นครศรีธรรมราช-"ในหลวง-ราชินี" พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยซับน้ำตาชาวใต้ โดยผู้ว่าฯเมืองนครเผย ส่งเฮลิคอปเตอร์บินอพยพผู้ประสบภัยแล้ว พร้อมปูพรมช่วยเหลือส่งเสบียงและใช้เครื่องปั่นไฟบรรเทาความเดือดร้อน ด้านเฮลิคอปเตอร์ทำงานหนัก บินรับส่งผู้ประสบภัยและศพผู้เสียชีวิต ขณะที่ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ลงพื้นที่พบชาวอำเภอนบพิตำป่วยจำนวนมาก นอกจากนี้ เจอศพเด็กหญิงวัย 12 จมน้ำลอยคลองข้ามอำเภอ
วันนี้ (2 เม.ย.) นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่า มีความรุนแรงและมีผลกระทบกับพี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง และยังมีประชาชนบางส่วนยังติดค้างอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากมีสภาพของเส้นทางถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มีความจำเป็นที่จะต้องระดมกำลังจากทุกภาคส่วน เข้าให้ความช่วยเหลือในทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือให้มีความปลอดภัยรวมทั้งมีเสบียงอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในพื้นที่ของอำเภอนบพิตำ และอำเภอสิชล ที่ยังพบว่ามีประชาชนยังตกค้างอยู่ ในวันนี้ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพภาค 4 และตำรวจตระเวนชายแดน กองบินตำรวจ พร้อมกำลังพลบูรณาการกับอาสาสมัครภาคเอกชน เข้าให้การช่วยเหลือในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เฮลิคอปเตอร์ที่ลงพื้นที่ ประกอบด้วยแบบฮิวอี้ 212 แบล๊คฮอร์ค และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ ชีนุคจำนวน 2 ลำจากกองทัพบก และแบบฮิวอี้ 214 อีก 2 ลำจากกองบินตำรวจ และตำรวจตระเวนชายแดน ติดเครื่องหมายสัญลักษณ์ RESCUE ออกบินส่งเสบียงให้กับพื้นที่ต่างๆที่ถูกตัดขาด และเนื่องจากที่สภาพอากาศเปิดและแจ่มใสขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ได้บินให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องหลายสิบเที่ยวต่อวัน
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยที่มีประชาชนได้รับผลกระทบทั้ง 23 อำเภอ ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว ราว 20 ราย ประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 200,000 ครัวเรือน จำนวนกว่า 900,000 คน มีมีการอพยพ 20,000 คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 17 หลัง และเสียหายบางส่วน 804 กว่าหลัง พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 280,000 ไร่ ถนนเสียหายกว่า 1,700 กว่าสาย ตลอดถึงสิ่งสาธารณประโยชน์ ความเสียหายด้านปศุสัตว์และประมงอีกจำนวนมาก ซึ่งมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 1,500 ล้านบาท ขณะที่ทางจังหวัดตลอดถึงอำเภอ องค์การบริหารการปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนต่างๆ ได้ออกตระเวนออกมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนในทุกจุด ถึงขณะนี้ได้มีการแจกจ่ายไปแล้วกว่าแสนชุด
