ASTVผู้จัดการรายวัน- ภาคใต้ยังวิกฤต เจ้าหน้าที่เร่งค้นหาผู้สูญหายจากเหตุดินถล่มในกระบี่ พบอีกศพ ที่นครศรีฯ ชาวบ้านติดค้างนับพันคนใน อ.นบพิตำ ปภ.สรุปความเสียหายสุราษฎร์ฯ 2 พันล้าน กว่า 3 แสนคนเดือดร้อน ตรังอ่วมพนังกันน้ำพังน้ำทะลักเข้า อ.กันตัง อ.เมือง ส่วนปัตตานีคลื่นลมแรงกัดเซาะชายฝั่ง ถนนเสียหายหนัก บางหมู่บ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว พธม.ร่วม ASTV ตั้งโรงครัวช่วยชาวสุราษฎร์ฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุภูเขาพนมเบญจา ถล่มทับบ้านเรือนของชาวบ้าน ม.7 บ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ จนทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านเสียหาย มีผู้บาดเจ็บและสูญหายจำนวนหนึ่ง โดยวานนี้(1 เม.ย.)เป็นวันที่ 3 ของการออกค้นหาผู้สูญหายที่คาดว่าจะติดอยู่ภายในโคลน โดยเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาค 4 ได้ส่งเครื่องจักรหนักเข้าเคลียร์พื้นที่ โดยการปูพรมออกค้นหา ร่วมกับทหารนาวิกโยธินที่ 411 เขาหางนาค หน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ อส.ร่วม 100 นาย อย่างต่อเนื่อง
นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การออกค้นหาผู้สูญหาย ที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตและติดอยู่ใต้โคลนตมบริเวณที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง โดยจากการปูพรมค้นหาตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ก็ได้พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม อีก 1 ศพ เป็นชาย ยังไม่ทราบชื่อ สำหรับสถานการณ์ของการค้นหาเป็นไปค่อนข้างลำบากเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม อย่างไรก็ตาม การค้นหาผู้สูญหายจะยังดำเนินการค้นหาต่อไป จนกว่าจะพบครบทุกรายชื่อที่มีการแจ้งสูญหายไว้ ส่วนปริมาณของฝนที่ตกลงมาค่อนข้างน้อยหรือแทบจะไม่มี
ขณะนี้จ.กระบี่ มียอดสรุปผู้ที่เสียชีวิตจำนวนที่แน่นอนแล้ว จำนวน 8 ราย โดยผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นคนในพื้นที่ ต.หน้าเขา ที่ถูกภูเขาถล่มทับ ส่วนอีก 2 ราย เสียชีวิตจากการจมน้ำ สำหรับการประเมินความเสียหายในเบื้องต้น นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าฯดกระบี่ ได้ให้อำเภอต่างๆทั้ง 8 อำเภอ สรุปความเสียหายแจ้งเข้ามา จึงจะสามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ แต่คาดว่ามูลค่าความเสียหายนับ 100 ล้านบาทอย่างแน่นอน
**นครฯ กู้วิกฤตส่ง ฮ.ช่วย-ตาย 20 ราย
สำหรับสถานการณ์อุทกภัย-ดินถล่มในพื้นที่นครศรีธรรมราช หลายพื้นที่ยังคงน่าห่วง โดยตลอดทั้งวันฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ระดับน้ำในหลายจุดเริ่มลดลง แต่ในอีกหลายจุดทรงตัว โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังระดับน้ำกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอ.ปากพนังเชียรใหญ่ หัวไทร ชะอวด และเฉลิมพระเกียรติ เนื่องจากพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังทั้ง 5 อำเภอดังกล่าว เป็นพื้นที่รับน้ำจากตัวจังหวัดชั้นในที่ถ่ายเทออกมายังพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังเพื่อไหลลงสู่อ่าวไทย ตามความลาดชันของพื้นที่นั่นเอง บางจุดมีระดับน้ำสูง 1-3 เมตร อย่างไรก็ตามระดับน้ำได้สร้างความเสียหายให้กับเรือกสวนไร่นา ที่เป็นพื้นที่เกษตรสวนใหญ่ของในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะนาข้าว และพืชผักต่างๆ ที่ใกล้จะเริ่มเก็บในช่วงต้นเดือนเมษายน ถูกน้ำเข้าท่วมจนเสียหายร้อยเปอร์เซ็น
