ผู้บริหาร มช.และผู้บริหารองค์กรศิษย์เก่า มช.แม้จะโดยตั้งใจหรือไม่ แต่ ณ วันนี้การกระทำของพวกท่านได้ถูกมองว่ามีส่วนร่วมกับ “ระบอบทักษิณ” ในแผนปฏิบัติการรุกหนักที่มีเป้าหมายพุ่งตรงไปยัง “สถาบันพระมหากษัตริย์” ในห้วงเวลาที่ประชาชนจำนวนมากกำลังมีความสุขกับงานเฉลิมฉลองในวโรกาสมหามงคลที่ในหลวงทรงมีพระชนมายุ 7 รอบ หรือ 84 พรรษา
ต้องขอย้ำไว้ตรงนี้ก่อนว่า นี่เป็นเรื่องของ “ตัวบุคคล” ไม่เกี่ยวกับ “สถาบัน”
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ รศ.ธีระ วิสิทธิ์พานิช นายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า ที่ประชุมสมาคมฯ ครั้งที่ 6/2554 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมได้คัดเลือกนักศึกษาเก่าดีเด่น ประจำปี 2554 ไว้แล้ว 13 ราย แต่ที่เป็นพิเศษคือได้คัดเลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ศิษย์เก่าคณะรัฐศาสตร์ รหัส 28 ให้เป็น “นักศึกษาเก่าผู้ประสบความสำเร็จ” ด้วย
ทั้ง 14 รายมีกำหนดเข้ารับประกาศเกียรติคุณและเข็มเชิดชูเกียรติจาก ศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดี มช. ในงานราตรีอ่างแก้ว 2555 ในวันที่ 17 มกราคม จากนั้นเข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณอีกครั้งในพิธีซ้อมใหญ่งานพระราชทานปริญญา ครั้งที่ 46 ในวันที่ 18 มกราคม
หลังข่าวนี้แพร่สะพัด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังระเบ็งเซ็งแซ่ไปทั่ว หากเปรียบเทียบกับการประกาศยกย่องศิษย์เก่า มช.ตั้งแต่ที่เคยมีมา ถือว่าปีนี้เสียงคัดค้านหนาหูมากที่สุดแบบไม่เคยปรากฏมาก่อน
มีความเห็นที่น่าสนใจจาก รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จากนิด้าได้แสดงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวขณะร่วมประชุมวิชาการรัฐศาสตร์แห่งชาติที่ มช.เป็นเจ้าภาพว่า แม้สมาคมฯ ไม่ใช่หน่วยงานของมหาวิทยาลัย แต่การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับเสนอชื่อ แสดงว่าต้องได้รับการยอมรับจากผู้บริหารสถาบันด้วย
“ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นภาพสะท้อนวัฒนธรรมอำนาจในสังคมไทย ที่ดำรงอยู่ในสถาบันการศึกษา พอศิษย์เก่าได้ดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจ ก็รีบเสนอเกียรติยศทางสังคมเสริมเข้าไปอีก โดยไม่ได้ดูว่าเขาหรือเธอทำคุณประโยชน์ หรือทำความดีงามแก่ประเทศชาติ พอที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้คนในสังคมหรือไม่ ด้วยวิธีคิดทำนองนี้ (ยอมจำนนต่ออำนาจทางการเมือง) จึงทำให้มหาวิทยาลัยจำนวนมากไม่อาจเป็นที่พึ่งพาและชี้นำปัญญาที่ถูกต้องแก่สังคมได้”
รศ.ดร.พิชายให้ความเห็นด้วยว่า ผู้บริหาร มช.ควรจะทบทวนเรื่องนี้ เพราะหากยังยืนกรานดำเนินต่อไป ตนคิดว่าจะเกิดผลกระทบต่อชื่อเสียงอันทรงคุณค่าที่ยาวนานของสถาบัน
“ผมมีความเชื่อว่า มหาวิทยาลัยจะต้องไม่ประจบสอพลอนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจคนใด แต่เราต้องพยายามค้นคว้าหาความจริง สร้างปัญญาและคุณธรรมในการบริหารประเทศ มีจุดยืนทางวิชาการที่มั่นคง และมีความกล้าหาญชี้ทางเลือกในการพัฒนาสังคมและนโยบายต่างๆ โดยยืนอยู่บนประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ หลักวิชาการ และหลักคุณธรรมที่เป็นเสาหลักเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีเอาไว้”