** “ในหลวง-ราชินี” พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทาน พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากสถานการณ์ เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2554 เป็นต้นมา ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยผ่านผู้บัญชาการกองทัพบก และที่หน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช พลโทอุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 รับมอบเงินพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อที่จะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่อไป
โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทาน พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ผ่านผู้บัญชาการทหารบก มาให้กับกองทัพภาคที่ 4 พระองค์ท่านมีพระประสงค์จะช่วยเหลือพสกสิกรพี่น้องทุกหมู่เหล่าที่ได้รับผลกระทบไม่เว้นผู้หนึ่งผู้ใด พระองค์ท่านมีกระแสรับสั่งผ่านผู้บัญชาการทหารบก ให้ดูแลประชาชนให้ดีด้วยความห่วงใย
**ตะลึงพบรอยปริบนเขานบพิตำยาวกว่า 1กม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพื้นที่ บ้านเขาเหล็ก ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ได้มีความพยายามในการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดนั้นมีรายงานว่าเกิดรอยปริแยกบนภูเขาในพื้นที่ดังกล่าวมีความกว้างประมาณ 1 เมตรยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทำให้เกิดความหวาดหวั่นว่าหากฝนตกลงมาแนวปริแยกนี้จะพังถล่มเลื่อนไหลลงมาเกิดความเสียหายอย่างกว้างขวาง และยังมีประชาชนอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวหลายครอบครัว
นายเดชา กังสะนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในพื้นที่ อ.นบตำ จ.นครศรีธรรมราช การอพยพเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขนส่งอาหาร เวชภัณฑ์เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ เข้าในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันโดยส่งไปถึงบ้านสำนักเนียน อ.สิชล ซึ่งในเรื่องเครื่องอุปโภคบริโภค อาหารต่างๆไม่น่าห่วงนัก โดยได้จัดลำดับความสำคัญในการเคลื่อนย้ายโดยเฉพาะผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ คนชรา และผู้หญิงตั้งครรภ์ ลงมาจากพื้นที่ก่อน และได้ช่วยเหลือประชาชนที่ติดค้างอยู่ด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบฮิวอี้ 212 หย่อนตาข่ายลงไปรับหิ้วขึ้นเครื่อง เนื่องจากเครื่องไม่สามารถร่อนลงจอดได้ อีกราว 20 คนได้อย่างปลอดภัย
“ประชาชนทั้งหมดบนพื้นที่นบพิตำมีประมาณ 9,000 คน มีทั้งปลอดภัยและยังอยู่ในจุดเสี่ยง โดยเจ้าหน้าที่ได้อพยพลงมามากกว่า 400 คนแล้ว ส่วนหนึ่งได้ไปอาศัยยังบ้านญาติ ส่วนที่อยู่ในความดูแลภายในศูนย์อพยพประมาณ 300 คน เศษปัญหาหนักใจมากในขณะนี้คือ เมื่อท้องฟ้าเปิดอากาศดีขึ้นประชาชนจำนวนมากไม่ยอมอพยพลงมาบอกว่าอากาศดีแล้ว ทำให้เป็นห่วงมาก ได้ให้กำนันในพื้นที่พยายามไปประชุมทำความเข้าใจ และนัดหมายให้ไปอพยพที่บ้านปากลง ต.กรุงชิง เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ชินุค ลงตรงนั้นได้จุดเดียว” ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าว
