ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก แนะว่าที่รัฐบาลใหม่ทบทวนผลดี-เสีย นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน หวั่นผู้ประกอบการใหญ่หันจ้างแรงงานคุณภาพต่างด้าวที่ได้เปรียบด้านภาษามากกว่าแรงงานไทย ซึ่งอาจซ้ำเติมทั้งแรงงานในประเทศและโรงแรมขนาดเล็ก ที่เพิ่งฟื้นตัวจากผลกระทบทางการเมืองในช่วง 2 ปีก่อน
นางสาวบุญฑริก กุศลวิทย์ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เผยถึงนโยบายของว่าที่รัฐบาลใหม่ที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันว่า เป็นเรื่องที่จะต้องมีการทบทวนถึงผลดีและผลเสียอย่างรอบคอบ เพราะการขึ้นค่าแรงโดยไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ขณะเดียวกันยังไม่สามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้ ย่อมจะเกิดผลเสียต่อภาพรวมทางธุรกิจของประเทศมากกว่าผลดี
ทั้งนี้ ในส่วนภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยเพิ่งจะฟื้นตัวจากผลกระทบทางการเมือง ที่ต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ปี จนทำให้อัตราค่าห้องพักต่ำที่สุดในแถบเอเชีย ซึ่งหากรัฐบาลกำหนดให้ภาคธุรกิจขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ผู้ประกอบการก็จะต้องปรับแผนบริหารจัดการ รวมทั้งโครงสร้างทางธุรกิจครั้งใหญ่
แต่การยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรกลับเติบโตไม่ทัน ผลที่ตามมาก็คือ เมื่อมีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ผู้ประกอบการโรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีศักยภาพในการทำตลาดและเพิ่มงาน บริการเพื่อเพิ่มรายได้จะสามารถอยู่รอดได้ และอาจหันไปว่าจ้างแรงงานต่างด้าวที่มีศักยภาพและมีความสามารถด้านภาษาที่ดีกว่าแรงงานไทยเข้าทำงานแทนเพื่อให้คุ้มกับค่าจ้าง ส่วนโรงแรมขนาดเล็ก จะไม่สามารถอยู่รอดได้และอาจต้องปิดตัวไป ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจโรงแรมอย่างแน่นอน
“กระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลจะประกาศให้กรุงเทพฯ เมืองพัทยาและภูเก็ต เป็นจังหวัดนำร่องในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น คาดว่าผู้ประกอบการโรงแรมในพัทยาจะได้รับผลกระทบมากกว่าพื้นที่อื่นอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันค่าห้องพักของพัทยาถือว่าต่ำกว่าภูเก็ตและกรุงเทพฯมาก ดังนั้นหากต้องปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เท่ากันผู้ประกอบการก็คงได้รับความลำบาก และอาจต้องมองหาแหล่งรายได้อื่นเข้ามาเสริม ซึ่งในวันที่ 26 ก.ค. จะมีการประชุมใหญ่ของสมาคมโรงแรมในกรุงเทพฯ ก็คาดว่าประเด็นนี้จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยเพื่อหาข้อสรุป และจัดทำเป็นหนังสือเสนอต่อรัฐบาล เพื่อให้ทบทวนถึงผลดีและเสียของนโยบายดังกล่าวอย่างแน่นอน ”
นางสาวบุญฑริก ยังกล่าวอีกว่า การขึ้นค่าแรง 300 บาท ถือเป็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากที่เคยเป็นอยู่ถึงเกือบ 50% ดังนั้นเมื่อมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแล้ว ก็จะต้องมีการปรับค่าแรงในระดับอื่นๆ ตามไปด้วยเพื่อให้เกิดความสมดุล ซึ่งย่อมทำให้เกิดผลกระทบและเกิดการปรับรูปแบบการจัดการใหม่ในส่วนอื่นๆ ต่อไป ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลใหม่ควรคำนึงถึงมากเป็นพิเศษก็คือ การมุ่งเน้นการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนรวมทั้งกำหนดเป้าหมายทางการตลาดใหม่ และ ควบคุมจำนวนห้องพักที่เกิดขึ้นราวดอกเห็ดมากกว่าการกำหนดนโยบาย ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยรวม