xs
xsm
sm
md
lg

ดับ45ป่วยกว่า2หมื่นคน เฝ้าระวังฝน-ดินถล่ม! พุนพินจมน้ำสุราษฎร์อัมพาต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน- "ในหลวง-พระราชินี" พระราชทานชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทย 1,000 ชุด ช่วยผู้ประสบภัย "อ.พุนพิน-เมืองสุราษฎร์” ยังจมน้ำ เสียหายกว่า 2,000 ล้าน เฝ้าระวังดินถล่มเขาบรรทัด เผยเขาปริแยกที่นบพิตำไร้คนอาศัยแล้วผวาฝนตกรอบใหม่ ยอดตายพุ่ง 45 ศพ ป่วย 2 หมื่นราย “มาร์ค” อัดฉีด 1 พันล้าน ช่วย 10 จังหวัด ทำเท่ขอให้มีวินัยเหมือนญี่ปุ่น

วานนี้ (3 เม.ย.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภ์สภากาชาดไทย และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นผู้แทนประองค์ นำเงินพระราชทานจัดชื้อถุงยังชีพชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทย จำนวน 1,000 ชุด มามอบให้ผู้ประสบภัย ที่ศาลาประชาคมในพื้นที่อ.บางแก้ว จ.พัทลุง สร้างความปลาบปลื้มแก่ผู้ประสบภัยเป็นล้นพ้น

สำหรับอ.บางแก้ว จ.พัทลุง ประสบอุทกภัยมาแล้วหลายระลอกตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งในแต่ละครั้งในพื้นที่ดังกล่าวน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นพื้นที่ราบลุ่มรับน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดของอำเภอกงหรา อ.ตะโหมด ก่อนไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อจัดรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ที่โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ และเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันกับชาวบ้านว่า การให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมและดินถล่มในครั้งนี้จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเร็วที่สุด

หลังจากจัดรายการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่เขตเทศบาลท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อพบปะกับประชาชนและแจกถุงยังชีพพร้อมกับเปิดเผยว่า ขณะนี้มีความจำเป็นต้องอพยพชาวบ้านไปอยู่ในพื้นที่สูง และการช่วยเหลือจะทำอย่างต่อเนื่องต่อเนื่อง

ส่วนกรณีที่มีปัญหาถนนขาด เมื่อน้ำลดระดับก็จะทำให้การเคลื่นย้ายสะดวกขึ้น แต่สิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้คือเรื่องน้ำประปาที่หยุดไหล จึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยระดมน้ำดื่มและเครื่องทำน้ำดื่ม เข้ามาในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

**ให้ ปชช.มีระเบียบวินัยเหมือนญี่ปุ่น

นายอภิสิทธิ์ จัดการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" โดย มีพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตัวแทนส่วนราชการต่างๆ ตัวแทนองค์กรส่วนท้องถิ่น และตัวแทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทุกภัยที่เกิดขึ้น เข้าร่วมรายการ

โดยตัวแทนเจ้าหน้าที่ทหาร รายงานว่า ในวันนี้ (4 เม.ย.) จะนำกำลังทหารช่าง จำนวน 600 นาย เข้ามาช่วยเหลือ ฟื้นฟูเส้นทางที่ชำรุด และพยายามเปิดเส้นทางชั่วคราว ให้ใช้งานได้ก่อน โดยคาดว่า 2 สัปดาห์ จะสามารถเริ่มเข้าไปดำเนินการซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน

**อัด 1 พันล้านช่วย 10 จังหวัด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ศชอ. จะสรุปการช่วยเหลือ เข้าสู่การประชุม ครม. ในส่วนบ้านเรือนประชาชนที่เสียหาย อาจมีการใช้แนวทางบ้านมั่นคง และจะอนุมัติให้เจ้าหน้าที่เข้ามาซ่อมแซมดูแล

