นครศรีธรรมราช - ภารกิจหลักในการแก้วิกฤตน้ำท่วมของจังหวัดนครศรีธรรมราชยังคงเป็นการส่งความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมีการขอสนับสนุน ฮ.กองทัพภาคที่ 4 และ ตชด.42 ลำเลียงถุงยังชีพเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยพื้นที่อำเภอนบพิตำ ช่วยเหลือเด็ก คนป่วย หญิงท้องแก่ใกล้คลอดออกจากจุดเสี่ยงได้แล้ว 42 คน โดยยอดผู้เสียชีวิตอย่างไม่เป็นทางการพุ่ง 20 รายแล้ว ด้านนายก อบต.ปากพนังฝั่งตะวันตกเผยผลผลิตเกษตรยับเยิน 100 เปอร์เซ็นต์ อัดนักข่าวช่องดังเสนอข่าวแบบไม่เข้าใจพื้นที่-ทำลายกำลังใจคนทำงาน
วันนี้ (1 เม.ย.) สถานการณ์อุทกภัย-ดินถล่มในพื้นที่นครศรีธรรมราช หลายพื้นที่ยังคงน่าห่วง โดยตลอดทั้งวันในวันนี้ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ระดับน้ำในหลายจุดเริ่มลดลง แต่ในอีกหลายจุดทรงตัว โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ระดับน้ำกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอำเภอปากพนังเชียรใหญ่ หัวไทร ชะอวด และเฉลิมพระเกียรติ เนื่องจากพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังทั้ง 5 อำเภอดังกล่าวเป็นพื้นที่รับน้ำจากตัวจังหวัดชั้นในที่ถ่ายเทออกมายังพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังเพื่อไหลลงสู่อ่าวไทย ตามความลาดชันของพื้นที่นั่นเอง บางจุดมีระดับน้ำสูง 1-3 เมตร อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำได้สร้างความเสียหายให้แก่เรือกสวนไร่นาที่เป็นพื้นที่เกษตรสวนใหญ่ของในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะนาข้าว และพืชผักต่างๆ ที่ใกล้จะเริ่มเก็บในช่วงต้นเดือนเมษายน ถูกน้ำเข้าท่วมจนเสียหายร้อยเปอร์เซ็นต์
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั้ง 23 อำเภอ กว่าแสนครัวเรือน จำนวนกว่า 300,000 แสนคนแล้ว
ล่าสุดได้รับรายงานในพื้นที่อำเภอนบพิตำ มีประชาชนนับพันคนที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในพื้นที่หมู่ที่ 3, 4, 7, 8 ตำบลกรุงชิง ไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ เบื้องต้นได้มอบหมายให้ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช นำ อส.กู้ภัยเข้าพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมประสานงาน พล.ต.เดชา กิ่งวงศา รองแม่ทัพภาคที่ 4 ขอสนับสนุนเครื่องบินปีกหมุน จำนวน 1 ลำ หน่วยรบพิเศษ ลพบุรี เครื่องบิน black hawk จำนวน 1 ลำ ทำการบินลำเลียงถุงยังชีพจากหน้าที่ว่าการอำเภอนบพิตำ จำนวน 900 ชุด เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งลำเลียงคนป่วย 2 คน เด็ก 15 คน และหญิงท้องแก่ใกล้คลอด 1 คน รวม 42 คนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว
ขณะเดียวกันได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (War Room) ในพื้นที่โรงเรียนมัธยมนบพิตำวิทยา และใช้สนามฟุตบอลโรงเรียนเป็นสนาม ฮ.โดยได้รับการสนับสนุน ฮ. black hawk เพิ่มเติมจำนวน 1 ลำ ฮ. ตชด.42 จำนวน 1 ลำ และรอการสนับสนุนเครื่องบิน ชีนุค จากกองทัพอากาศอีก 1 ลำ นำทีมแพทย์กองทัพภาคที่ 4 เข้าให้บริการผู้ประสบภัยที่โรงเรียนนบพิตำวิทยา
**พบศพวีรบุรุษช่วยเหลือชาวบ้านจมน้ำตาย
เมื่อเวลา 08.30 น. พ.ต.อ.ปวร พรพรหมมา ผกก. สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งพบศพอยู่ในสวนปาล์มริมถนนสายสิชล-สุราษฎร์ธานี ช่วง ต.ทุ่งใส อ.สิชล จึงเข้าทำการตรวจสอบ พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ มานะจิตต์ แพทย์เวรชันสูตร โรงพยาบาลสิชล พบศพทราบชื่อต่อมาคือ นายวรรณยุติ มานะจิตต์ อายุ 52 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ 41/1 ม.5 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี สภาพศพนอนคว่ำหน้าติดอยู่ใต้ต้นปาล์ม เสียชีวิตมาแล้วกว่า 20 ชม.