ดังนี้แล้ว จึงไม่แปลกที่การกระทำของผู้ใหญ่ มช.จะมากมายไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย โดยเฉพาะช่วงระบอบทักษิณกำลังเดินเกมรุกแบบเข้มข้น จนเชื่อกันว่าเหตุการณ์ต่างๆ กำลังงวดจนใกล้เวลาสะเด็ดน้ำเข้าไปทุกที
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า ยากที่ผู้ใหญ่ มช.จะคิดทบทวน แต่หากไม่พยายามตอบคำถามสังคมให้กระจ่าง ก็เป็นเรื่องยากเช่นกันที่จะหลุดออกจากบ่วงที่ถูกนำไปผูกไว้กับเกมการเมืองของระบอบทักษิณ
อย่างน้อยผู้ใหญ่ มช.ควรตอบให้ได้ว่า เหตุใดจึงยกย่องน้องสาวนักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร “แบบเป็นการพิเศษ” ในวาระงานพระราชทานปริญญาที่กำลังจะมีขึ้น ซึ่งถัดจาก “วันพิเศษ” อันเป็นมิ่งมหามงคล 5 ธันวาคมเพียงวันเดียว
ผู้ใหญ่ มช.ไม่เคยรับรู้มาก่อนหรือว่าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์คือตัวแทนเชิดของพี่ชาย นั่งบริหารบ้านเมืองแค่ 4 เดือนนอกจากจะเติมเชื้อไฟให้วิกฤตต่างๆ แล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและประชาชนมากมายมหาศาล อย่างมหาอุทกภัยนั่นไง แถมทำความผิดพลาดส่วนตัวเป็นที่ประจักษ์แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เอาแค่ห้วงเดือนอันเป็นมิ่งมหามงคล ทำไมการกระทำของผู้ใหญ่ มช.จึงไปสอดรับกับหลากหลายปรากฏการณ์ที่ระบอบทักษิณจงใจสร้างขึ้น ไม่ว่ากรณีเฟซบุ๊กส่วนตัวนายกฯ ลงรูปพระบรมฉายาลักษณ์ผิดพลาดร้ายแรง แล้วเกิดซ้ำในลักษณะเดียวกันที่วัดป่าเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ตามด้วยรัฐบาลสั่งยกเลิกภาพยนตร์พาโนรามาเทิดพระเกียรติแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วให้แดงฮาร์ดคอร์ กี้-อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ที่ใครๆ ก็รู้ว่ามีจุดยืนเรื่องสถาบันเช่นไร จู่ๆ ก็มุดดินจากเขมรมาโผล่มอบตัวสู้คดี
ที่ครึกโครมโจษขานกันมากคือ กรณีโชว์นม ล้มมาตรา 112 ของ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา ที่เรียกขานตามคำแปลว่า “แม่หญิงดอกทอง” เจ้าของหนังสือ “กระทู้ดอกทอง” ที่ได้ออกมาเคลื่อนไหวรับลูกกรณีศาลสั่งจำคุกอากงเสื้อแดง 20 ปี
ความจริงหญิงร่านแห่งลานนาผู้นี้ก็คือศิษย์เก่าจากภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มช. และก็เป็นลูกช้างรุ่นน้องจากคณะตรงกันข้ามฝั่งถนนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ในปฏิบัติการเกื้อหนุนเครือข่ายระบอบทักษิณ “แม่หญิงดอกทอง” ทำได้แนบเนียนเหนือชั้นกว่า “แม่หญิงโง่” แบบเทียบชั้นไม่ติด
ยิ่งเมื่อมองผ่านทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดยิ่งสงสัยว่า ทำไม มช.ไม่ถือโอกาสเดียวกันนี้ยกย่อง น.ส.ลักขณาเป็นศิษย์เก่าดีเด่น หรือศิษย์เก่าผู้ประสบความสำเร็จไปเสียด้วย
นอกจากนี้ ในพิธียกย่องที่จะจัดยิ่งใหญ่ถึง 2 วันระหว่าง 17-18 มกราคม อันเป็นส่วนหนึ่งของงานพระราชทานปริญญา สมควรต้องเชิญนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตขุนพลคู่ใจทักษิณ ซึ่งได้รับการเยินยอให้เป็นศิษย์เก่าดีเด่น มช.ไปก่อนหน้ามาร่วมแสดงความยินดีด้วย