“ขอให้ประชาชน มีกำลังใจ เข้มแข็ง และระวังโรคที่จะมากับน้ำท่วม อีกทั้งอยากจะเน้นเรื่องระเบียบวินัย ซึ่งตนอยากจะยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นที่ประสบเหตุการแผ่นดินไหว ประสบคลื่นสึนามิ และยังมีปัญหาเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด ประชาชนของเขาทุกคนอยู่ในระเบียบวินัย ดังนั้นหากทุกคนอยู่ในระเบียบวินัย และขอให้เชื่อฟังเจ้าหน้าที่ เพราะจะทำให้การให้ความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทั่วถึง”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะมีการเสนอใช้งบประมาณเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคใต้ หลังได้มีการขยายวงเงินจาก 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาทต่อจังหวัด

**สุราษฎร์ฯเสียหายกว่า 2 พันล้าน

ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.สุราษฎร์ธานี ได้สรุปความเสียหายจากน้ำท่วม ว่า พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายครอบคลุมทั้ง 19 อำเภอ 129 ตำบล 1,047 หมู่บ้าน จำนวน 114,340 ครัวเรือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 433,013 คน มีผู้เสียชีวิต 10 ราย พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 318,757 ไร่ ถนนได้รับความเสียหาย 431 สาย รวมมูลค่าความเสียหาย 2,010 ล้านบาท

**อ.พุนพินยังวิกฤตน้ำท่วมสูง

สำหรับพื้นที่ที่ยังวิกฤต คือ อ.พุนพิน พระแสง เคียนชา บ้านนาเดิม บ้านนาวาน และไชยบุรี ระดับน้ำยังท่วมสูง และโดยเฉพาะในเขตเทศบาลท่าข้าม และพื้นที่ทั่วทั้งอำเภอระดับน้ำยังสูงถึง 40 ซม. ทั้งนี้เนื่องจาก อ.พุนพินเป็นที่ราบและเป็นพื้นที่ปลายน้ำที่ต้องรับน้ำจากจ.นครศรีธรรมราช กระบี่ และอำเภออื่นๆ ที่อยู่ทางตอนบนของอ.พุนพิน ทำให้น้ำจากแม่น้ำตาปีไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่อ.พุนพินทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้น้ำเริ่มที่จะลดลงบ้างแล้ว จากที่ฝนหยุดตก และในส่วนของชาวบ้านขณะนี้มีบางส่วนที่ได้อพยพไปอยู่ในศูนย์อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่โรงพยาบาลสราญรมย์ กม. 18 และต.ศรีวิชัย และยังมีประชาชนบางส่วนที่บ้านพักยังพออาศัยได้ก็อาศัยอยู่ในพื้นที่ เพราะเกรงว่าทรัพย์สินจะได้รับความเสียหาย จากที่เริ่มมีมิจฉาชีพออกอาละวาดลักทรัพย์ของผู้ประสบภัย แต่ทางหน่วยงานราชการได้นำอาหารไปให้การช่วยเหลือ และคาดว่าหากฝนหยุดตกอีก 2-3 วัน พื้นที่อ.พุนพินจะเข้าสู่ภาวะปกติ

**ตัวเมืองสุราษฎร์ฯจราจรอัมพาต

ขณะที่ส่วนการให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี ทุกหน่วยได้ระดมกำลังเข้าไปยังพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งในเรื่องของอาหาร การรักษาพยาบาล การขนส่งคมนาคม

ในส่วนของการคมนาคมยังมีปัญหาหนัก จากที่มีปริมาณรถทั้งจากหาดใหญ่ นครศรีธรรมราช เข้ามามาก ทำให้การจราจรติดขัดอย่างมาก รวมทั้งถนนเอเชียสาย 41 รถก็ยังไม่สามารถที่จะผ่านไปมาได้ เนื่องจากน้ำได้ท่วมสะพานที่สี่แยกกม.18 ต.ท่าลงช้าง อ.พุนพิน จนเกือบถึงท้องสะพาน ซึ่งรถจากพื้นที่ภาคใต้ที่ต้องการเดินทางไปกรุงเทพฯจะต้องอ้อมไปใช้เส้นทางพังงา-ระนอง-ชุมพร เพื่อไปออกที่สี่แยกปฐมพร