นพ.สมศักดิ์ ขุนทองจันทร์ แพทย์ชันสูตร เปิดเผยว่า นายวรรณยุติเสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำ โดยมีคนเห็นเหตุการณ์ยืนยันว่านายวรรณยุติพยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกน้ำซัดจนรอดชีวิต แต่นายวรรณยุติกลับถูกน้ำซัดหายไป จนกระทั่งหลังน้ำลดจึงมาพบศพในวันนี้ ส่งผลให้ขณะนี้เฉพาะ อ.สิชล มีผู้เสียชีวิตสะสมแล้วถึง 5 ราย
**อำเภอนบพิตำวิกฤตหนัก ยังช่วยเหลือชาวบ้านไม่ได้อีกนับพัน
ขณะเดียวกัน จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับทหาร ทภ.4 ตำรวจภูธรนบพิตำ และนปพ.30 นายบินระดมใช้ ฮ.บินช่วยเหลือราษฎรทั้งที่อากาศปิดและเสี่ยงเมฆหนาทึบ ส่งถึงยังชีพช่วยเหลือและอพยพชาวบ้านออกมา แต่ต้องจัดระเบียบเข้าคิวเพราะชาวบ้านแย่งกันขึ้น ฮ.เนื่องจากต่างตกอยู่สภาพหวาดผวาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยเมื่อเวลา 09.00 น. ที่บริเวณสนามโรงเรียนมัธยมนบพิตำ ม.1 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ทางศูนย์อำนวยการร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.นบพิตำ ได้มีการประชุมวางแผนร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช นำโดยนายเดชา กังสนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช, ทหารกองทัพภาคที่ 4 นำโดย พล.ต.เดชา กิ่งวงศา รองแม่ทัพภาคที่ 4 และตำรวจภูธร สภ.นบพิตำ และตำรวจ นปพ.นครศรีธรรมราชจำนวน 30 นาย ร่วมกันวางแผนปฏิบัติการช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ อ.นบพิตำ เนื่องจากยังเป็นพื้นที่วิกฤตหนักมีภูเขาดินถล่มใน ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ ทั่วทั้งพื้นที่หลายจุดถนนและสะพานขาดทำให้ราษฎรติดอยู่ภายในอีกจำนวนนับพันคนมาเป็นเวลาหลายวัน
แม้จะสภาพอากาศเหนือท้องฟ้า อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราชจะปิดฝนตกลงมาเรื่อยๆและมีเมฆหนาปกคลุม แต่ในที่สุดทางชุดปฏิบัติการร่วมได้ตัดสินใจส่ง ฮ.ของกองทัพภาคที่ 4 และ ฮ.แบล็กฮอว์กของหน่วยรบพิเศษลพบุรี ลำเลียงถุงยังชีพจำนวนกว่า 500 ชุดบินขึ้นไปช่วยเหลือราษฎรที่ติดอยู่ด้านบนภูเขาอย่างเร่งด่วนก่อน และอพยพราษฎรลงมาเที่ยวละ 20-25 คนเท่านั้นในพื้นที่ ม.3 ม.4 ม.7 และ ม.8 ต.กรุงชิง
โดยขณะการบินสภาพอากาศเต็มไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากท้องฟ้าปิดฝนตกและเมฆปกคลุมหนาทึบ เหนือท้องฟ้าหุบเขาทั่วตำบลกรุงชิง อ.นบพิตำ นักบินต้องใช้ความพยายามและความชำนาญบินเลาะตามช่องเขาไปด้วยความเสี่ยง แล้วนำถุงยังชีพไปแจกแก่ราษฎรที่ประสบภัยตามจุดต่างๆ หลายจุดด้วยความเสี่ยงนักบินต้องคอยหาจุดพิกัดบินลงด้วยความยากลำบาก
