นครศรีธรรมราช - ชาวนครฯ สาหัสน้ำท่วมนอกฤดูครั้งนี้ คลื่นลมแรง ซัดกลืนกินทรัพย์สินหมู่บ้านแหลมตะลุมพุกเสียหาย ชาวบ้านทุกข์ใจข่มตาไม่หลับ ต้องกู้ยืมเงินดอกเบี้ยแพงดำรงชีพ และขาดแคลนอาหาร โอดไม่เห็นเงาหัวทั้ง ส.ส.และรัฐมนตรีคนนครฯ เข้าช่วยเหลือ ซ้ำร้ายมีลมพายุเข้าพัดเสาไฟฟ้าแรงสูงล้ม การจราจรเป็นอัมพาต และชาวบ้านส่วนหนึ่งหวาดกลัวจระเข้ที่หลุดจากสวนสัตว์ และที่ถูกชาวบ้านแอบเลี้ยง จนต้องแจ้งเท็จหลอกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ช่วยเหลืออพยพด่วน
วันนี้ (29 มี.ค.) สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่นครศรีธรรมราช ยังเป็นไปอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่อยู่ในสภาพวิกฤต เนื่องจากนอกจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแล้วยังมีลมกระโชกเข้ามาเสริมอย่างรุนแรง ทำให้ต้นไม้ล้ม เสาไฟฟ้าแรงสูงล้มอย่างต่อเนื่อง ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ เจ้าหน้าที่ต้องออกทำงานตลอดทั้งคืน
นายคเณศวร์ คงหอม รักษาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช รายงานสถานการณ์อุทกภัย ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า มีฝนตกหนักกระจายในทุกพื้นที่ วัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดที่ อ.ขนอม วัดได้ 274. 8 มม.ขณะที่ปริมาณน้ำจากต้นน้ำมีระดับลงลดลง แต่ในพื้นที่ราบลุ่มต่ำได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม น้ำท่วม และบ่าล้นคลองไหลเข้าบ้านเรือนที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำการเกษตร เส้นทางคมนาคมในหมู่บ้านรถเล็กผ่านไม่ได้ พื้นที่ชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช น้ำยังท่วมเป็นบริเวณกว้าง
**อ่างเก็บน้ำ 3 แห่งล้นสันอ่างระบาย
นายคเณศวร์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส อ.ชะอวด ว่า ทั้งอ่างเก็บน้ำคลองกะทูน และอ่างเก็บน้ำคลองดินแดง อ.พิปูน มีปริมาณน้ำเต็มความจุและล้นอาคารระบายน้ำออกมาอย่างต่อเนื่อง และยืนยันว่า อ่างยังมั่นคงแข็งแรง ไม่มีร้าวหรือแตกแต่อย่างใด ส่วนพื้นที่ 23 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เปิดศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแล้ว เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนกว่า 2.7 แสนคน จาก 8.9 หมื่นครัวเรือน ที่ได้รับความเดือดร้อน บ้านเรือน พื้นที่การเกษตร ถนน บ่อปลา บ่อกุ้ง สะพาน เสียหาย มีมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 300 ล้านบาท หน่วยงานราชการเร่งออกปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชน นำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ อพยพเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่ถูกน้ำท่วมขัง ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แจกถุงยังชีพ อาหารกล่องพร้อมรับประทาน และน้ำดื่ม
**ฝนถล่ม-ลมหัวด้วนพัดเสาไฟแรงสูง ทำจราจรอัมพาต
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 07.00 น.ฝนได้ตกอย่างหนัก ลมกระโชกอย่างรุนแรง ทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงตลอดแนวหน้าวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ล้มระเนระนาด เจ้าหน้าที่ต้องเข้าตัดกระแสไฟฟ้าอย่างจ้าละหวั่น เนื่องจากเกรงประชาชนจะได้รับอันตราย ขณะเดียวกัน มีต้นไม้ขนาดใหญ่โค่นลงมาส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นายสถิต ดำด้วง อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 247/2 ม.2 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างมาพอดี สายไฟได้ฟาดลงมาบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล แพทย์อนุญาตให้กลับได้ในเวลาต่อมา
