กระบี่ - ชาวตำบลเขาคราม เมืองกระบี่ ร้องนายทุนบุกรุกป่าเขาหน้าเสียด ม.1 ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ เสียหายกว่า 50 ไร่ ต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตายจำนวนมาก เผย เป็นป่าต้นน้ำสำคัญที่ไหลลงสู่ท่าปอม-คลองสองน้ำ แหล่งท่องเที่ยวอันซีนชื่อดังของจังหวัดกระบี่ และพื้นที่ถูกบุกรุกสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากถนนเพชรเกษม วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบอย่างจริงจัง
วันนี้ (7 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนชาวบ้านในพื้นที่ ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ว่า ได้มีนายทุนบุกรุกป่าบนเขาหน้าเสียด ท้องที่หมู่ที่ 1 ต.เขาคราม ได้รับความเสียหายจำนวนกว่า 50 ไร่ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย ด.ต.ระวิ แพรกปาน ผบ.หมู่ วิทยาการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าจังหวัดกระบี่
โดยจุดที่มีการบุกรุกมีอยู่ 2 แปลง สามารถมองเห็นจากถนนเพชรเกษม ตรงบริเวณด่านชั่งน้ำหนักได้อย่างชัดเจน จากนั้นเดินทางไปตรวจสอบบริเวณเขาห้วยเสียด พบสภาพพื้นที่ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ ถูกบุกรุกปรับพื้นที่จำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ แปลงแรกมีร่องรอยปรับพื้นที่ด้วยรถแบ็กโฮ เลียบจากตีนเขาขึ้นไปเป็นขั้นบันได จนถึงบริเวณเนินเขารวมเนื้อ เนื้อที่กว่า 30 ไร่ และแปลงถัดมาอยู่ห่างจากจุดเดิมประมาณ 600 เมตร พบร่องรอยการเผา และมีการปรับพื้นที่ในลักษณะเดียวกัน เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ และด้านบนแปลงดังกล่าวพบต้นไม้สูงประมาณ 20-50 เมตร ยืนต้นตายจำนวนมาก
ด.ต.ระวิ กล่าวว่า ต้องการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบอย่างจริงจัง เพราะเดิมทีสภาพพื้นที่ดังกล่าว เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีไม้ป่าเบญจพรรณขนาดใหญ่หลายชนิด และเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดกระบี่ เพราะน้ำจากเขาหน้าเสียดจะไหลลงสู่ท่าปอมคลองสองน้ำ แหล่งท่องเที่ยวอันซีนชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ซึ่งระดับน้ำลดลงทุกปี และเป็นพื้นที่ป่าที่ต่อเนื่องกับสงวนแห่งชาติป่าในช่องตะวันตกที่มีการบุกรุกอย่างต่อเนื่อง และก่อนหน้านี้ก็มีการลักลอบเผาป่า จนได้รับเสียหายไม่น้อยกว่ากว่า500ไร่ แต่ไม่สามารถเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องได้
ด.ต.ระวิ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากพื้นที่เขาหน้าเสียดแล้ว ยังมีป่าสงวนที่อยู่ติดถนนเพชรเกษม ถูกบุกรุกปลูกปาล์มน้ำมันและยางพาราอีกกว่า 20 ไร่ ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2549 จนถึงกระทั่งปัจจุบันต้นไม้บริเวณดังกล่าวยืนต้นตายไปแล้วนับ 100 ต้น อาสินที่ลักลอบปลูกในพื้นที่ใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว แต่ไม่มีการจับกุมดำเนินคดี แต่อย่างใด
ส่วนพื้นที่ที่มีการจับกุมดำเนินคดีก่อนหน้านี้ กลับถูกบุกรุกซ้ำ ซึ่งบริเวณที่ถูกบุกรุกส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้กับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลป่าบริเวณดังกล่าวโดยตรง
วันนี้ (7 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนชาวบ้านในพื้นที่ ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ว่า ได้มีนายทุนบุกรุกป่าบนเขาหน้าเสียด ท้องที่หมู่ที่ 1 ต.เขาคราม ได้รับความเสียหายจำนวนกว่า 50 ไร่ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย ด.ต.ระวิ แพรกปาน ผบ.หมู่ วิทยาการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าจังหวัดกระบี่
โดยจุดที่มีการบุกรุกมีอยู่ 2 แปลง สามารถมองเห็นจากถนนเพชรเกษม ตรงบริเวณด่านชั่งน้ำหนักได้อย่างชัดเจน จากนั้นเดินทางไปตรวจสอบบริเวณเขาห้วยเสียด พบสภาพพื้นที่ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ ถูกบุกรุกปรับพื้นที่จำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ แปลงแรกมีร่องรอยปรับพื้นที่ด้วยรถแบ็กโฮ เลียบจากตีนเขาขึ้นไปเป็นขั้นบันได จนถึงบริเวณเนินเขารวมเนื้อ เนื้อที่กว่า 30 ไร่ และแปลงถัดมาอยู่ห่างจากจุดเดิมประมาณ 600 เมตร พบร่องรอยการเผา และมีการปรับพื้นที่ในลักษณะเดียวกัน เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ และด้านบนแปลงดังกล่าวพบต้นไม้สูงประมาณ 20-50 เมตร ยืนต้นตายจำนวนมาก
ด.ต.ระวิ กล่าวว่า ต้องการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบอย่างจริงจัง เพราะเดิมทีสภาพพื้นที่ดังกล่าว เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีไม้ป่าเบญจพรรณขนาดใหญ่หลายชนิด และเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดกระบี่ เพราะน้ำจากเขาหน้าเสียดจะไหลลงสู่ท่าปอมคลองสองน้ำ แหล่งท่องเที่ยวอันซีนชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ซึ่งระดับน้ำลดลงทุกปี และเป็นพื้นที่ป่าที่ต่อเนื่องกับสงวนแห่งชาติป่าในช่องตะวันตกที่มีการบุกรุกอย่างต่อเนื่อง และก่อนหน้านี้ก็มีการลักลอบเผาป่า จนได้รับเสียหายไม่น้อยกว่ากว่า500ไร่ แต่ไม่สามารถเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องได้
ด.ต.ระวิ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากพื้นที่เขาหน้าเสียดแล้ว ยังมีป่าสงวนที่อยู่ติดถนนเพชรเกษม ถูกบุกรุกปลูกปาล์มน้ำมันและยางพาราอีกกว่า 20 ไร่ ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2549 จนถึงกระทั่งปัจจุบันต้นไม้บริเวณดังกล่าวยืนต้นตายไปแล้วนับ 100 ต้น อาสินที่ลักลอบปลูกในพื้นที่ใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว แต่ไม่มีการจับกุมดำเนินคดี แต่อย่างใด
ส่วนพื้นที่ที่มีการจับกุมดำเนินคดีก่อนหน้านี้ กลับถูกบุกรุกซ้ำ ซึ่งบริเวณที่ถูกบุกรุกส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้กับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลป่าบริเวณดังกล่าวโดยตรง