และเมื่อจะอพยพนำชาวบ้านออกมากับ ฮ.เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อ ฮ.สามารถนำคนขึ้น ฮ.ได้เพียง 20-25 คนเท่านั้น ทำให้มีการแก่งแย่งกันขึ้น ฮ.ด้วยความวุ่นวายเพื่อหนีตายออกมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองต้องใช้วิธีการจัดระเบียบการขึ้น ฮ.ใหม่ โดยให้เด็กและสตรีและคนป่วยขึ้นเครื่องก่อนโดยการเข้าแถวตามลำดับความสำคัญ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้การบินสลับกันขึ้นลงอพยพราษฎรออกมาได้เที่ยวละ 20-25 คน จำนวนหลายเที่ยวด้วยกันแต่ยังไม่หมดต้องใช้วิธีประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรมารวมในจุดเดียวที่ ฮ.สามารถบินลงได้เพื่อง่ายต่อการขนย้ายอพยพราษฎรออกมา
นอกจากนี้ ทางกองทัพภาคที่ 4 ยังจัดชุดแพทย์ทหารและพยาบาลพร้อมยาและเวชภัณฑ์จำนวนหนึ่งขึ้น ฮ.บินไปส่งลงในพื้นที่บ้านทับน้ำเต้า ม.4 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ เพื่อทำการรักษาอาการป่วยโรคต่างๆ แก่ราษฎรจำนวนมากที่เจ็บป่วยในเบื้องต้นก่อน เพราะทราบว่ามีราษฎรที่ตกค้างอยู่บนภูเขาเจ็บป่วยเป็นจำนวนมากนับพันคน
สำหรับสภาพความเสียหายของพื้นที่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราชเกือบทั้งตำบลพบว่ามีสภาพดินถูเขาถล่มดินสไลด์เป็นบริเวณกว้างหลายจุด จนสามารถมองเห็นภูเขาลูกต่างๆ พังทลายลงมาเป็นแนวยาวแดงทั่วเป็นบริเวณกว้างลงมาทับถนนสะพานขาดหลายจุด ทำให้ราษฎรที่อพยพออกมาไม่ทันต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าในพื้นที่ อ.นบพิตำ จะเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีความเสียหายมากที่สุดอีกจุดหนึ่งไม่น้อยกว่าเหตุการณ์เขาถล่มที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังเร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในขณะนี้
ขณะที่พื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ก็มีเหตุดินภูเขาถล่มความเสียหายหลายจุดเช่นกัน และเมื่อเช้าวันนี้ทาง กก.ตชด.42 ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง ได้ใช้ ฮ.ตชด.บินช่วยเหลือราษฎรที่ติดค้างด้านในอีกจำนวนมากในพื้นที่ อ.สิชลหลายจุดต่อไป ทั้งนี้ ได้เกิดเหตุดินถล่ม 3 หมู่บ้าน 2 ตำบลของ อ.สิชล เจ้าหน้าที่ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 400 คน