อันนี้เป็นข้อเสนอของศิษย์เก่าสื่อสารมวลชน มช. รหัส 26 ธรรมดาๆ คนหนึ่งนะครับ
ต้องขอย้ำไว้ตรงนี้ก่อนว่า นี่เป็นเรื่องของ “ตัวบุคคล” ไม่เกี่ยวกับ “สถาบัน”
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ รศ.ธีระ วิสิทธิ์พานิช นายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า ที่ประชุมสมาคมฯ ครั้งที่ 6/2554 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมได้คัดเลือกนักศึกษาเก่าดีเด่น ประจำปี 2554 ไว้แล้ว 13 ราย แต่ที่เป็นพิเศษคือได้คัดเลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ศิษย์เก่าคณะรัฐศาสตร์ รหัส 28 ให้เป็น “นักศึกษาเก่าผู้ประสบความสำเร็จ” ด้วย
ทั้ง 14 รายมีกำหนดเข้ารับประกาศเกียรติคุณและเข็มเชิดชูเกียรติจาก ศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดี มช. ในงานราตรีอ่างแก้ว 2555 ในวันที่ 17 มกราคม จากนั้นเข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณอีกครั้งในพิธีซ้อมใหญ่งานพระราชทานปริญญา ครั้งที่ 46 ในวันที่ 18 มกราคม
หลังข่าวนี้แพร่สะพัด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังระเบ็งเซ็งแซ่ไปทั่ว หากเปรียบเทียบกับการประกาศยกย่องศิษย์เก่า มช.ตั้งแต่ที่เคยมีมา ถือว่าปีนี้เสียงคัดค้านหนาหูมากที่สุดแบบไม่เคยปรากฏมาก่อน
มีความเห็นที่น่าสนใจจาก รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จากนิด้าได้แสดงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวขณะร่วมประชุมวิชาการรัฐศาสตร์แห่งชาติที่ มช.เป็นเจ้าภาพว่า แม้สมาคมฯ ไม่ใช่หน่วยงานของมหาวิทยาลัย แต่การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับเสนอชื่อ แสดงว่าต้องได้รับการยอมรับจากผู้บริหารสถาบันด้วย
“ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นภาพสะท้อนวัฒนธรรมอำนาจในสังคมไทย ที่ดำรงอยู่ในสถาบันการศึกษา พอศิษย์เก่าได้ดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจ ก็รีบเสนอเกียรติยศทางสังคมเสริมเข้าไปอีก โดยไม่ได้ดูว่าเขาหรือเธอทำคุณประโยชน์ หรือทำความดีงามแก่ประเทศชาติ พอที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้คนในสังคมหรือไม่ ด้วยวิธีคิดทำนองนี้ (ยอมจำนนต่ออำนาจทางการเมือง) จึงทำให้มหาวิทยาลัยจำนวนมากไม่อาจเป็นที่พึ่งพาและชี้นำปัญญาที่ถูกต้องแก่สังคมได้”
รศ.ดร.พิชายให้ความเห็นด้วยว่า ผู้บริหาร มช.ควรจะทบทวนเรื่องนี้ เพราะหากยังยืนกรานดำเนินต่อไป ตนคิดว่าจะเกิดผลกระทบต่อชื่อเสียงอันทรงคุณค่าที่ยาวนานของสถาบัน
“ผมมีความเชื่อว่า มหาวิทยาลัยจะต้องไม่ประจบสอพลอนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจคนใด แต่เราต้องพยายามค้นคว้าหาความจริง สร้างปัญญาและคุณธรรมในการบริหารประเทศ มีจุดยืนทางวิชาการที่มั่นคง และมีความกล้าหาญชี้ทางเลือกในการพัฒนาสังคมและนโยบายต่างๆ โดยยืนอยู่บนประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ หลักวิชาการ และหลักคุณธรรมที่เป็นเสาหลักเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีเอาไว้”
