นครศรีธรรมราช - สถานการณ์น้ำท่วม อ.นบพิตำ อพยพคนแล้วกว่า 1,000 คน เปิดจุดรองรับเพิ่มอีก 1 จุด ระดมจิตแพทย์ลงพื้นที่หลังผู้ประสบภัยเครียดหนัก ความเสียหายทั้งจังหวัดในเบื้องต้นกว่า 1,500 ล้านบาท คาดต้องใช้เวลา 3 เดือนเร่งฟื้นฟูชั่วคราว ขณะที่สายธารน้ำพระทัยหลั่งไหลสู่ผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง เปิดโรงครัวรวมใจช่วยอุทกภัยใต้ พร้อมด้วยครัวคาราวานเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก
ความคืบหน้าสถานการณ์อุทกภัยโคลนถล่มในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช วันนี้(3 เม.ย.) ทุกหน่วยงานต่างระดมสรรพกำลังทั้งคนและเครื่องมือทุกชนิดเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.นบพิตำ และ อ.สิชล ซึ่งเป็นพื้นที่เสียหายอันเนื่องจากน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มอย่างหนัก การอพยพคนยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
นายเดชา กังสะนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการอพยพด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบลำเลียงหรือที่เรียกว่าชีนุก ของศูนย์การบินทหารบก กองทัพบก ประชาชนลงมาพื้นล่างแล้วเฉพาะวันนี้กว่า 500 คน จากเดิมประมาณ 500 คนรวมแล้วประมาณ 1,000 คนเศษ และยืนยันว่าพื้นที่เสี่ยงทุกจุดเราอพยพคนอกมาหมดแล้ว และได้ปรับศูนย์อพยพในโรงเรียนนบพิตำเพื่อให้รองรับให้เพียงพอ
ขณะเดียวกันช่วงเช้าของวันนี้ได้ขยายศูนย์อพยพเพิ่มอีก 1 จุด คือ ที่โรงเรียนบ้านโรงเหล็กเป็นจุดที่ 2 การดูแลประชาชนในศูนย์อพยพขณะนี้ได้ปรับใช้งบประมาณของนายอำเภอ 1 ล้านบาทมาดูแล และคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะต้องของงบประมาณเพิ่มอีก 1 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขส่งจิตแพทย์ลงมาพบกับประชาชนอย่างเร่งด่วนเนื่องจากหลายคนที่ต้องสูญเสียบ้านและญาติไปอยู่ในสภาพเครียดอย่างหนัก
“สิ่งที่ขาดแคลนอยู่ในขณะนี้คือน้ำดื่มจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการน้ำดื่มหากเป็นไปได้ขอสนับสนุนเข้าพื้นที่อย่างเร่งด่วน ที่มีอยู่นั้นผลิตได้ช้าและไม่เพียงพอกับความต้องการ”.
เร่งฟื้นฟูชั่วคราวคาดใช้เวลากว่า 3 เดือน
นายเดชา กังสะนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่าในส่วนของการฟื้นฟูขณะนี้ได้เร่งประสานกับทุกส่วนในลำดับแรกได้ขอไปยังทำเนียบสนับสนุนเครื่องปั่นไฟจำนวน 200 ชุดซึ่งทราบว่าขณะนี้ได้มีคำสั่งมายัง กฟภ.เรียบร้อยแล้ว การเข้าไปในพื้นที่ขณะนี้ อส.กู้ภัยได้เข้าไปสร้างสะพานเชือกไว้เป็นการชั่วคราวก่อน
นอกจากนั้น ยังมีทหารช่าง ช่างจากกทม.ร่วมกันสร้างสะพานแบริ่งในจุดถนนขาดใช้เป็นการชั่วคราวก่อน อย่างไรก็ตามที่น่าเป็นห่วงคือหากสะพาน ถนนหนทางยังใช้การไม่ได้ดี ไฟฟ้าก็ยังแก้ไขได้ไม่เสร็จ ซึ่งกระบวนการฟื้นฟูชั่วคราวนั้นอาจต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน
พื้นที่เขาปริแยกไร้คนอาศัยแล้ว หวั่น 4-5 วันฝนถล่มหนักซ้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการติดตามสถานการณ์ภูเขาปริแยกกว้าง 1 เมตร ยาวประมาณ 1 กม.ในบ้านโรงเหล็ก ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ พบว่าในพื้นที่ดังกล่าวนั้นไม่มีชุมชนหรือบ้านเรือนประชาชนอาศัยอยู่แล้วถูกอพยพออกจนหมดพื้นที่ ซึ่งหากฝนยังตกต่อเนื่องในพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นพื้นที่เสี่ยงอย่างมาก และเมื่อดูจากภาพถ่ายดาวเทียมในอ่าวไทยยังมีกลุ่มเมฆอีกมากจึงยังคงน่าเป็นห่วง
ในส่วนของธารน้ำใหม่หลายจุดที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ดินถล่ม เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช กรมทรัพยากรธรณี เตรียมเข้าตรวจสอบหลังจากสถานการณ์คลี่คลายและอาจต้องทำแผนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงดินถล่มใหม่ เนื่องจากขณะนี้สัณฐานธรณีวิทยาในพื้นที่เปลี่ยนไปมาก
อ.สิชล จนท.เร่งสำรวจคนตกค้าง-ส่งอาหารเข้าพื้นที่
ส่วนที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช นายธีระมินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าวานนี้(2 เม.ย.) ได้มีการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 10 จังหวัดที่ประสบอุทกภัยและมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง
นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกจังหวัด ที่ได้ร่วมกันให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดได้ร่วมรายงานการเข้าไปดูแลช่วยเหลือประชาชน แนวโน้มของสถานการณ์ และสิ่งที่จะดำเนินการต่อไปในการแก้ไขปัญหาทางด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ตลอดถึงการบูรณะซ่อมแซมเส้นทางต่างๆ ให้สามารถใช้การได้อย่างรวดเร็ว
ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช สรุปสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นทั้ง 23 อำเภอ ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 21ราย ราษฎรได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 2 แสนครัวเรือน จำนวนกว่า 9 แสนคน มีการอพยพ 2 หมื่นคน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 17 หลัง และเสียหายบางส่วน 804 กว่าหลัง พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 280,000 ไร่ ถนนเสียหายกว่า 1,700 กว่าสาย มีมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 1,500 ล้านบาท
ด้านการให้ความช่วยเหลือได้เน้นลงไปในพื้นที่ของอำเภอนบพิตำ และอำเภอสิชล ที่มีถนนถูกตัดขาดและมีดินถล่ม และพบว่ามีประชาชนยังตกค้างอยู่อีกจำนวนมาก ซึ่งในวันนี้หน่วยกำลังต่างๆ ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และและองค์กรต่างๆ ได้บูรณาการให้ความช่วยเหลือในทุกวิถีทาง ทั้งเดินทางสำรวจ และการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์สนับสนุนจากกองทัพบก กองทัพภาค 4 ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยอื่น จำนวน 6 ลำ ออกให้ความช่วยเหลือและมอบสิ่งของแก่ประชาชนได้เพิ่มอีก 6- 8 พันชุด ที่ยังตกค้างอยู่
นอกจากนี้ ยังมีเรือประเภทต่างๆ อีกจำนวน 500 ลำ ที่ใช้ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในทุกอำเภอ ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ทางจังหวัดร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ได้มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้วกว่า 3 แสนชุด
ชาวบ้านหลายพื้นที่ใน อ.สิชล เร่งทำความสะอาดบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในหลายพื้นที่ของ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ประชาชนได้เร่งทำความสะอาดบ้านเรือนที่เสียหายเนื่องจากถูกธารโคลนและเศษซากไม้ต่างๆ เข้าทับถมหลังจากที่ถูกน้ำป่าไหลหลากบางบ้านเรือนทรัพย์สินที่ทุ่มเทสร้างไว้ตลอดชีวิต เช่น เงินสะสม ทองคำต่างๆ ถูกกระแสน้ำพัดออกไปจากบ้านทั้งหมด เนื่องจากในพื้นที่นั้นถูกกระแสน้ำที่รุนแรงและรวดเร็วรวมทั้งลดระดับลงอย่างรวดเร็วด้วยจึงสร้างความเสียอย่างเป็นวงกว้างใน ต.เทพราช ต.ฉลอง ต.เขาน้อย โดยเฉพาะบ้านเรือนประชาชน
ลุ่มน้ำปากพนังระทมหนักข้าวออกรวงเหลือจมน้ำ-งอกใต้น้ำล่มโดยสิ้นเชิง
ภายในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งประกอบด้วย อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.หัวไทร และ อ.ชะอวดระดับน้ำหลายจุดเริ่มลดลงแต่ยังคงมีระดับที่สูงกว่า 1 เมตรในหลายจุด เช่นที่ ม.1 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง ในพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยนาข้าวออกรวงเหลืองใกล้เก็บเกี่ยว บ่อเลี้ยงปลาอีกจำนวนมากต้องประสบปัญหาหนี้จนสิ้นเนื้อประดาตัว
ชาวบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่า ในพื้นที่นี้ทุกครัวเรือนจมอยู่ใต้น้ำในวันนี้ระดับลดลงไปประมาณ 2-3 ฟุตแล้วเมื่อไปดูในผืนนาข้าวที่ออกรวงรอการเก็บเกี่ยวอีกไม่กี่วันจมน้ำจนมิด ข้าวที่แก่จัดมีรากงอกออกมาคารวงเสียหายอย่างสิ้นเชิง ส่วนที่ยังไม่แก่รวงจมน้ำเน่าจนหมด บ่อปลาอีกจำนวนมากไม่เหลือเลย
สายธารน้ำพระทัยไหลลงซับน้ำตาชาวนครศรีฯต่อเนื่อง
นายเหมวงศ์ ประกอบบุญศิลป์ เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินการเปิดครัวสายใยรักแห่งครอบครัว ในพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร เพื่อช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ตำบลอินคีรี อำเภอพรหมคีรี จำนวนประมาณ 500 คน ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากน้ำท่วมสูงมาก และขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค จึงต้องอพยพมาอาศัยอยู่ที่วัดโทเอก หมู่ที่ 1 ตำบลอินคีรี อำเภอพรหมคีรี โดยครัวสายใยรักแห่งครอบครัวจะเปิดให้บริการประกอบเลี้ยงอาหารแก่ผู้ประสบภัย ไปจนกว่าระดับน้ำจะลดเข้าสู่ภาวะปกติ
ในวันนี้(3 เม.ย.) พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มอบให้นาอภัย จันทนจุลกะ รองประธานกรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ผู้แทนพระองค์ นำถุงยังชีพพระราชทานมอบให้จังหวัดนครศรีธรรมราชนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 1,000 ชุด ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และนางนารีรัตน์ มินทราศักดิ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นตัวแทนในการรับมอบถุงยังชีพพระราชทาน
จากนั้น รองประธานกรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก พร้อมคณะ ลงพื้นที่เปิดโรงครัวรวมใจช่วยอุทกภัยใต้ ด้วยครัวคาราวานเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ที่ร้านอาหารคันทรี่โฮม ถนนพัฒนาการคูขวาง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเปิดโรงครัวประกอบอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม