กระบี่-เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จับกุมผู้ต้องหาบุกรุกป่าสงวนฯ ป่าเขาอ่าวนาง ม.3 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ได้ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลาง สารภาพได้รับการว่าจ้างจากนายทุนให้เข้ามาปรับพื้นที่ ได้ค่าจ้างเดือนละ 9,000-10,000 บาท
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (1 ก.พ.) นายธีรยุทธ บุญเลิศ หัวหน้าสายตรวจป้องกันและปราบปราม อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พร้อมเจ้าหน้าที่ อุทยานฯ ร่วมกันจับกุมตัว นายสนิท สะมาน อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 ม.1 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ และนายสัน ดำเชื้อ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 ม.4 ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมของกลาง คราดเหล็ก 2 ด้าม มีดพร้า 1 เล่ม เลื่อยโค้ง 1 ตัว และหินลับมีดพร้า1 อัน
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รับแจ้งว่ามีการบุกรุกป่าฯป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอ่าวนาง บนยอดเขาอ่าวนาง ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ท้องที่หมู่ที่ 3 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงบริเวณเนินเขา พบผู้ต้องหาทั้ง 2 คนกำลังใช้คราดเหล็กกวาดกิ่งไม้ในพื้นที่บริเวณโดยรอบพบตอไม้ถูกตัดไปแล้วประมาณ 10 ต้น เว้นไว้เฉพาะต้นไม้ใหญ่ รวมเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ นอกจากนี้ยังพบมีการนำต้นปาล์มน้ำมันอายุประมาณ 6-7 เดือนมาปลูกในพื้นที่ด้วย เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุมตัวพร้อมตรวจยึดของกลางดังกล่าว
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งแห่งชาติ พ.ศ 2507 ฐาน ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพ ป่าสงวนแห่งชาติ กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2504 เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสอง ให้การรับสารภาพว่าได้มีนายทุนหรือนายหัวว่าจ้างให้ไปถางป่า และปรับพื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยให้ค่าจ้างเดือนละ 9,000-10,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนำส่งเจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับพื้นที่บนยอดเขาอ่าวนาง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี เขาป่าสงวนแห่งชาติ และเขาป่าไม้ 2484 เป็นพื้นที่ทำเลทองใกล้หาดอ่าวนางแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ด้านบนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ชายหาดได้ชัดเจน จึงเป็นที่ต้องการของนายทุนเป็นอย่างมาก โดยราคาที่ดินบริเวณดังกล่าวตกไร่ละ 15-20 ล้านบาท ส่งผลให้มีการบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการออกโฉนดไปแล้วหลายแปลง