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั้ง 23 อำเภอ กว่าแสนครัวเรือน จำนวนกว่า 300,000 แสนคนแล้ว
ล่าสุดได้รับรายงานในพื้นที่ อ.นบพิตำ มีประชาชนที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในพื้นที่หมู่ที่ 3, 4, 7,8 ต.กรุงชิง ไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้นับ 1,000 คน เบื้องต้นได้มอบหมายให้ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช นำ อส.กู้ภัย เข้าพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมประสานงาน พล.ต.เดชา กิ่งวงศา รองแม่ทัพภาคที่ 4 ขอสนับสนุนเครื่องบินปีกหมุน จำนวน 1 ลำ หน่วยรบพิเศษ ลพบุรี เครื่องบิน black hawk จำนวน 1 ลำ ทำการบินลำเลียงถุงยังชีพจากหน้าที่ว่าการอ.นบพิตำ จำนวน 900 ชุด เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งลำเลี้ยงคนป่วย 2 คน เด็ก 15 คน และหญิงท้องแก่ใกล้คลอด 1 คน รวม 42 คนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว
ขณะเดียวกันได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (War Room ) ในพื้นที่โรงเรียนมัธยมนบพิตำวิทยา และใช้สนามฟุตบอลโรงเรียนเป็นสนามฮ.โดยได้รับการสนับสนุน ฮ. black hawk เพิ่มเติมจำนวน 1 ลำ ฮ ตชด.42 จำนวน 1 ลำ และรอการสนับสนุนเครื่องบิน ชีนุค จากกองทัพอากาศอีก 1 ลำ นำทีมแพทย์กองทัพภาคที่ 4 เข้าให้บริการผู้ประสบภัยที่โรงเรียนนบพิตำวิทยา
**อ.นบพิตำสุดวิกฤตเร่งช่วยชาวบ้าน
ขณะเดียวที่อ.นบพิตำ ที่ยังถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตหนัก มีภูเขาดินถล่มใน ต.กรุงชิง ทั่วทั้งพื้นที่หลายจุดถนนและสะพานขาดทำให้ราษฎรติดอยู่ภายในอีกจำนวนนับพันคนมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว จ.นครศรีธรรมราชร่วมทหารทภ.4 และตำรวจภูธรนบพิตำและนปพ.30นาย บินระดมใช้ฮ.ของกองทัพภาคที่ 4 และ ฮ.แบลคฮวอกของหน่วยรบพิเศษ ลพบุรี ลำเลียงถุงยังชีพจำนวนกว่า 500 ชุดบินขึ้นไปช่วยเหลือราษฎรที่ติดอยู่ด้านบนภูเขาอย่างเร่งด่วนก่อนและอพยพราษฎรลงมาเที่ยวละ20-25คนเท่านั้นในพื้นที่ ม.3 ม.4 ม.7 และ ม.8 ต.กรุงชิง ท่ามกลางสภาพอากาศปิด มีปนตกและมีเมฆหนาปกคลุม
สภาพความเสียหายของพื้นที่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราชเกือบทั้งตำบลพบว่ามีสภาพดินถูเขาถล่มดินสไลด์เป็นบริเวณกว้างหลายจุด จนสามารถมองเห็นภูเขาลูกต่างๆ พังทลายลงมาเป็นแนวยาวแดงทั่วเป็นบริเวณกว้างลงมาทับถนนสะพานขาดหลายจุด ทำให้ราษฎรที่อพยพออกมาไม่ทันต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าในพื้นที่ อ.นบพิตำ จะเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีความเสียหายมากที่สุดอีกจุดหนึ่งไม่น้อยกว่าเหตุการณ์เขาถล่มที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังเร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในขณะนี้
ขณะที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ที่เกิดเหตุโคลนถล่ม บริเวณ ม.13 และ ม.15 ต.เทพราช และ ม.10 ต.ฉลอง อ.สิชล นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง 3 หมู่บ้าน และชาวบ้านต้องติดอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก เบื้องต้นกำลัง ตชด.ได้มอบถุงยังชีพเป้ฯการเบื้องต้น และทำการอพยพให้ชาวบ้านกว่า 400 คน ไปอาศัยอยู่กับชาวบ้านอีกหมู่บ้าน ที่ ม.8 ต.เสาเภา อ.สิชล ทั้งนี้บริเวณที่ดินโคลนถล่มนั้นไฟฟ้าถูกตัดมา 2-3 วันแล้ว ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตและเจ็บ
**ชาวริมคลองกลายหายหลายคนพบศพแล้ว
เมื่อเวลา13.00น.ของวันเดียวกัน พ.ต.ท.ประเสริฐ นาคคงรอง ผกก.สภ.ท่าศาลา รับแจ้งจากชาวบ้านพบศพชายถูกกระแสน้ำในคลองกลายพัดมาติดเศษซากต่างๆที่ติดอยู่ริมตลิ่งจึงแจ้งพนักงานสอบสวนเข้าทำการตรวจสอบพบศพชายฉกรรจ์ในสภาพมีบาดแผลทั่วร่าง เสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 24 ชม. ต่อมาญาติที่ออกตามหาได้ยืนยันว่าผู้ตายคือนายพรชัย หวานคง อายุ 33 ปีอยู่ 53/2 ม.1 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ถูกกระแสน้ำป่าพัดหายไปเมื่อ 2 วันที่แล้ว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้ญาติไปดำเนินการ
มีรายงานเพิ่มเติมว่าในพื้นที่ริมคลองกลายมีชาวบ้านถูกน้ำป่าพัดหายไปหลายคนอย่างไม่ทราบชะตากรรม รวมทั้งสัตว์เลี้ยงประเภทวัวควายญาติต่างพยายามออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้พบศพของนายพรชัย เป็นรายแรกและส่งผลให้มียอดรวมของผู้เสียชีวิตทั้งจังหวัดอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 20 รายเศษแล้ว
**สุราษฎร์ฯเจ๊ง 2 พันล้าน 3 แสนคนเดือดร้อน
ด้านศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สรุปสถานการณ์ว่า ขณะนี้ระดับน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ประสบภัย จำนวน 19 อำเภอ 124 ตำบล 966 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 88,280 ครัวเรือน จำนวนประชากร 315,065 คน อพยพ 3,009 คน เสียชีวิต 6 ราย สูญหาย 5 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหายประมาณ 307,157 ไร่ ถนนเสียหาย 354 สาย มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 2,000 ล้านบาท
**เมืองตรังจมบาดาลซ้ำพนังกั้นน้ำพัง
ส่วนที่จ.ตรัง ขณะนี้ยังไม่พ้นวิกฤต โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำทั้งที่ไหลมาจากเทือกเขาบรรทัดรอยต่อกับจ.พัทลุง และต้นแม่น้ำตรัง ในพื้นที่อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้ไหลมารวมกันลงสู่พื้นที่ราบลุ่มในหลายอำเภอของจ.ตรัง โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่อ.เมืองตรัง ฝั่งทางด้านทิศเหนือ และทิศตะวันตก ส่งผลให้อย่างน้อย 5 ตำบล ต้องประสบกับน้ำท่วมซ้ำซากอย่างรุนแรงอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นต.นาท่ามเหนือ, นาท่ามใต้, นาตาล่วง, บางรัก และหนองตรุด
ทั้งนี้ นอกจากจะเกิดมาจากการที่มีฝนตกหนัก ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ยังเกิดมาจากพนังกั้นแม่น้ำตรัง จำนวน 2 จุดสำคัญ ได้พังทลายลงมา ในบริเวณพื้นที่หมู่ที่ 6 ต.บางรัก และหมู่ที่ 2 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นจุดที่มีปัญหามาหลายสิบปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำท่วมครั้งล่าสุดนี้ที่บางจุดมีระดับน้ำสูงถึง 5 เมตร ถนนหนทางในหมู่บ้านถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง บ้านเรือนจำนวนมากและสถานที่ราชการต้องจมน้ำ ส่วนทรัพย์สินก็เสียหายแบบแบบประเมินค่ามิได้
นายชาลี กางอิ่ม นายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ภายในเขตเทศบาลนครตรังมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น และมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในหลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก หลังน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและถนนหลายสาย ทำให้ต้องมีการปิดเส้นทางการจารจรหลายจุด แต่ในพื้นที่ชุมชนควนขัน และชุมชนควนขนุน น้ำได้ปรับลดระดับลงแล้ว อย่างไรก็ตาม เทศบาลนครตรัง ยังต้องมีการระมัดระวัง และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะมีปริมาณน้ำมากเทียบได้กับเมื่อปี 2518 ซึ่งมีน้ำท่วมใหญ่ครั้งรุนแรงที่สุดในจ.ตรัง