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้เตรียมเครื่องปั่นไฟฟ้าฉุกเฉินขนาด 1.5 กิโลวัตถ์ ส่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชินุค ไปตั้งสถานีจ่ายไฟฉุกเฉินบนพื้นที่กรุงชิง พร้อมกันนั้นได้มีการ ติดตั้งสถานีย่อยสื่อสารด้วยวิทยุสื่อสารหลายข่ายทั้งแบบสมัครเล่น และข่ายสื่อสารทางทหาร หลายสถานีเพื่อประสานทั้งระบบอย่างมีประสิทธิในการช่วยเหลือสูงสุด
**ฮ.บินอพยพชาวสิชล-ย้ายศพจ้าละหวั่น
ส่วนที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้อำนวยการการช่วยเหลือกู้ภัยร่วม พ.ต.อ.สีหนาท สีกาแก้ว ผกก.ตชด.42 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนจำนวนมาก และเฮลิคอปเตอร์แบบ ฮิวอี้ 214 อีก 2 ลำ เข้าทำการค้นหาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและยังถูกตัดขาดจากโลกภายนอกในพื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยในการบินสำรวจพื้นที่พบว่าเทือกเขาหลวงในเขต อ.สิชลมีพื้นที่ดินถล่มเป็นหย่อมๆ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ราว 50 จุด
ขณะที่ ม.10 ต.เทพราช ม.7ม.15 ต.เขาน้อย ม.10ต.ฉลอง ม.1 , 7 , 11 ต.สี่ขีด พบว่ามีประชาชนติดอยู่ตามจุดต่างๆ จำนวนมาก พยายามที่จะโบกมือขอความช่วยเหลือจากเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งนักบินพยายามที่จะลดระดับลงไป แต่ไม่สามารถลงจอดได้จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการหย่อนเครื่องยังชีพลงไปให้แทน อย่างไรก็ตามในการช่วยเหลือในพื้นที่ ม.6 ต.เทพราช อ.สิชล ได้มีการลงจอดและให้การช่วยเหลืออพยพคนออกจากพื้นที่ไปได้บางส่วน
โดยเฮลิคอปเตอร์ตำรวจกู้ภัยได้บินเข้าไปในพื้นที่ ม.3 ต.เขาน้อย อ.สิชล เพื่อรับศพ น.ส.เอื้อมพร สังข์วงศ์ อายุ 46 ปี ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมาเนื่องจากถูกน้ำพัด ญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 30 ม.3 ต.บ้านเขาน้อย อ.สิชล โดยได้สวดพระอภิธรรมได้เพียง 1 คืนหลังจากสถานการณ์น้ำท่วม โคลนถล่มได้เลวร้ายขึ้นตามลำดับ ไม่สามารถบำเพ็ญกุศลต่อไปได้ สภาพไฟฟ้าถูกตัดขาดทั้งหมด สภาพศพเริ่มเน่า ญาติต้องนำศพมารอที่ใกล้กับบ้าน จากนั้น เฮลิคอปเตอร์ได้นำศพลงมาไว้ที่โรงเรียนบ้านเผียน ม.5 ต.เทพราช เพื่อให้ญาติที่รออยู่นำศพไปฌาปณกิจที่วัดปทุมทายิการาม ในช่วงค่ำของวันนี้อย่างยากลำบาก
**ชาวลุ่มน้ำปากพนังระทมหนัก
ส่วนที่พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังประกอบด้วย 5 อำเภอคือ อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากตัวจังหวัดชั้นในกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักโดยเฉพาะพื้นที่ อ.เชียรใหญ่ ในตำบลไสหมาก ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตรหลายหมู่บ้าน ประชาชนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจำนวนมาก ในขณะที่การช่วยเหลือยังเข้าไปได้อย่างยากลำบาก
อย่างไรก็ตามพื้นที่ดังกล่าวทั้ง 5 อำเภอเป็นพื้นที่ที่อยู่ในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในห้วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาที่เกษตรกรในพื้นที่เตรียมเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งนาข้าวประเภทนาปี นาปรัง ผักกินใบต่างๆ พริก ผักประเภทผลเช่นมะเขือชนิดต่าง แตงกวา ฟักทอง ฟักเขียว ซึ่งเจริญงอกงามออกผลผลิตเตรียมเก็บเกี่ยวได้ในฤดูกาลนี้ แต่ปรากฏว่าพืชผลผลิตดังกล่าวเสียหายอย่างยับเยินทำให้เกษตรกรหลายคนสิ้นเนื้อประดาตัว