ดังนี้แล้ว จึงไม่แปลกที่การกระทำของผู้ใหญ่ มช.จะมากมายไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย โดยเฉพาะช่วงระบอบทักษิณกำลังเดินเกมรุกแบบเข้มข้น จนเชื่อกันว่าเหตุการณ์ต่างๆ กำลังงวดจนใกล้เวลาสะเด็ดน้ำเข้าไปทุกที
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า ยากที่ผู้ใหญ่ มช.จะคิดทบทวน แต่หากไม่พยายามตอบคำถามสังคมให้กระจ่าง ก็เป็นเรื่องยากเช่นกันที่จะหลุดออกจากบ่วงที่ถูกนำไปผูกไว้กับเกมการเมืองของระบอบทักษิณ
อย่างน้อยผู้ใหญ่ มช.ควรตอบให้ได้ว่า เหตุใดจึงยกย่องน้องสาวนักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร “แบบเป็นการพิเศษ” ในวาระงานพระราชทานปริญญาที่กำลังจะมีขึ้น ซึ่งถัดจาก “วันพิเศษ” อันเป็นมิ่งมหามงคล 5 ธันวาคมเพียงวันเดียว
ผู้ใหญ่ มช.ไม่เคยรับรู้มาก่อนหรือว่าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์คือตัวแทนเชิดของพี่ชาย นั่งบริหารบ้านเมืองแค่ 4 เดือนนอกจากจะเติมเชื้อไฟให้วิกฤตต่างๆ แล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและประชาชนมากมายมหาศาล อย่างมหาอุทกภัยนั่นไง แถมทำความผิดพลาดส่วนตัวเป็นที่ประจักษ์แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เอาแค่ห้วงเดือนอันเป็นมิ่งมหามงคล ทำไมการกระทำของผู้ใหญ่ มช.จึงไปสอดรับกับหลากหลายปรากฏการณ์ที่ระบอบทักษิณจงใจสร้างขึ้น ไม่ว่ากรณีเฟซบุ๊กส่วนตัวนายกฯ ลงรูปพระบรมฉายาลักษณ์ผิดพลาดร้ายแรง แล้วเกิดซ้ำในลักษณะเดียวกันที่วัดป่าเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ตามด้วยรัฐบาลสั่งยกเลิกภาพยนตร์พาโนรามาเทิดพระเกียรติแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วให้แดงฮาร์ดคอร์ กี้-อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ที่ใครๆ ก็รู้ว่ามีจุดยืนเรื่องสถาบันเช่นไร จู่ๆ ก็มุดดินจากเขมรมาโผล่มอบตัวสู้คดี
ที่ครึกโครมโจษขานกันมากคือ กรณีโชว์นม ล้มมาตรา 112 ของ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา ที่เรียกขานตามคำแปลว่า “แม่หญิงดอกทอง” เจ้าของหนังสือ “กระทู้ดอกทอง” ที่ได้ออกมาเคลื่อนไหวรับลูกกรณีศาลสั่งจำคุกอากงเสื้อแดง 20 ปี
ความจริงหญิงร่านแห่งลานนาผู้นี้ก็คือศิษย์เก่าจากภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มช. และก็เป็นลูกช้างรุ่นน้องจากคณะตรงกันข้ามฝั่งถนนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ในปฏิบัติการเกื้อหนุนเครือข่ายระบอบทักษิณ “แม่หญิงดอกทอง” ทำได้แนบเนียนเหนือชั้นกว่า “แม่หญิงโง่” แบบเทียบชั้นไม่ติด
ยิ่งเมื่อมองผ่านทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดยิ่งสงสัยว่า ทำไม มช.ไม่ถือโอกาสเดียวกันนี้ยกย่อง น.ส.ลักขณาเป็นศิษย์เก่าดีเด่น หรือศิษย์เก่าผู้ประสบความสำเร็จไปเสียด้วย
นอกจากนี้ ในพิธียกย่องที่จะจัดยิ่งใหญ่ถึง 2 วันระหว่าง 17-18 มกราคม อันเป็นส่วนหนึ่งของงานพระราชทานปริญญา สมควรต้องเชิญนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตขุนพลคู่ใจทักษิณ ซึ่งได้รับการเยินยอให้เป็นศิษย์เก่าดีเด่น มช.ไปก่อนหน้ามาร่วมแสดงความยินดีด้วย
อันนี้เป็นข้อเสนอของศิษย์เก่าสื่อสารมวลชน มช. รหัส 26 ธรรมดาๆ คนหนึ่งนะครับ
