เวทีปราศรัยหาเสียงปชป.โค้งสุดท้ายที่ภูเก็ตคึกคัก อ้อนขอคะแนนให้ “อภิสิทธิ์”บริหารประเทศต่อไป

ศูนย์ข่าวภูเก็ต-พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงโค้งสุดท้ายในพื้นที่ภูเก็ต เขต 2 ท่ามกลางประชาชนที่ได้การสนับสนุนอย่างคับคั่ง อ้อนคนภูเก็ตช่วยเลือกทั้งส.ส.และพรรค ให้ "อภิสิทธิ์" บริหารประเทศต่อไป โปรยยาหอมหวังดันงบประมาณหมื่นล้านลงพื้นที่


เมื่อช่วงค่ำวานนี้(24 มิ.ย.) ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าโรงยางท่าเรือ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงเพื่อช่วยผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ภูเก็ตทั้งสองเขตเลือกตั้ง ซึ่งนำทีมโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยแกนนำคนสำคัญ อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์, นายสมัย เจริญช่าง, นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายอาคม เอ่งฉ้วน เป็นต้น โอกาสนี้นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 และนายเรวัต อารีรอบ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงโดยนำเสนอผลงานในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ซึ่งสามารถผลักดันงบประมาณมาให้จังหวัดภูเก็ตจำนวนร่วมหมื่นล้านบาท เช่น ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต การขยายสนามบิน การสร้างอ่างเก็บน้ำคลองกะทะ การปรับปรุงและพัฒนาอาคารเรียนของโรงเรียน โรงพยาบาลต่างๆ การยกฐานะสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนชาวภูเก็ตเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยจำนวนร่วมหมื่นคน ท่ามกลางการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด อพปร.และ ฝ่ายปกครอง ซึ่งการปราศรัยเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย

ทั้งนี้นายจุรินทร์ กล่าวปราศรัยสรุป ได้ว่า จากการประเมินตัวเลข ส.ส.ของประชาธิปัตย์ที่จะได้รับการเลือกตั้งเข้าไปนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมถึงในส่วนของภาคใต้ด้วย แต่ที่เป็นห่วงมากที่สุด คือ เขตเลือกตั้งที่ 2 ของจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากต้องต่อสู้กับพระสององค์ คือ หลวงพ่อม่วง กับหลวงพ่อเทา และอยากจะบอกคนภูเก็ตด้วยว่าการเลือกผู้แทนนั้นเป็นศักดิ์ศรีอย่างหนึ่งของจังหวัด เพราะเมื่อได้รับเลือกแล้วและไปทำหน้าที่ในสภา ซึ่งการทำหน้าที่ในสภานั้นจะต้องแนะนำ คนภูเก็ตจะพร้อมรับได้หรือไม่ หากผู้แทนของท่านไปแนะนำตัวว่า ชื่อนายบ่อน นามสกุล กุ้ง ปลา จากพรรคจุดจุดจุด ดังนั้นจะต้องเลือกให้ถูกต้องและเป็นตัวแทนได้อย่างสมศักดิ์ศรี รวมทั้งจะต้องใช้คะแนนเสียงทุกเสียงให้เกิดประโยชน์ ทั้งในส่วนของ ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ขณะนี้ผู้เข้าสู่เส้นชัยมี 2 พรรคใหญ่ และหนึ่งในนั้น คือ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหากเลือกไปแล้วเรามีนโยบายชัดเจนที่จะเดินหน้าต่อไปเพื่อประชาชน แต่หากเลือกอีกพรรคก็จะได้นายกรัฐมนตรีโคลนนิ่งทักษิณ ได้นายณัฐวุฒิ ไสเกื้อและนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรี หากเลือกพรรคขนาดเล็กหรือขนาดกลาง หัวหน้าพรรคก็ไม่มีสิทธิได้เป็นนายกฯ เท่ากับเป็นการไปสนับสนุนนายกรัฐมนตรีโคลนนิ่งอีกทางหนึ่ง ซึ่งหากพรรคได้รับเลือกเข้าไปก็จะเดินหน้าต่อนโยบายที่ได้ทำไว้แล้ว เช่น เรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ โยฟรีใน 5 รายการ เป็นต้น

สำหรับจังหวัดภูเก็ตนั้นในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็ได้มีการจัดสรรงบประมาณลงมาพัฒนาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก เช่น อาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลถลาง โรงพยาบาลป่าตอง โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ก่อสร้างหรือปรับปรุงสถานีอนามัยและยกฐานะเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลครบทั้งจังหวัด เป็นต้น ซึ่งในสมัยรัฐบาลที่ผ่านๆ มามีการสนับสนุนงบประมาณลงมาน้อยมาก นายจุรินทร์ กล่าว

ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การหาเสียงในโค้งสุดท้ายนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะหากพลาดไปนิดเดียวนั่นหมายถึงอนาคตของประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วที่มีส.ส.เขตได้ 375 คน และส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 125 คน ชาวภูเก็ตจะต้องช่วยกันเลือกทั้งระบบบัญชีรายชื่อและส.ส.เขต อย่างภูเก็ตนั้นต้องเลือกตั้งอัญชลีและเรวัต จะเลือกเฉพาะพรรคโดยที่ไม่เลือกส.ส.เขตไม่ได้ เพราะหากเราพลาดนิดเดียวเขาจะกลับมาทันทีและแน่นอนเมื่อเขากลับมาพี่น้องชาวใต้จะต้องลำบากเหมือนกับที่เขาบริหารประเทศมาในช่วง 5 ปี ที่เขาได้ออกมาพูดชัดเจนว่าจะใช้งบประมาณสำหรับจังหวัดที่เลือกเขาเท่านั้น ส่วนจังหวัดใดที่ไม่เลือกเขาก็จะไม่ให้งบประมาณกับจังหวัดนั้น ซึ่งชาวใต้ได้เห็นมาแล้วในช่วงที่เขาเป็นรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้จังหวัดในภาคใต้น้อยมากๆ ทั้งๆที่คนใต้เสียภาษีมากกว่าพื้นที่ฐานเสียงของเขา นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีคุณธรรม ซึ่งตนเชื่อกฎแห่งกรรมว่าคนที่คิดร้ายจะต้องมีอันเป็นไปทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลโดยการนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการทุ่มงบประมาณลงมาพัฒนาพื้นที่ภาคใต้จำนวนมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับที่ต้องการขาดพัฒนาในช่วง 5 ปีที่ทักษิณเป็นรัฐบาล ที่ทำเหมือนประเทศของเราทุกๆคนเป็นบริษัทของตัวเอง กล้าทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง

นายชวน กล่าวต่อว่า แม้กระทั่งการออกไปหาเสียงในพื้นที่ที่เป็นเสื้อแดงก็ถูกกลั่นแกล้งและขัดขว้างต่างๆนานามีการตะโกนดาว่า ฆ่าคน 91 ศพ หรือไม่ก็ดีแต่พูด ซึ่งเรื่องเหล่าพวกเขาได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปหาเสียงในพื้นที่ฐานเสียงของเขา แต่คนใต้ไม่ทำแบบนั้นเพราะเราเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา ซึ่งหากทำแบบนั้นมีบทเรียนให้เห็นแล้วกรณีที่เชียงใหม่ ที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาป่วนจนนักท่องเที่ยวไม่กล้าไปเที่ยวกระทบต่อธุรกิจโรงแรมอย่างหนัก ซึ่งจริงๆแล้วคนเหนือและคนอีสานเป็นคนดี หัวอ่อน สุภาพ จึงถูกชักจูงได้ง่าย แต่คนใต้เป็นคนหัวแข็ง มีน้ำใจ ไม่ทำอย่างที่กลุ่มคนเสื้อแดงทำอยู่ในขณะนี้ และอยากฝากคนใต้ว่าอย่าเลือกส.ส.และพรรคของคนแบบนั้น

นายชวน กล่าวเพิ่มว่า หลังจากเปิดเวทีที่ภูเก็ตแล้วจะเดินสายหาเสียงในโค้งสุดท้ายต่อที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังเสียเปรียบคู่แข่งอยู่ โดยโพลครั้งสุดท้ายระบุว่าตามคู่แข่งอยู่ 6 คน ซึ่งคิดว่าในโค้งสุดท้ายนี้จะสามารถไล่ทันคู่แข่งได้แน่นอน หลังจากที่เราได้เปิดเวทีที่สี่แยกราชประสงค์ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับคนกรุงเทพกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกเสียงจะต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียว อย่าเกรงใจ และใจอ่อนหากมีคนมาข้อให้เลือกผู้สมัครของพรรคอื่นๆ การเลือกส.ส.ครั้งนี้จะต้องนึกถึงความอยู่รอดของประเทศชาติ เลือกนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีรับรองไม่โกง ตั้งใจทำงาน ไม่แสวงหาความร่ำรวย ไม่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจ

นายชาวกล่าวในตอนท้ายของปราศรัยว่า หากคนภูเก็ตต้องการให้นายอภิสิทธิ์มาทำงานบริหารประเทศต่อจะต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรคและส.ส.เขต ซึ่งภูเก็ตนั้นเป็นห่วงนายเรวัต อารีรอบ ผู้สมัครส.ส.เขต 2 ที่ต้องเจอกับศึกหนัก คนภูเก็ตจะต้องช่วยอุ้ม ตนรับรองว่าเรวัตเป็นคนดีจากที่ได้สัมผัสในช่วงเวลาสั้นๆที่เรวัตได้ทำหน้าที่ส.ส.ของภูเก็ต เป็นส.ส.คนหนึ่งที่ขยันออกเยี่ยมเยี่ยนชาวบ้าน และนำปัญหาของชาวบ้านไปแก้ไขในสภา คนภูเก็ตอย่าทำให้ตนเป็นห่วง ช่วยเลือกนายเรวัติ และเลือดพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ได้ทำงานบริหารประเทศต่อไป