**”นบพิตำ” ยังวิกฤต ส่งฮ.ขนเสบียงช่วยชาวบ้าน
พล.ต.พิทยา กระจ่างวงศ์ ผบ.ศูนย์การบินทหารบก ได้เป็นนักบิน ฮ.ชินุค ด้วยตัวเองพร้อมด้วยทีมนักบินและช่างเครื่อง ฮ.ชินุค 2 ลำ เดินทางมาถึงสนาม รร.นบพิตำวิทยา อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งใช้เป็นศูนย์ประสานงานร่วมเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.กรุงชิง ที่ยังติดค้างอยู่บนเขากรุงชิงอีกจำนวนนับพัน ท่ามกลางอากาศท้องฟ้าเปิดไม่เป็นอุปสรรคในการบินแต่อย่างใด
โดยมี พล.ต.เดชา กิ่งวงศา รองแม่ทัพภาคที่ 4 และนายเดชา กังสนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช หัวหน้าศูนย์อพยพ ได้ให้การต้อนรับและเริ่มภารกิจแรกด้วยการขนเสบียงอาหารและถุงยังชีพจากกองทัพบกจำนวน 4ตันและอาหารแห้งอื่นอีกจำนวนมากขึ้น ฮ.ซีนุกและขนชุดแพทย์และพยาบาลชุดใหม่ขึ้น ฮ.ซีนุกไปสับเปลี่ยนกำลังกับแพทย์พยาบาลชุดเก่า จากนั้นได้ขนย้ายผู้ป่วยหนักจำนวน 3รายและราษฎรอีกจำนวน 50 คนขึ้น ฮ.ซีนุก กลับออกมาอย่างปลอดภัย
**ฮ.ซีนุกดึง เครื่องปั่น 600วัตต์ หย่อนลงพื้นที่ประสบภัย
เวลา 15.00 น.ฮ.ซีนุก นักบินได้ยกตัวใช้เชือกและตะขอเกี่ยวดึงเครื่องปั่นไฟขนาด 600 วัตถ์ ของกฟภ.อำเภอท่าศาลา แล้วพาขึ้นบินมุ่งหน้าไปยังชุมชนบ้านปากลง ม.4 ต.กรุงชิง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราชเพื่อทำการติดตั้งเครื่องปั่นไฟจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับ อบต.กรุงชิง ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านมารวมตัวหลายร้อยคนและสถานีอนามัยกรุงชิง ซึ่งเป็นสถานที่รักษาพยาบาลคนป่วยจำนวนหลายร้อยคนและจ่ายกระแสไฟฟ้าไปให้ชาวบ้านในพื้นที่ ม.4 ต.กรุงชิงและหมู่บ้านอื่นๆอีก 100 ครัวเรือนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นไปก่อนให้กับราษฎรในพื้นที่ ต.กรุงชิง
พ.ท.วิเชษฐ์ วงศ์ประสบสุข นักบินที่ 1 กล่าวว่า ภารกิจวันนี้เน้นการขนย้ายเครื่องมืออุปกรณ์หนักในการเข้าไปซ่อมสร้างเส้นทางที่ชำรุดและติดตั้งเครื่องมือสื่อสารต่างๆให้สามารถติดต่อประสานงานกันได้ รวมทั้งขนอาหารข้าวสารแห้งไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน ส่วนการอพยพจะดำเนินการอพยพใหญ่เมื่อมีการมารวมในจุดๆ เดียวกันทีละมากเพราะเครื่องซีนุกสามารถขนคนได้ทีละ 100 คนเดียวไม่ต้องห่วงและสภาพอากาศวันนี้ในพื้นที่ ต.กรุงชิงบินได้ดีมาก
** ส่งหน่วยทหารแพทย์ลงพื้นที่-พบชาวบ้านป่วยเยอะ
พล.ต.เดชา กิ่งวงษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 นายเดชา กัสนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ร่วมวางแผนการช่วยเหลือผู้คนในพื้นที่ดินถล่มตำบลนบพิตำ และพื้นที่ตำบลเทพราช อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อจะสามารถอพยพผู้คนในจุดเสี่ยงภัยและผู้ป่วยในพื้นที่ได้ทั้งหมดหลังเครื่องบินเฮลิปคอปเตอร์ แบบซีนุกเดินทางมาถึงวันนี้ 2 ลำ