ส่วนในอ.เมืองสุราษฎร์ธานี ในวันนี้ได้กลายเป็นอัมพาต ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ รวมไปถึงรถทหารที่เข้ามาขนคนไปส่งที่สนามบิน เนื่องจากได้มีรถลากจูงหรือรถพ่วงขนาดใหญ่จอดเสียอยู่บนถนนบริเวณหน้าโรงแรมไดมอนด์ ในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ทำให้การจราจรในเส้นทางตัวเมืองสุราษฎร์ธานี-สนามบินเป็นอัมพาต ต้องปรับแผนการขนคนไปสนามบินภูเก็ตด้วยเฮลิคอปเตอร์ 2 ใบพัดแทน

ขณะที่ปัญหาการขาดแดลนน้ำใช้เป็นเวลากว่า 5 วันแล้ว เนื่องจากทางการประปาส่วนภูมิภาคสุราษฎร์ธานีไม่สามารถจ่ายน้ำประปาให้แก่ประชาชนได้ เพราะโรงสูบน้ำในอ.พุนพินได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งซ่อมแซมและจะสามารถจ่ายน้ำประปาให้แก่ประชาชนได้ในเร็วๆนี้
ส่วนเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้นั่ง เฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจความเสียหาย ในพื้นที่ อ.นบพิตำ ใน 2 ตำบลคือ ต.กรุงชิง 11 หมู่บ้าน และ ต.นบพิตำ 2 หมู่บ้าน โดยเฉพาะ ต.กรุงชิง ยังมีราษฎรยังติดค้างออกมาไม่ได้กว่า 2,000 คน ที่รอการอพยพ โดยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องเร่งใช้เฮลิคอปเตอร์(ฮ.)บินไปช่วยเหลืออพยพ 50 กว่าเที่ยวบินแล้ว แต่ยังอพยพออกมาได้ไม่มาก เนื่องจากจุดที่ ฮ.จะลงบินลงไม่ได้ มีบินลงได้เพียง 9 จุดเท่านั้น บางจุดเจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีโรยตัวลง โดยสิ่งที่ต้องเร่งทำขณะนี้เร่งซ่อมสะพานอีกจำนวน 11 จุดที่ยังพังเสียหายให้ใช้การได้โดยเร็ว

นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ชาวภาคใต้จำนวน 1 ล้านคนกำลังประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ เสียชีวิตก็เยอะ ขอให้ทุกคนมีกำลังใจ ทราบว่าต้องใช้ ฮ.ขนอพยพราษฎรที่ยังติดค้างอีกหลายรอบทราบว่าบินถึง 50 เที่ยวบินแล้ว ทำให้ ฮ.แบล็กฮอวก์เสียไป 1 ลำ ต้องส่งลำใหม่บินมาเสริมแล้ว ตอนนี้มีทั้ง ฮ.ของทหาร ทภ.4 ฮ.ซีนุกของหน่วยบินทหารบกและ ฮ.ของ ตชด.42 รวมเกือบ 10 ลำมาบินช่วยเหลือ

**อ.สิชล จนท.เร่งสำรวจคนตกค้าง

นายธีระมินทราศักดิ์ ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช กล่าวสรุปสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นทั้ง 23 อำเภอ ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 21ราย ราษฎรได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 2 แสนครัวเรือน จำนวนกว่า 9 แสนคน มีการอพยพ 2 หมื่นคน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 17 หลัง และเสียหายบางส่วน 804 กว่าหลัง พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 280,000 ไร่ ถนนเสียหายกว่า 1,700 กว่าสาย มีมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 1,500 ล้านบาท

ด้านการให้ความช่วยเหลือได้เน้นลงไปในพื้นที่ของอ.นบพิตำ และอ.สิชล ที่มีถนนถูกตัดขาดและมีดินถล่ม และพบว่ามีประชาชนยังตกค้างอยู่อีกจำนวนมาก โดยได้มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้วกว่า 3 แสนชุด

**นบพิตำอพยพ 1 พัน-พัง 1.5 พันล้าน

ที่จ.นครศรีธรรมราช ทุกหน่วยงานต่างระดมสรรพกำลังทั้งคนและเครื่องมือทุกชนิดเข้าให้การช่วยเหลือประชาชในพื้นที่ อ.นบพิตำ และ อ.สิชล