**เกิดเหตุคลื่นทะเลกัดเซาะชายฝั่งปัตตานี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (1 เม.ย.) จากกรณีมีคลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร และพัดเข้าหาชายฝั่งตลอดแนวของ จ.ปัตตานี ส่งผลทำให้จำนวน 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองปัตตานี อ.ยะหริ่ง ปานาเระ หนองจิก สายบุรี และ ไม้แก่นได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยชายฝั่งถูกคลื่นทะเลกัดเซาะไปจำนวนมาก
โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง ขณะนี้กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากชายฝั่งถูกคลื่นลมแรงพัดกัดเซาะจนพื้นดินเดิมหายไปในทะเลกว่า 30 เมตร และคลื่นยังกัดเซาะจนถนนลาดยาง ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ชาวบ้านระหว่าง 2 อำเภอใช้สัญจรไปมา บริเวณถนนเรียบชายฝั่งหมู่ที่ 3 บ้านท่าด่าน ต.ตะละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง - อ.ปะนาเระ ในระยะทางกว่า 500 เมตร มีสภาพพังเสียหายจนไม่สามารถใช้การได้ และบางหมู่บ้านต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ทั้งนี้ คลื่นลมที่แรงยังคงพัดกวาดเอาพื้นคอนกรีตของถนนทั้ง 2 เลนลงทะเล และกัดเซาะลึกเข้าหาฝั่งที่มีแนวโน้มที่จะพังเสียหายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่บริเวณใกล้เคียงต่างรู้สึกหวาดกลัวและเกรงจะได้รับอันตราย เนื่องจากคลื่นที่ยังคงกัดเซาะเข้าหาฝั่งจนได้รับความเสียหายอยู่ห่างจากบ้านเรือนเพียง 30 เมตรเท่านั้น
นอกจากนี้ ที่ ต.ดาโต๊ะ หมู่ 1 บ้านบุดี หมู่ 2 บ้านตะโล๊ะสะมิแล และหมู่ 3 บ้านบาตาบุดี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง ขณะนี้ถึงขั้นมีน้ำทะเลซัดเข้าบ้านเรือนประชาชนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับความเสียหายมาก มีเพียงถนนลาดยางสายริมทะเลเข้าหมู่บ้านที่ถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหายลึกเข้าไปจากชายฝั่ง 3 เมตร เป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร และมีทรายและเศษขยะถูกซัดขึ้นกองบนถนน ทำให้การเดินทางสัญจรไปมาของประชาชนไม่สะดวกและมีอันตรายอีกด้วย
***พธม.-ASTV ตั้งโรงครัวช่วยชาวสุราษฎร์
ด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมนั้น ขณะนี้พบว่าหลายหน่วยงานได้ระดมเจ้าหน้าที่ และนำอาหาร ตลอดจนสิ่งของต่างๆเข้าช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจ.สุราษฎร์ธานี นายสมชัย ศรีไทย ทีมเฉพาะกิจ พันธมิตรฯสุราษฎร์และASTV ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.สุราษฎร์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดต่างๆได้รับเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ทั้งขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม รวมทั้งยารักษาโรค และเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนเฉพาะหน้า
เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และASTV จึงได้ร่วมกันตั้งโรงครัวขึ้นในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี โดยกระจายไปยังตำบลต่างๆ ที่ประชาชนยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งวานนี้ (1 เม.ย.) เริ่มที่ ม.4 ต.ละเม็ด อ.ไชยา และบ้านทุ่งกง ต.ทับซ้อน อ.กาญจนดิษฐ์ พันธมิตรได้หมี่ผัดแจกชาวบ้าน โดยมีประชาชนมาขอรับความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม สำหรับโรงครัวของพันธมิตรฯนั้นจะเลื่อนไปเรื่อยๆ โดยจะไปดำเนินการในพื้นที่ที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหนัก โดยวันนี้ (2 เม.ย.) จะเข้าไปตั้งโรงครัวในพื้นที่ อ.พุนพิน.
