้จอดับ ต่อไป