นายเดชา กังสะนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการอพยพด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบลำเลียงหรือที่เรียกว่าชีนุก ของศูนย์การบินทหารบก กองทัพบก ประชาชนลงมาพื้นล่างแล้วกว่า 500 คน จากเดิมประมาณ 500 คนรวมแล้วประมาณ 1,000 คนเศษ นอกจากนี้ได้จัดปรับศูนย์อพยพในโรงเรียนนบพิตำเพื่อให้รองรับให้เพียงพอ และได้ขยายศูนย์อพยพเพิ่มอีก 1 จุด คือ ที่โรงเรียนบ้านโรงเหล็กเป็นจุดที่ 2 การดูแลประชาชนในศูนย์อพยพ ขณะเดียวกันได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขส่งจิตแพทย์ลงมาพบกับประชาชนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากหลายคนที่ต้องสูญเสียบ้านและญาติไปอยู่ในสภาพเครียดอย่างหนัก

**เขาปริแยกไร้คนอาศัยแล้ว-หวั่นฝนถล่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการติดตามสถานการณ์ภูเขาปริแยกกว้าง 1 เมตร ยาวประมาณ 1 กม.ในบ้านโรงเหล็ก ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ พบว่าในพื้นที่ดังกล่าวประชาชนได้ถูกอพยพออกจนหมดพื้นที่ ซึ่งหากฝนยังตกต่อเนื่องพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นพื้นที่เสี่ยงอย่างมาก และเมื่อดูจากภาพถ่ายดาวเทียมในอ่าวไทยยังมีกลุ่มเมฆอีกมากจึงยังคงน่าเป็นห่วง

ในส่วนของธารน้ำใหม่หลายจุดที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ดินถล่ม เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช กรมทรัพยากรธรณี เตรียมเข้าตรวจสอบหลังจากสถานการณ์คลี่คลายและอาจต้องทำแผนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงดินถล่มใหม่ เนื่องจากขณะนี้สัณฐานธรณีวิทยาในพื้นที่เปลี่ยนไปมาก

**คนอ่าวลึกกระบี่ผวาพบดินแยก

ส่วนที่จ.กระบี่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดปรากฎการณ์แผ่นดินแยกตัวภายในหมู่บ้าน หมู่ที่ 2 บ้านนบ ต.คลองหิน อ.อ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านเสียหาย จำนวน 1 หลัง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบบ้านที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินแยกตัวเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ของนายยูโสบ กิจเหล็ก อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 27/2 หมู่ที่ 2 ตำบลคลองหิน อำเภออ่าวลึก มีอาชีพค้าขายและทำสวน ปลูกอยู่ติดถนนภายในหมู่บ้าน เปิดเป็นร้านขายของชำ

จากการตรวจสอบตัวบ้าน พบว่าที่บริเวณในส่วนที่สร้างเป็นห้องครัวและห้องน้ำของบ้าน กว้างประมาณ 4 เมตร ยาว 4 เมตร มีผนังแยกออกจากตัวของบ้าน และในส่วนของพื้นครัวที่ปูด้วยกระเบื้องเคลือบก็พบรอยแตกร้าว อย่างเห็นได้อย่างชัดเจน และบริเวณข้างบ้านที่เป็นพื้นดินมีหญ้าปกคลุมบางๆพบว่ามีรอยแผ่นดินแยกออกจากกันเป็นทางยาวประมาณ 15 เมตร ผ่านเข้าไปทางส่วนที่เป็นครัวของบ้าน รอยแยกของแผ่นดิน กว้าง ประมาณ 3-4 นิ้ว สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในส่วนความลึกจากการเอาไม้หยั่งลงไป ลึกประมาณ 2 เมตร ขณะนี้ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ อบต.และผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาตรวจแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าสำหรับพื้นที่หมู่บ้านที่เกิดดินถล่ม และน้ำท่วม อยู่ในหมู่ที่ 5 บ้านช่องไม้ดำ ต.คลองหิน ซึ่งมีพื้นที่ติดกัน โดยจากการเข้าไปตรวจสอบสอบพบว่าในพื้นที่บ้านช่องไม้ดำ เกิดดินถล่ม พัดบ้านเรือนของชาวบ้านเสียหาย จำนวน 4-5 หลังคาเรือน โดยจุดที่เกิดดินถล่มก็มาจากเขาพนมเบญจา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในจ.กระบี่ และเป็นวันเดียวกันกับภูเขาพนมเบญจาถล่ม หมู่บ้านต้นหาร ซึ่งอยู่คนละทิศกัน แต่โชคดีที่บ้านช่องไม้ดำไม่มีผู้เสียชีวิต เนื่องจาก นายประสิทธิ์ ภูชัชวนิชกุล นายอำเภออ่าวลึก ได้สั่งการให้อพยพชาวบ้านออกไปก่อน

**5 อำเภอพัทลุงยังอ่วม-ปภ.สั่งเฝ้าดินถล่ม

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในจ.พัทลุง ล่าสุดน้ำยังคงท่วมใน 5 อำเภอแถบริมทะเลสาบ คือ อ.เมืองพัทลุง ควนขนุน เขาชัยสน บางแก้ว และ ปากพะยูน โดยเฉพาะพื้นที่ หมู่ที่ 3, 4 ต.จองถนน หมู่ 8 ต.หานโพธิ์ อ.เขาชัยสน น้ำทะเลหนุน บวกกับน้ำเหนือจากพื้นที่เทือกเขาบรรทัดไหลเอ่อล้น ก่อนลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้ชาวบ้านกว่า 800 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนต้องย้ายไปอาศัยอยู่กับญาติหลายสิบครัวเรือน และพื้นที่หมู่ที่ 7 บ้านหัวป่าเขียว ต.ทะเลน้อย ชาวบ้านยังคงอาศัยอาคารศิลปาชีพจำนวน 33 ครัวเรือน เนื่องจากน้ำยังท่วมขังสูงยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้

ด้าน นายธนกร ตระบันพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง สั่งเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงดินถล่มใน 28 หมู่บ้าน 4 อำเภอ ริมเทือกเขาบรรทัด คือ อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ศรีบรรพต และอ.ป่าพะยอม อย่างต่อเนื่อง หวั่นดินถล่มลงมาหลังฝนยังคงตกไม่หยุด พร้อมประสานขอสนับสนุนกำลังทหารในค่ายอภัยบริรักษ์ จังหวัดพัทลุง ให้มีการเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออพยพชาวบ้านหากเกิดเหตุการณ์

นอกจากนี้ ในช่วงเช้าได้มีฝนตกลงมาหนักนานกว่า 2 ชั่วโมงทำให้ถนนในเขตเทศบาลเมืองพัทลุงหลายสายมีน้ำท่วมสูง เนื่องจากน้ำระบายได้อย่างช้าๆ และล่าสุดพบมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย คือ นายเฉลิม เกื้อพรหม อายุ 52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน ได้ออกไปหาปลามาทำกับข้าวเลี้ยงครอบครัว หลังขาดรายได้ช่วงน้ำท่วม แต่ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดจมหายจนเสียชีวิต

**ศพเหยื่อน้ำท่วมใต้แล้ว 45 ราย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) รายงานมีผู้เสียชีวิต 45 ราย สูญหาย 1 ราย ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช 19 ราย สุราษฎร์ธานี 10 ราย กระบี่ 9 ราย พัทลุง 3 ราย ตรัง และชุมพร จังหวัดละ 2 ราย ส่วนการให้บริการสุขภาพกายและสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. - 2 เม.ย. ที่ผ่านมา กว่า 18,378 ราย ส่วนใหญ่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด โรคน้ำกัดเท้า โรคผิวหนังผื่นคัน

ส่วนด้านสุขภาพจิตให้บริการแล้ว 69 ราย พบมีความเครียดสูง 15 ราย มีภาวะซึมเศร้า 7 ราย สาเหตุมาจากสภาพความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป ทรัพย์สินเสียหาย บางรายสูญเสียญาติ คนรู้จัก ทั้งนี้ สธ. จะได้ส่งยารักษาโรคน้ำกัดเท้า ให้จ.สุราษฎร์ธานีอีก 30,000 ชุด
“จากการช่วยเหลือ ล่าสุด พบชายอายุ 50 ปี เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และชายอายุ 43 ปี เส้นเลือดในสมองแตก และหญิงอายุ 89 ปี เป็นโรคไตวาย โดยทั้ง 3 ราย ส่งรักษาต่อที่ รพ.สุราษฎร์ธานี”.
กำลังโหลดความคิดเห็น