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุภูเขาพนมเบญจา ถล่มทับบ้านเรือนของชาวบ้าน ม.7 บ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ จนทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านเสียหาย มีผู้บาดเจ็บและสูญหายจำนวนหนึ่ง โดยวานนี้(1 เม.ย.)เป็นวันที่ 3 ของการออกค้นหาผู้สูญหายที่คาดว่าจะติดอยู่ภายในโคลน โดยเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาค 4 ได้ส่งเครื่องจักรหนักเข้าเคลียร์พื้นที่ โดยการปูพรมออกค้นหา ร่วมกับทหารนาวิกโยธินที่ 411 เขาหางนาค หน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ อส.ร่วม 100 นาย อย่างต่อเนื่อง
นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การออกค้นหาผู้สูญหาย ที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตและติดอยู่ใต้โคลนตมบริเวณที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง โดยจากการปูพรมค้นหาตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ก็ได้พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม อีก 1 ศพ เป็นชาย ยังไม่ทราบชื่อ สำหรับสถานการณ์ของการค้นหาเป็นไปค่อนข้างลำบากเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม อย่างไรก็ตาม การค้นหาผู้สูญหายจะยังดำเนินการค้นหาต่อไป จนกว่าจะพบครบทุกรายชื่อที่มีการแจ้งสูญหายไว้ ส่วนปริมาณของฝนที่ตกลงมาค่อนข้างน้อยหรือแทบจะไม่มี
ขณะนี้จ.กระบี่ มียอดสรุปผู้ที่เสียชีวิตจำนวนที่แน่นอนแล้ว จำนวน 8 ราย โดยผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นคนในพื้นที่ ต.หน้าเขา ที่ถูกภูเขาถล่มทับ ส่วนอีก 2 ราย เสียชีวิตจากการจมน้ำ สำหรับการประเมินความเสียหายในเบื้องต้น นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าฯดกระบี่ ได้ให้อำเภอต่างๆทั้ง 8 อำเภอ สรุปความเสียหายแจ้งเข้ามา จึงจะสามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ แต่คาดว่ามูลค่าความเสียหายนับ 100 ล้านบาทอย่างแน่นอน
**นครฯ กู้วิกฤตส่ง ฮ.ช่วย-ตาย 20 ราย
สำหรับสถานการณ์อุทกภัย-ดินถล่มในพื้นที่นครศรีธรรมราช หลายพื้นที่ยังคงน่าห่วง โดยตลอดทั้งวันฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ระดับน้ำในหลายจุดเริ่มลดลง แต่ในอีกหลายจุดทรงตัว โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังระดับน้ำกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอ.ปากพนังเชียรใหญ่ หัวไทร ชะอวด และเฉลิมพระเกียรติ เนื่องจากพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังทั้ง 5 อำเภอดังกล่าว เป็นพื้นที่รับน้ำจากตัวจังหวัดชั้นในที่ถ่ายเทออกมายังพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังเพื่อไหลลงสู่อ่าวไทย ตามความลาดชันของพื้นที่นั่นเอง บางจุดมีระดับน้ำสูง 1-3 เมตร อย่างไรก็ตามระดับน้ำได้สร้างความเสียหายให้กับเรือกสวนไร่นา ที่เป็นพื้นที่เกษตรสวนใหญ่ของในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะนาข้าว และพืชผักต่างๆ ที่ใกล้จะเริ่มเก็บในช่วงต้นเดือนเมษายน ถูกน้ำเข้าท่วมจนเสียหายร้อยเปอร์เซ็น
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั้ง 23 อำเภอ กว่าแสนครัวเรือน จำนวนกว่า 300,000 แสนคนแล้ว