**อัดฟรีทีวีช่องดังตีข่าวสร้างภาพ
นายสมคิด พจน์จำเนียร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากพนังฝั่งตะวันตก เปิดเผยว่า ในพื้นที่ปากพนังฝั่งตะวันออกนั้นเต็มไปด้วยพื้นที่เกษตรกรรม นาข้าว แปลงผัก หลังจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้ว เกษตรกรในพื้นที่ได้เริ่มปลูกผัก เช่น พริก ผักกินใบต่างๆ ฟักเขียว ฟักทอง แตงกวาจำนวนมาก โดยเฉพาะพริกนั้นเป็นสินค้าเกษตรที่มีราคาแพง เกษตรกรลงปลูกไว้จำนวนมาก บางรายเก็บเกี่ยวครั้งเดียวได้เงินนับแสนบาท เหลืออีกประมาณเพียง 1 สัปดาห์จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว แต่ปรากฏว่าน้ำเข้าท่วมจนมิดเสียหายทั้งหมดและพูดได้ว่าเสียหายอย่างสิ้นเชิงเงินที่คาดว่าจะเป็นรายรับสูญหายไปเพียงชั่วข้ามคืน
“ในพื้นที่ทุกฝ่ายพยายามช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องในทุกด้าน เฉพาะหน้านั้นพื้นที่แทบจะทุกตารางเมตรเต็มไปด้วยน้ำ ความเสียหายหนัก คนที่ทำงานช่วยเหลือหมดกำลังใจโดยเฉพาะผู้สื่อข่าวที่มาจาก กทม.เข้ามาในพื้นที่ รายงานกันไปบ้างว่าไร้การช่วยเหลือ ไม่มีการช่วยเหลือนักข่าวเหล่านี้รู้หรือไม่ว่าสภาพพื้นที่เป็นอย่างไร ใครบ้างที่ช่วยเหลือ เขาทำงานกันอย่างหนักแต่ด้วยสภาพพื้นที่ที่กว้างขวางมากจึงเป็นอุปสรรคที่สำคัญการขนส่งมาช่วย ในส่วนของทีมนักข่าวจาก กทม.มาถึงริมถนนจอดแล้วเอาของลงถ่ายภาพสร้างภาพกัน รู้หรือไม่ว่าในพื้นที่ลึกเข้าไปนั้นต้องการความช่วยเหลือขนาดไหน ไม่ได้ไปถึงตรงนั้น ทำงานแบบนี้คิดว่าต้องทบทวนกันบ้าง เมื่อเช้าที่ผ่านมาผมพยายามหาเบอร์โทร.ไปคุยเรื่องนี้ถึงสถานีโทรทัศน์ต้นสังกัดที่ กทม.” นายก อบต.ปากพนังฝั่งตะวันตกกล่าว
**เร่งอพยพชาวนบพิตำ
ความคืบหน้าเหตุการณ์ดินถล่มในพื้นที่ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.กรุงชิง และ ต.นบพิตำ ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อสภาพอากาศจะหยุดบิน และเมื่อสภาพเปิดจะเริ่มบินอีกครั้ง การบินเคลื่อนย้ายอพยพคนลงมาจากภูเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก ขณะเดียวกันยังมีฝนตกตลอดเวลา โดยเฮลิคอปเตอร์ ได้ประสานกับชุดปฏิบัติการภาคพื้นดินที่ได้นำไปส่งก่อนหน้านั้นจัดระเบียบการอพยพโดยเลือกเอาผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ คนชรา ผู้หญิง และเด็กออกมาก่อน ส่วนที่ยังช่วยเหลือตัวเองได้นั้นได้ใช้วิธีการแจกจ่ายถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อน อย่างไรก็ตามในส่วนผู้บาดเจ็บที่เคลื่อนย้ายลงมานั้นมีทั้งสภาพถลอกปอกเปิด ขาหัก ศีรษะแตกเนื่องจากน้ำป่าและโคลนถล่มในพื้นที่
**“สิชล” อ่วมดินถล่มหนัก เผยนาทีชีวิตน้ำป่าสูงกวาดบ้านราบ
ส่วนในพื้นที่ ม.10, 15 ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสภาพพื้นที่ถูกน้ำป่าและดินโคลนจากเทือกเขาหลวงในบริเวณนั้นพัดจนพังราบไปหลายหลัง ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพไปอาศัยอยู่ใน ม.8 ต.ฉลอง อ.สิชล นอกจากนี้ยังพบบุคคลสูญหายคือนางจิราภรณ์ บุญญานุรักษ์ อายุ 65 ปี ได้ถูกน้ำป่าและดินโคลนพัดหายไปในพื้นที่ ม.7 ต.เขาน้อย อ.สิชล จนขณะนี้ยังไม่พบและไม่รู้ชะตากรรม