โดยตั้งแต่เช้าวันนี้การอพยพผู้คนและผู้ป่วยยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หน่วยแพทย์ทั้งจากโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ และหน่วยแพทย์กองทัพบกที่เดินทางมาจากส่วนกลาง ถูกส่งขึ้นเครื่องเฮลิปคอปเตอร์ลงพื้นที่ในทันที่โดยได้ตั้งจุดรับผู้ป่วยบริเวณหุบเขาบ้านปากลง ตำบลกรุงชิง อาศัยพื้นที่รีสอร์ทหนำไพวัน เป็นจุดศูนย์กลางในการรับการรักษาผู้ป่วยในพื้นที่ ซึ่งไม่สามารถจะขนย้ายขึ้นเครื่องมาได้ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กและคนชรา โรคไข้หวัด ระบบทางเดินหายใจและโรคน้ำกัดเท้า
และเมื่อเวลา 12.00 น. ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 จำนวนหนึ่งเดินทางเข้าพื้นที่บ้านปากลง ตำบลนบพิตำ อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจุดพื้นที่ที่มีการพังทลายของดินลงมาอย่างต่อเนื่อง กองทัพบกได้เข้าขนย้ายประชาชนออกนอกพื้นที่ไปแล้วกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังคงมีผู้คน เด็กและคนชราอีกจำนวนมากที่ยังไม่อพยพออกจากพื้นที่ โดยให้เหตุผลว่ายังเป็นห่วงทรัพย์สิน
โดยทหารได้เข้าชี้แจงและบอกถึงสภาวะดินถล่มยังเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนั้นกระแสน้ำป่ายังคงมีไหลหลากลงมายังพื้นที่มาก ซึ่งแสดงว่ามีฝนตกในพื้นที่ป่าเขาอยู่ และจุดที่ประชาชนอาศัยอยู่ก็เป็นจุดเสี่ยงภัยมากๆ โดยล่าสุดขณะที่กำลังชี้แจงเขาด้านหลังบ้านได้ถล่มลงมาทำให้ผู้คนต้องตัดสินใจอพยพเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ออกจากพื้นที่ในทันที่ โดยต้องขนย้ายผู้คนเดินเท้ากว่า 5 กิโลเมตรออกมาภายนอก ผ่านลำน้ำเชี่ยวแรงที่ตัดผ่านถนน ต้องขนย้ายผู้คนอย่างทุเลาะทุเลกว่าจะนำมาขึ้น ฮ ซีนุก ที่จอดรอรับบริเวณลานจอดชั่วคราวศูนย์เด็กเล็กบ้านปากลง ต.กรุงชิงได้ในที่สุด
ชาวบ้านปากลง ม.4 ตำบลกรุงชิง รายหนึ่งบอกว่าจนถึงขณะนี้ได้อพยพผู้คนออกไปแล้วเกือบทั้งหมด คงมีบ้างที่ยังเป็นห่วงบ้านและทรัพย์สิน ซึ่งส่วนใหญ่ทราบว่าสภาวะยังไม่แน่นอนภูเขายังมีการไหลลงมาอยู่เรื่อยๆ แต่ทุกคนเตรียมพร้อมและเฝ้าระวัง สิ่งที่ต้องการคืออาหาร เทียนไขเพราะไฟฟ้ายังใช้การไม่ได้
**พบศพ ด.ญ.วัย 12 ปี ลอยคลองข้ามอำเภอ
เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.อรุณ จันทร์พูล สวส.สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิตลอยมาใน คลองกลาย หมู่ที่ 1 ต.กลาย จึงเข้าทำการชันสูตร ทราบชื่อต่อมาคือ ด.ญ.เสาวลักษณ์ วโรรส อายุ 12 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150/8 หมู่ที่ 2 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพจมน้ำตายลอยมาตามกระแสน้ำจาก อ.นบพิตำ หลังจากที่เมื่อวันที่ 31 มี.ค.นี้ กระแสน้ำบนภูเขาได้พัดถล่มบ้านเลขที่ 150/8 หมู่ที่ 2 ต.นบพิตำ ซึ่งขณะนั้น ด.ญ.เสาวลักษณ์ อยู่ที่บ้านพร้อมกับพ่อและแม่ถูกกระแสน้ำพัดพาทั้งสามคนจมหายไปในลำคลองกลาย จนกระทั่งพบศพนางสมใจ รัตนแก้ว ผู้เป็นแม่จมน้ำตายส่วนนายสุมิตร วโรรส ผู้เป็นพ่อรอดชีวิตส่วน ด.ญ.เสาวลักษณ์ ลูกสาวจมน้ำตายศพลอยมาข้ามอำเภอจนมีคนมาพบศพดังกล่าว