ล่าสุดได้รับรายงานในพื้นที่ อ.นบพิตำ มีประชาชนที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในพื้นที่หมู่ที่ 3, 4, 7,8 ต.กรุงชิง ไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้นับ 1,000 คน เบื้องต้นได้มอบหมายให้ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช นำ อส.กู้ภัย เข้าพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมประสานงาน พล.ต.เดชา กิ่งวงศา รองแม่ทัพภาคที่ 4 ขอสนับสนุนเครื่องบินปีกหมุน จำนวน 1 ลำ หน่วยรบพิเศษ ลพบุรี เครื่องบิน black hawk จำนวน 1 ลำ ทำการบินลำเลียงถุงยังชีพจากหน้าที่ว่าการอ.นบพิตำ จำนวน 900 ชุด เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งลำเลี้ยงคนป่วย 2 คน เด็ก 15 คน และหญิงท้องแก่ใกล้คลอด 1 คน รวม 42 คนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว
ขณะเดียวกันได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (War Room ) ในพื้นที่โรงเรียนมัธยมนบพิตำวิทยา และใช้สนามฟุตบอลโรงเรียนเป็นสนามฮ.โดยได้รับการสนับสนุน ฮ. black hawk เพิ่มเติมจำนวน 1 ลำ ฮ ตชด.42 จำนวน 1 ลำ และรอการสนับสนุนเครื่องบิน ชีนุค จากกองทัพอากาศอีก 1 ลำ นำทีมแพทย์กองทัพภาคที่ 4 เข้าให้บริการผู้ประสบภัยที่โรงเรียนนบพิตำวิทยา
**อ.นบพิตำสุดวิกฤตเร่งช่วยชาวบ้าน
ขณะเดียวที่อ.นบพิตำ ที่ยังถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตหนัก มีภูเขาดินถล่มใน ต.กรุงชิง ทั่วทั้งพื้นที่หลายจุดถนนและสะพานขาดทำให้ราษฎรติดอยู่ภายในอีกจำนวนนับพันคนมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว จ.นครศรีธรรมราชร่วมทหารทภ.4 และตำรวจภูธรนบพิตำและนปพ.30นาย บินระดมใช้ฮ.ของกองทัพภาคที่ 4 และ ฮ.แบลคฮวอกของหน่วยรบพิเศษ ลพบุรี ลำเลียงถุงยังชีพจำนวนกว่า 500 ชุดบินขึ้นไปช่วยเหลือราษฎรที่ติดอยู่ด้านบนภูเขาอย่างเร่งด่วนก่อนและอพยพราษฎรลงมาเที่ยวละ20-25คนเท่านั้นในพื้นที่ ม.3 ม.4 ม.7 และ ม.8 ต.กรุงชิง ท่ามกลางสภาพอากาศปิด มีปนตกและมีเมฆหนาปกคลุม
สภาพความเสียหายของพื้นที่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราชเกือบทั้งตำบลพบว่ามีสภาพดินถูเขาถล่มดินสไลด์เป็นบริเวณกว้างหลายจุด จนสามารถมองเห็นภูเขาลูกต่างๆ พังทลายลงมาเป็นแนวยาวแดงทั่วเป็นบริเวณกว้างลงมาทับถนนสะพานขาดหลายจุด ทำให้ราษฎรที่อพยพออกมาไม่ทันต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าในพื้นที่ อ.นบพิตำ จะเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีความเสียหายมากที่สุดอีกจุดหนึ่งไม่น้อยกว่าเหตุการณ์เขาถล่มที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังเร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในขณะนี้
ขณะที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ที่เกิดเหตุโคลนถล่ม บริเวณ ม.13 และ ม.15 ต.เทพราช และ ม.10 ต.ฉลอง อ.สิชล นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง 3 หมู่บ้าน และชาวบ้านต้องติดอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก เบื้องต้นกำลัง ตชด.ได้มอบถุงยังชีพเป้ฯการเบื้องต้น และทำการอพยพให้ชาวบ้านกว่า 400 คน ไปอาศัยอยู่กับชาวบ้านอีกหมู่บ้าน ที่ ม.8 ต.เสาเภา อ.สิชล ทั้งนี้บริเวณที่ดินโคลนถล่มนั้นไฟฟ้าถูกตัดมา 2-3 วันแล้ว ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตและเจ็บ
**ชาวริมคลองกลายหายหลายคนพบศพแล้ว
เมื่อเวลา13.00น.ของวันเดียวกัน พ.ต.ท.ประเสริฐ นาคคงรอง ผกก.สภ.ท่าศาลา รับแจ้งจากชาวบ้านพบศพชายถูกกระแสน้ำในคลองกลายพัดมาติดเศษซากต่างๆที่ติดอยู่ริมตลิ่งจึงแจ้งพนักงานสอบสวนเข้าทำการตรวจสอบพบศพชายฉกรรจ์ในสภาพมีบาดแผลทั่วร่าง เสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 24 ชม. ต่อมาญาติที่ออกตามหาได้ยืนยันว่าผู้ตายคือนายพรชัย หวานคง อายุ 33 ปีอยู่ 53/2 ม.1 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ถูกกระแสน้ำป่าพัดหายไปเมื่อ 2 วันที่แล้ว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้ญาติไปดำเนินการ