ขณะที่ นายสมนึก เกตุชาติ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช เข้าอำนวยการรื้อถอนต้นไม้ และเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าเข้าทำการกู้เสาไฟฟ้าที่เสียหาย ปักเสาระบบจำหน่ายใหม่ เพื่อกู้ระบบไฟฟ้าให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม ในย่านนั้นระบบการสื่อสารผ่านสายทั้งหมดได้รับกระทบไปด้วย รวมทั้งการจราจรในย่านนั้นต้องปิดไปโดยสิ้นเชิง
**แหลมตะลุมพุกอ่วมถูกทะเลกลืน-ไร้การเหลียวแล
และจากการลงพื้นที่ ม.2 และ ม.3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช มีประชาชนอาศัยอยู่ราว 250 ครัวเรือน พบว่า คลื่นสูงกว่า 4 เมตร ระดับน้ำทะเลหนุนยกตัวเข้าซัดหมู่บ้านตลอดแนว ถนนคอนกรีตพังเสียหายยับเยิน บ้านชาวบ้านถูกทะเลกลืนไปแล้วหลายหลัง ต้นมะพร้าวถูกทะเลเซาะล้มระเนระนาด และที่ยังยืนต้นมั่นคงกลับถูกแรงลมพัดจนหักกลางอย่างน่าใจหาย และในหมู่บ้านมีชาวบ้านที่อยู่ในอาการสับสน ออกมายืนดูบ้าน และเรือประมง อุปกรณ์ในการหาปลาอย่างไร้ทางออก
นางประกาย ชูดวง อายุ 45 ปี เปิดเผยว่า ทะเลและคลื่นได้ทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อราวเที่ยงคืน ไม่มีใครได้หลับนอนกัน คลื่นซัดถล่มอย่างหนัก บ้านพังไปแล้วหลายหลัง ต้นมะพร้าวโค่นล้มอย่างต่อเนื่อง เราเหมือนถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครเหลียวแล อยากขอความช่วยเหลือโดยเฉพาะเรื่องอาหารลำบากอย่างมาก และสิ่งที่ต้องขอต่อจากนี้ คือ เรื่องที่อยู่อาศัยอีกไม่กี่เดือนไม่กี่วันทั้ง 2 หมู่บ้านถูกซัดกัดเซาะลงทะเลจนหมดแน่นอน แม้แต่ถนนคอนกรีตที่ช่วยกั้นอยู่ยังทนไม่ได้พังยับเยินไปแล้ว
“ชาวประมงพื้นบ้านที่นี่ออกหาปลาไม่ได้หลายวันแล้ว รายจ่ายต้องจ่ายทุกวันต้องไปหยิบยืมกู้เงินดอกเบี้ยแพงมาใช้จ่ายก่อน ไม่รู้จะหาที่ไหน อยากบอกไปถึงนายกรัฐมนตรี ส.ส.ในพื้นที่ ช่วยเหลือชาวแหลมตะลุมพุก 2 หมู่บ้านนี้ด้วย จะอพยพก็ไม่รู้จะอพยพไปไหนใครก็ไม่มาดูผู้เกี่ยวข้องหายหมด เห็นที่มีมาเมื่อเช้านี้มีปลัดอำเภอมาคนหนึ่งแล้วหายไปเลย”
ด้าน นายสนธยา สิงห์แก้ว อายุ 32 ปี ชาวบ้านอีกราย เปิดเผยว่า กระแสลมพัดอย่างหนัก คลื่นแรงสูงมากเข้าซัดหมู่บ้าน น้ำทะเลหนุนสูง พัดเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เที่ยงคืน ชาวบ้านต้องพยายามป้องกันทรัพย์สินของตัวเองที่สุด แต่ทั้งน้ำ คลื่นลมเข้ามาพร้อมกันต้องปล่อยให้พังไปต่อหน้าต่อตา เดือดร้อนมาก ไม่รู้จะหันไปพึ่งพาใคร ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ เชื่อว่า อีกไม่นานทะเลกลืนหมู่บ้านนี้ทั้งหมด
**ภูเขาธงถล่มต่อเนื่องเร่งอพยพคน-ดินขวางถนนตัดการจราจร
นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้เกิดภูเขาพังถล่มลงมาปิดถนนสายช้างกลาง-นครศรีธรรมราช เหตุเกิดบริเวณเขาธงเทือกเขาหลวง หมู่ที่ 14 ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง ร่อยต่อกับ ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา พบว่า มีก้อนหินขนาดใหญ่และดินจากภูเขาธงสไลด์พังทลายลงมาจากภูเขาจำนวนมากทับถมถนน มีความหนาและสูงจากระดับผิวถนนถึง 4 เมตร ความยาวประมาณ 200 เมตร และยังมีก้อนหินพังถล่มลงมาตลอดเวลาเนื่องจากฝนยังคงตกหนักไม่หยุด ซึ่ง นายภาคภูมิ ได้ให้เจ้าหน้าที่ช่วยลำเลียงขนย้ายชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามเชิงเขาลงมาไปอยู่ในที่ปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากหินถล่ม