นายวัชระ บุญญานุรักษ์ อายุ 54 ปี หลานของนางจิราภรณ์ เปิดเผยว่า คืนเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ ตี 2-3 ของวันพุธที่ผ่านมา ฝนได้ตกอย่างหนักมาก ได้ยินเสียงลั่นมาจากฝายน้ำตกยอดน้ำ ม.7 ต.เขาน้อย จากนั้นพบว่าทั้งน้ำทั้งโคลนพัดเข้ามาจนมิดชั้นสองบ้านพังราบ ตนเองและน้าคือนางจิราภรณ์ หลุดจากบ้านหายไป ส่วนตัวเองนั้นได้ถูกกระแสน้ำพัดไปติดกับต้นไม้ ในสภาพเลือดโชก จนมีชาวบ้านมาช่วยเดินออกมาท่ามกลางดินโคลน มาพบรถจักรยานยนต์ถูกเสียบกุญแจทิ้งไว้จึงขับรถออกมากว่า 20 ชม.จึงถึงโรงพยาบาล
“บ้านของน้าเป็นบ้าน 2 ชั้น โครงสร้างทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดคาน 40 ซม. เสาคอนกรีต กระแสน้ำซัดมิดหลังคาสูงอย่างน้อย 6-7 เมตร บ้านทั้งหลังถูกถอนรากถอนโคนแม้แต่ตอม่อก็ถูกกระแสน้ำถอนหมดอย่างเหลือเชื่อ รถยนต์กระบะ 2 คันถูกน้ำและโคลนซัดหายไป ไม่เคยพบเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้มาก่อนในชีวิต และหากใครพบหญิงอายุ 65 ปี ลักษณะผิวขาว สูงประมาณ 150 ซม.เศษ ช่วยแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบด้วยเพราะขณะนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม” นายวัชระกล่าว
**ชาวริมคลองกลายหายหลายคนพบศพแล้ว
เมื่อเวลา 13.00 น.ของวันเดียวกัน พ.ต.ท.ประเสริฐ นาคคงรอง ผกก.สภ.ท่าศาลา รับแจ้งจากชาวบ้านพบศพชายถูกกระแสน้ำในคลองกลายพัดมาติดเศษซากต่างๆ ที่ติดอยู่ริมตลิ่งจึงแจ้งพนักงานสอบสวนเข้าทำการตรวจสอบพบศพชายฉกรรจ์ในสภาพมีบาดแผลทั่วร่าง เสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 24 ชม. ต่อมาญาติที่ออกตามหาได้ยืนยันว่าผู้ตายคือนายพรชัย หวานคง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/2 ม.1 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ถูกกระแสน้ำป่าพัดหายไปเมื่อ 2 วันที่แล้ว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้ญาติไปดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ริมคลองกลายมีชาวบ้านถูกน้ำป่าพัดหายไปหลายคนโดยไม่ทราบชะตากรรม รวมทั้งสัตว์เลี้ยงประเภทวัว ควาย ญาติต่างพยายามออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้พบศพของนายพรชัยเป็นรายแรก และส่งผลให้มียอดรวมของผู้เสียชีวิตทั้งจังหวัดอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 20 รายแล้ว