มีรายงานเพิ่มเติมว่าในพื้นที่ริมคลองกลายมีชาวบ้านถูกน้ำป่าพัดหายไปหลายคนอย่างไม่ทราบชะตากรรม รวมทั้งสัตว์เลี้ยงประเภทวัวควายญาติต่างพยายามออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้พบศพของนายพรชัย เป็นรายแรกและส่งผลให้มียอดรวมของผู้เสียชีวิตทั้งจังหวัดอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 20 รายเศษแล้ว
**สุราษฎร์ฯเจ๊ง 2 พันล้าน 3 แสนคนเดือดร้อน
ด้านศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สรุปสถานการณ์ว่า ขณะนี้ระดับน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ประสบภัย จำนวน 19 อำเภอ 124 ตำบล 966 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 88,280 ครัวเรือน จำนวนประชากร 315,065 คน อพยพ 3,009 คน เสียชีวิต 6 ราย สูญหาย 5 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหายประมาณ 307,157 ไร่ ถนนเสียหาย 354 สาย มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 2,000 ล้านบาท
**เมืองตรังจมบาดาลซ้ำพนังกั้นน้ำพัง
ส่วนที่จ.ตรัง ขณะนี้ยังไม่พ้นวิกฤต โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำทั้งที่ไหลมาจากเทือกเขาบรรทัดรอยต่อกับจ.พัทลุง และต้นแม่น้ำตรัง ในพื้นที่อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้ไหลมารวมกันลงสู่พื้นที่ราบลุ่มในหลายอำเภอของจ.ตรัง โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่อ.เมืองตรัง ฝั่งทางด้านทิศเหนือ และทิศตะวันตก ส่งผลให้อย่างน้อย 5 ตำบล ต้องประสบกับน้ำท่วมซ้ำซากอย่างรุนแรงอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นต.นาท่ามเหนือ, นาท่ามใต้, นาตาล่วง, บางรัก และหนองตรุด
ทั้งนี้ นอกจากจะเกิดมาจากการที่มีฝนตกหนัก ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ยังเกิดมาจากพนังกั้นแม่น้ำตรัง จำนวน 2 จุดสำคัญ ได้พังทลายลงมา ในบริเวณพื้นที่หมู่ที่ 6 ต.บางรัก และหมู่ที่ 2 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นจุดที่มีปัญหามาหลายสิบปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำท่วมครั้งล่าสุดนี้ที่บางจุดมีระดับน้ำสูงถึง 5 เมตร ถนนหนทางในหมู่บ้านถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง บ้านเรือนจำนวนมากและสถานที่ราชการต้องจมน้ำ ส่วนทรัพย์สินก็เสียหายแบบแบบประเมินค่ามิได้
นายชาลี กางอิ่ม นายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ภายในเขตเทศบาลนครตรังมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น และมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในหลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก หลังน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและถนนหลายสาย ทำให้ต้องมีการปิดเส้นทางการจารจรหลายจุด แต่ในพื้นที่ชุมชนควนขัน และชุมชนควนขนุน น้ำได้ปรับลดระดับลงแล้ว อย่างไรก็ตาม เทศบาลนครตรัง ยังต้องมีการระมัดระวัง และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะมีปริมาณน้ำมากเทียบได้กับเมื่อปี 2518 ซึ่งมีน้ำท่วมใหญ่ครั้งรุนแรงที่สุดในจ.ตรัง