**ชาวบ้านกลัวจระเข้ ขอ จนท.อพยพออกจากพื้นที่
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 มี.ค.) เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจร่วมกับ อบต.ปากพูน กำลังนำเรือท้องแบนออกตระเวนรับชาวบ้านกว่า 30 ครัวเรือน ที่ยังคงติดอยู่ภายในบ้าน พื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลท่างิ้ว รอยต่อกับ หมู่ที่ 1 ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องส่งผลให้ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างน่ากลัว เจ้าหน้าที่ต้องทยอยคอยรับส่งหลายสิบเที่ยว
ซึ่งตลอดระยะทางที่เจ้าหน้าที่กำลังไปรับชาวบ้านที่อยู่ในที่ห่างไกลก่อน พบว่า ชาวบ้านที่เห็นเรือวิ่งมาต่างแกว่งไฟฉายไปมาพร้อมตะโกนออกมา เพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ต้องแวะไปบอกว่าจำเป็นต้องรีบไปรับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลก่อนแล้วจะรับทีหลัง แต่ต่อมาได้รับแจ้งว่ามีเตาอิฐถล่มทับคนขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปให้การช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่า ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวกลับเป็นการขอความช่วยเหลือในการอพยพ
ชาวบ้านรายหนึ่งได้เปิดเผยว่า น้ำเริ่มท่วมขังมาตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ระดับสูงตลอดแม้ว่าฝนจะหยุดตกบ้าง แต่มาวันนี้ปริมาณเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งไฟฟ้าก็ใช้งานไม่ได้ และที่สำคัญได้ทราบข่าวว่ามีจระเข้หลุดออกมาจากสวนสัตว์ จึงเพิ่มความกลัวให้กับตนและชาวบ้านทั้งหมด จึงไปประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มาช่วยอพยพไปอยู่ที่อื่นก่อน แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือ จึงประสานไปยังมูลนิธิประชาร่วมใจ ว่า เกิดเหตุโรงอิฐพังชาวบ้านติดอยู่ข้างในหลายคน เมื่อรับแจ้งมูลนิธิพร้อมด้วย อบต.ปากพูน จึงมาช่วยอพยพช่วยเหลือ โดยพาไปพักอาศัยอยู่ภายในกองทัพภาค 4 ค่ายวชิราวุธ
**ทีมล่าจระเข้ยังไล่ล่าต่อเนื่อง โผล่ พบถูกแอบเลี้ยงหลุดอีกหลายตัว
เจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยต่างๆ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกติดตามไล่ล่าจระเข้ตามการพบเห็นของประชาชนในจุดต่างๆ เช่น ในลำคลองท่าแพ ต.ปากพูน ต.นาทราย ต.นาเคียน และล่าสุดนั้น ยังมีรายการพบเห็นย่าน ต.โพธิ์เสด็จ อีกหลายตัว
เจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ขณะนี้พบแล้ว 6 ตัว ตัวที่ 6 นั้นเป็นรู้จักของเด็ก คือ “ไอ้ค่อม” เป็นจระเข้พิการ พบว่า ตายอยู่ในกรงเลี้ยงตอนนี้พองอืด เจ้าหน้าที่ได้นำออกมาแล้ว และเชื่อว่า ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ในบริเวณสวนสัตว์ แต่ยังหาไม่พบอีก 4 ตัว ดังนั้น ที่พบหลายจุดของตัวเมืองนั้น แน่นอนแล้วว่าเป็นจระเข้ที่หลุดมาจากการเลี้ยงของประชาชน ซึ่งไม่รู้ว่าพฤติกรรมการกินนั้นเป็นเช่นไร แต่ยืนยันว่า อันตรายมาก
**รถไฟหยุดวิ่งซ้ำทุกขบวน
นายบูรพา นุ่นแก้ว รก.นายสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า น้ำได้ท่วมสันรางสูงมากขึ้นในช่วง กม.ที่ 813-815 สูงพ้นสันรางกว่า 20 ซม.ทำให้การเดินรถต้องหยุดตั้งแต่ตี 4 ที่ผ่านมา และเป็นการหยุดเดินรถในภาคใต้ทั้งหมด ตั้งแต่ จ.ชุมพร ลงมา อย่างไรก็ตาม ในการเปลี่ยนตั๋วเลื่อนตั๋ว หรือคืนตั๋วขอแจ้งว่าผู้โดยสารไม่ต้องร้อนใจ แม้ว่าจะเลยวันเดินทางในตั๋วไปแล้วสามารถมาคืนได้ และขอให้เดินทางมาได้สะดวกก่อน ไม่ต้องร้อนใจว่าจะไม่รับคืนการรถไฟฯยินดีให้บริการอย่างเต็มที่ ส่วนท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำได้เพิ่มอีกครั้งทำให้การซ่อมบำรุงต้องยุติไปก่อน และจะดำเนินการใหม่อีกครั้งให้สถานการณ์คลี่คลายมากกว่านี้