ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เผยอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตแนวโน้มดี แนะรัฐบาลใหม่เร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน/นักท่องเที่ยว ระบุท่องเที่ยวดีเศรษฐกิจภูเก็ตดีตาม
นายธนันท์ ตัณฑ์ไพบูลย์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตยังโตอย่างต่อเนื่องตลอด 5-10 ปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะอาคารชุดมีการโตแบบก้าวกระโดด และในช่วงปลายปีนี้เชื่อถ้าการเมืองนิ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะดีขึ้นอย่างแน่นอน และขณะนี้มีนักลงทุนใหม่ๆกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะตลาดบ้านราคา 1-2 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนและยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ ขณะที่บ้านที่ราคาเกิน 3 ล้านบาทนั้นค่อนข้างจะชะลอตัว ส่วนตลาดบ้านระดับบนราคาสูงนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนโดยนักลงทุนชาวต่างชาติ ซึ่งตลาดนี้ไม่น่าเป็นห่วงเพราะส่วนใหญ่จะมีลูกค้ากลุ่มเฉพาะอยู่แล้ว และเชื่อว่าแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตช่วง 6เดือนหลังจะดีกว่าช่วงต้นปี 2554
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือเรื่องของเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นทำให้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตชะลอตัวไปด้วย โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะรอดูให้เงินบาทอ่อนตัวลงก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ตในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
นายธนันท์ กล่าวต่อไปว่า ในฐานะของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสิ่งที่ต้องการเห็นจากรัฐบาลใหม่ คือ เรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น โดยทำให้การเมืองนิ่ง เมื่อการเมืองนิ่งก็จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนกลับมาได้ เมื่อนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเกินความเชื่อมั่นก็จะเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยว
เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต อาศัยเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นหลักก็จะดีขึ้น เมื่อการท่องเที่ยวดีนักลงทุนก็จะเข้ามาลงทุนอย่างแน่นอน ซึ่งรวมถึงเรื่องของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยเพราะทิศทางของอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยว เมื่อการท่องเที่ยวเติบโตก็จะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอื่นๆ ดีตามไปด้วย ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ คือจะต้องทำให้ประเทมีความมั่นคงและไม่มีปัญหาเหมือนกับที่ผ่านมา ซึ่งนั่นก็จะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นตามไปด้วย
ที่ผ่านมาจังหวัดภูเก็ตทำรายได้ให้กับประเทศปีละมหาศาล แต่ที่ผ่านมางบประมาณในการพัฒนาส่งกลับลงมาในพื้นที่ค่อนข้างน้อย และยังคงต้องการงบประมาณมาใช้ในการพัฒนาในหลายๆ ด้าน เพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาขยะ ปัญหาการจราจร และปัญหาอื่นๆ แต่ที่ผ่านมาผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นภาคท่องเที่ยว ภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจอื่นๆ ต้องช่วยเหลือตัวเองมาตลอดการสนับสนุนจากรัฐบาลได้รับน้อยมาก
นายธนันท์ ยังกล่าวต่อไปถึงนโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ ได้ แต่ก็จะต้องมีการติดตามว่านโยบายที่มีการหาเสียงไว้นั้นที่ค่อนข้างกล่าวถึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท หรือผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจะได้รับเงินเดือน 15,000 บาท เป็นต้น จะทำได้จริงหรือไม่อย่างไร และหากทำไม่ได้ก็จะต้องอธิบายสาเหตุให้ประชาชนได้รับทราบด้วย
เรื่องของค่าแรงนั้นในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีการจ่ายในอัตราที่สูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของแรงงานฝีมือค่าแรงก็จะอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าบาท ส่วนแรงงานระดับล่างก็อยู่ที่ประมาณ 220-250 บาท เพราะฉะนั้นการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท จึงกระทบกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์น้อย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องของการขาดแคลนแรงงานมากกว่าการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวถูกต้อง ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้
นายธนันท์ ตัณฑ์ไพบูลย์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตยังโตอย่างต่อเนื่องตลอด 5-10 ปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะอาคารชุดมีการโตแบบก้าวกระโดด และในช่วงปลายปีนี้เชื่อถ้าการเมืองนิ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะดีขึ้นอย่างแน่นอน และขณะนี้มีนักลงทุนใหม่ๆกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะตลาดบ้านราคา 1-2 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนและยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ ขณะที่บ้านที่ราคาเกิน 3 ล้านบาทนั้นค่อนข้างจะชะลอตัว ส่วนตลาดบ้านระดับบนราคาสูงนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนโดยนักลงทุนชาวต่างชาติ ซึ่งตลาดนี้ไม่น่าเป็นห่วงเพราะส่วนใหญ่จะมีลูกค้ากลุ่มเฉพาะอยู่แล้ว และเชื่อว่าแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตช่วง 6เดือนหลังจะดีกว่าช่วงต้นปี 2554
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือเรื่องของเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นทำให้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตชะลอตัวไปด้วย โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะรอดูให้เงินบาทอ่อนตัวลงก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ตในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
นายธนันท์ กล่าวต่อไปว่า ในฐานะของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสิ่งที่ต้องการเห็นจากรัฐบาลใหม่ คือ เรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น โดยทำให้การเมืองนิ่ง เมื่อการเมืองนิ่งก็จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนกลับมาได้ เมื่อนักท่องเที่ยวและนักลงทุนเกินความเชื่อมั่นก็จะเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยว
เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต อาศัยเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นหลักก็จะดีขึ้น เมื่อการท่องเที่ยวดีนักลงทุนก็จะเข้ามาลงทุนอย่างแน่นอน ซึ่งรวมถึงเรื่องของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยเพราะทิศทางของอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยว เมื่อการท่องเที่ยวเติบโตก็จะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอื่นๆ ดีตามไปด้วย ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ คือจะต้องทำให้ประเทมีความมั่นคงและไม่มีปัญหาเหมือนกับที่ผ่านมา ซึ่งนั่นก็จะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นตามไปด้วย
ที่ผ่านมาจังหวัดภูเก็ตทำรายได้ให้กับประเทศปีละมหาศาล แต่ที่ผ่านมางบประมาณในการพัฒนาส่งกลับลงมาในพื้นที่ค่อนข้างน้อย และยังคงต้องการงบประมาณมาใช้ในการพัฒนาในหลายๆ ด้าน เพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาขยะ ปัญหาการจราจร และปัญหาอื่นๆ แต่ที่ผ่านมาผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นภาคท่องเที่ยว ภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจอื่นๆ ต้องช่วยเหลือตัวเองมาตลอดการสนับสนุนจากรัฐบาลได้รับน้อยมาก
นายธนันท์ ยังกล่าวต่อไปถึงนโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ ได้ แต่ก็จะต้องมีการติดตามว่านโยบายที่มีการหาเสียงไว้นั้นที่ค่อนข้างกล่าวถึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท หรือผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจะได้รับเงินเดือน 15,000 บาท เป็นต้น จะทำได้จริงหรือไม่อย่างไร และหากทำไม่ได้ก็จะต้องอธิบายสาเหตุให้ประชาชนได้รับทราบด้วย
เรื่องของค่าแรงนั้นในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีการจ่ายในอัตราที่สูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของแรงงานฝีมือค่าแรงก็จะอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าบาท ส่วนแรงงานระดับล่างก็อยู่ที่ประมาณ 220-250 บาท เพราะฉะนั้นการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท จึงกระทบกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์น้อย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องของการขาดแคลนแรงงานมากกว่าการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวถูกต้อง ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้