รัฐบาลยิ่งลักษณ์แถลงนโยบายเสร็จสิ้นเรียบร้อย พร้อมลุยงานเต็มตัว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โชว์ความฟิต ประชุม ครม.ทันทีหลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายในเย็นวันที่ 25 ส.ค. รวดเร็ว ปรู๊ดปร๊าดทันใจ ถอดแบบสไตล์เดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้พี่ที่ยังหลบหนีคดีระหกระเหินอยู่ต่างแดน
ถัดมารุ่งขึ้นเรียกส่วนราชการมามอบนโยบาย แจกแจงให้ไปทำการบ้านเขียนแผนบริหาราชการแผ่นดิน จี้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ทำให้เสร็จเพื่อให้ทันกับงบประมาณ สร้างความแตกต่างกับรัฐบาลชุดก่อนที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ เชื่องช้า บริหารแบบ “ปลัดประเทศ”
โชว์ฟอร์มเด็ดแบบสายฟ้าผ่าด้วยการลดราคาน้ำมันตามที่ลั่นคำไว้ช่วงหาเสียง เบนซิน ดีเซล ลดราคาลงฮวบฮาบ ชาวบ้านขานรับปรบมือกันเกรียวกราวโดนใจไปเต็มๆ ทำแบบฉับพลันให้เห็นผลกระแทกใจประชาชนส่วนใหญ่ไปก่อน
ส่วนปัญหาที่จะตามมาเอาไว้แก้กันทีหลัง ทั้งเรื่องเงินงบประมาณที่ต้องนำมาชดเชย การดูแลผู้ผลิตแก๊สโซฮอล์ รวมทั้งผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน “ฉิบหายไม่ว่า เอาหน้าไว้ก่อน”
เสียงตอบรับที่ออกมาล้วนเป็นเชิงบวก โกยแต้มได้อื้อ!!
เมื่อประชาชนชื่นชอบ พร้อมยืนหนุนหลัง จะทำอะไรต่อไปมันก็ง่าย แรงเสียดทานต่างๆ ก็ลดน้อยถอยลง อย่างเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการทางการเมืองล่าสุด ปรากฏว่าคนเสื้อแดงตบเท้าพาเหรดเข้ามารับตำแหน่งกันล็อตใหญ่
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อดีตผู้จัดรายการทีวีคนเสื้อแดง รับหน้าที่รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ขณะที่ตำแหน่งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีชื่อของ ไพจิตร อักษรณรงค์, พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์, อรรถชัย อนันตเมฆ เบ็ดเสร็จเรียบร้อย นอกจากนั้นยังมีข่าวว่า อารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ดคนเสื้อแดง จะมาเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย พร้อมกับ เจ๋ง ดอกจิก เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย
จัดหนัก-จัดเต็ม มากันเป็นแผง หลังจากที่พลพรรคคนเสื้อแดงทั้งที่เข้ามาเป็น ส.ส. ถูกขอไว้ไม่ให้รับตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, จตุพร พรหมพันธุ์, เหวง โตจิราการ สร้างความขุ่นเคือง ขัดใจให้มวลหมู่สมาชิกคนเสื้อแดงมาครั้งหนึ่งแล้ว
มาครั้งนี้ย่อมขัดศรัทธาไม่ได้ การให้ตำแหน่งเลขาฯ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ถือเป็นทางออกที่ยิ่งลักษณ์เลือกผ่องถ่ายแรงบีบคั้นจากพลพรรคเสื้อแดง สังคมก็ด่าบ้างพอหอมปากหอมคอ แต่คนเสื้อแดงพอใจ บรรเทาความขัดแย้งภายในไปได้ด้วยดี
แม้ภาพจะดูเลอะ เละเทะ โหลยโท่ยไปบ้าง แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์คงคิดว่าสังคมคงเมินๆ ไป เพราะไม่ใช่ตำแหน่งสลักสำคัญอะไรเท่าไหร่ แต่ต้องมาจับตาดูการทำงานหลังจากนี้ จะมีบทบาทมากน้อยแค่ไหน
จะใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ไปทำอะไรเลอะเทอะเสื่อมทรามหรือเปล่า?
โดยเฉพาะตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทยที่มีเครือข่ายส่วนท้องถิ่นโยงใยทั่วประเทศ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กำกับดูแลกรมการปกครอง องค์กรส่วนท้องถิ่น คนมาเป็นเลขานุการรัฐมนตรี ก็มีอำนาจมากเป็นเงาตามตัว การให้คนเสื้อแดงมานั่งตรงนี้อาจทำการสร้างเครือข่าย สร้างมวลชน หรือสร้างฐานการเมืองในรูปแบบที่เป็นอันตรายต่อสังคมไทยหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีทั้งโรงเรียนเสื้อแดง หมู่บ้านเสื้อแดง
ไม่รู้เมื่อกองกำลังคนเสื้อแดงพาเหรดเข้ามามีอำนาจแล้ว จะคิดอะไรมาทำให้ “ฝ่ายอำมาตย์” ปวดหัวเล่นอีก
สำหรับตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ก็แน่นอนว่า ตัวบิ๊กเบิ้ม ที่ไม่มีเก้าอี้รัฐมนตรีรองรับ ต้องตบเท้าเข้ามาให้สมฐานะ ไม่ว่าจะเป็น โอฬาร ไชยประวัติ, พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี, พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร, สุชน ชาลีเครือ ตอบสนองพระเดชพระคุณกันไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
แต่น่าสังเกตว่า ชื่อของ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ปรากฏออกมา ไม่รู้ว่าจะใจไม้ไส้ระกำไม่ยกตำแหน่งใดๆ ให้เลย หรืออาจจะมีเก้าอี้ผู้แทนการค้าไทย ไว้ให้ทำงาน ล่าสุดตำแหน่งนี้แว่วข่าวว่า “เสี่ยหมา” พิเชฐ สถิรชวาล จ้องตาเป็นมัน อยากมานั่งในจะขาด มุ่งมั่นจะมาบริหารจัดการเรื่องอาหารฮาลาล เข็นครัวไทยสู่ครัวโลก
สำหรับตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือ นายกฯ น้อย ที่คนคาดหมายว่าจะต้องเป็นคนมีฝีมือลูกล่อลูกชนทางการเมืองสูง หรือมีความใกล้ชิดเป็นมือเป็นไม้ให้นายกฯ อย่าง นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล วันนี้ไม่ใช่อย่างนั้น พรรคเพื่อไทยได้วางตัว บัณฑูร สุภัควนิช อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ มาทำหน้าที่นี้ เพราะต้องการให้มาช่วยงาน “ยิ่งลักษณ์” ในด้านงานราชการ ระบบ ระเบียบขั้นตอนต่างๆ ซึ่งยังอ่อนด้อยอยู่ ไม่เน้นตอบโต้วิวาทะทางการเมือง ส่วน “นิวัฒน์ธำรง” ให้เรียนรู้งานในสภาไปก่อน
ตำแหน่งที่น่าสนใจอีกคนหนึ่ง คือ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในส่วนของน.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับสั่งการกรมประชาสัมพันธ์ และดูแล อสมท มีชื่อของ “วิม รุ่งวัฒนจินดา” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย มานั่งประจำการช่วยบริหารจัดการสื่อ
ทั้งๆ ที่ยังมีเรื่องมีราวฟาดฟัดกันอยู่ระหว่างสื่อมวลชนกับสื่อมวลชนด้วยกัน รวมไปถึงสภาการหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดมีที่มาจาก “อีเมลวิม” ที่เขียนถึงแผนงานจัดการดูแลสื่อ พร้อมทั้งสนับสนุนปัจจัยจนเป็นที่ฮือฮา ต้องตั้งกรรมการสอบขึ้นมาวุ่นวายในหลายองค์กร
ข้อความในอีเมล ระบุถึงการเข้ามาแทรกซึมดูแลสื่อ ด้วยปัจจัยต่างๆ เพื่อให้โทนการนำเสนอข่าวเอนเอียงไปทางพรรคเพื่อไทย ทำให้คณะกรรมการสอบของสภาการหนังสือพิมพ์ถึงขั้นหยิบยกข่าวหน้า 1 มาตรวจสอบวัดปริมาณกันจนเป็นที่โต้เถียงยังไม่จบ
การยังคงให้ “วิม” เข้ามาบริหารจัดการสื่อตรงนี้ เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้แคร์เรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะสลักสำคัญเป็นผลสะเทือนอะไร มองสื่อในรูปแบบที่บริหารจัดการได้ และยังจำเป็นต้องใช้ “วิม” ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนเก่า รู้ไส้พุง รู้ความคิดของสื่อเป็นอย่างดี
เรื่องการกำหนดประเด็นข่าว การสร้างข่าวของพรรคการเมืองตัวเอง รวมทั้งท่าทีของนายกรัฐมนตรี ควรทำอย่างไรให้ปรากฏเป็นข่าว และมีข่าวด้านเชิงบวก ที่แจกแจงไว้ในอีเมลนั้น ก็พบว่ามีการเดินตามแผนนั้นจริงๆ
นอกจากนั้น “วิม” ในฐานะศิษย์ก้นกุฏิ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ที่ขึ้นชื่อเรื่องดีลลับ มือคอนเนกชันชั้นเซียน ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชามาพอสมควร เรื่องการคลุกวงในสื่อ การปฏิสัมพันธ์กับสื่อ ถือเป็นเรื่องที่ “วิม” ทำได้ไม่เคอะเขิน
ถึงจะมีเรื่องราวฉาวโฉ่อย่างไร “วิม รุ่งวัฒนจินดา” ก็ยังคงเป็นทีมงานที่สำคัญในการประสานสื่อมวลชนในรูปแบบเดิม!!