**เกิดเหตุคลื่นทะเลกัดเซาะชายฝั่งปัตตานี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (1 เม.ย.) จากกรณีมีคลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร และพัดเข้าหาชายฝั่งตลอดแนวของ จ.ปัตตานี ส่งผลทำให้จำนวน 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองปัตตานี อ.ยะหริ่ง ปานาเระ หนองจิก สายบุรี และ ไม้แก่นได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยชายฝั่งถูกคลื่นทะเลกัดเซาะไปจำนวนมาก
โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง ขณะนี้กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากชายฝั่งถูกคลื่นลมแรงพัดกัดเซาะจนพื้นดินเดิมหายไปในทะเลกว่า 30 เมตร และคลื่นยังกัดเซาะจนถนนลาดยาง ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ชาวบ้านระหว่าง 2 อำเภอใช้สัญจรไปมา บริเวณถนนเรียบชายฝั่งหมู่ที่ 3 บ้านท่าด่าน ต.ตะละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง - อ.ปะนาเระ ในระยะทางกว่า 500 เมตร มีสภาพพังเสียหายจนไม่สามารถใช้การได้ และบางหมู่บ้านต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ทั้งนี้ คลื่นลมที่แรงยังคงพัดกวาดเอาพื้นคอนกรีตของถนนทั้ง 2 เลนลงทะเล และกัดเซาะลึกเข้าหาฝั่งที่มีแนวโน้มที่จะพังเสียหายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่บริเวณใกล้เคียงต่างรู้สึกหวาดกลัวและเกรงจะได้รับอันตราย เนื่องจากคลื่นที่ยังคงกัดเซาะเข้าหาฝั่งจนได้รับความเสียหายอยู่ห่างจากบ้านเรือนเพียง 30 เมตรเท่านั้น
นอกจากนี้ ที่ ต.ดาโต๊ะ หมู่ 1 บ้านบุดี หมู่ 2 บ้านตะโล๊ะสะมิแล และหมู่ 3 บ้านบาตาบุดี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง ขณะนี้ถึงขั้นมีน้ำทะเลซัดเข้าบ้านเรือนประชาชนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับความเสียหายมาก มีเพียงถนนลาดยางสายริมทะเลเข้าหมู่บ้านที่ถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหายลึกเข้าไปจากชายฝั่ง 3 เมตร เป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร และมีทรายและเศษขยะถูกซัดขึ้นกองบนถนน ทำให้การเดินทางสัญจรไปมาของประชาชนไม่สะดวกและมีอันตรายอีกด้วย
***พธม.-ASTV ตั้งโรงครัวช่วยชาวสุราษฎร์
ด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมนั้น ขณะนี้พบว่าหลายหน่วยงานได้ระดมเจ้าหน้าที่ และนำอาหาร ตลอดจนสิ่งของต่างๆเข้าช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจ.สุราษฎร์ธานี นายสมชัย ศรีไทย ทีมเฉพาะกิจ พันธมิตรฯสุราษฎร์และASTV ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.สุราษฎร์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดต่างๆได้รับเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ทั้งขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม รวมทั้งยารักษาโรค และเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนเฉพาะหน้า
เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และASTV จึงได้ร่วมกันตั้งโรงครัวขึ้นในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี โดยกระจายไปยังตำบลต่างๆ ที่ประชาชนยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งวานนี้ (1 เม.ย.) เริ่มที่ ม.4 ต.ละเม็ด อ.ไชยา และบ้านทุ่งกง ต.ทับซ้อน อ.กาญจนดิษฐ์ พันธมิตรได้หมี่ผัดแจกชาวบ้าน โดยมีประชาชนมาขอรับความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม สำหรับโรงครัวของพันธมิตรฯนั้นจะเลื่อนไปเรื่อยๆ โดยจะไปดำเนินการในพื้นที่ที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหนัก โดยวันนี้ (2 เม.ย.) จะเข้าไปตั้งโรงครัวในพื้นที่ อ.พุนพิน.