ระนอง-ราคายางพุ่งไม่หยุด พื้นที่ป่าสงวนถูกบุกรุกแผ้วถาง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ลุยรื้อถอนในพื้นที่จังหวัดระนอง 3 แปลง พร้อมฟื้นฟูสภาพป่าให้คืนความสมบูรณ์
วันนี้ (15 ม.ค.) นายวิโรจน์ แสงศิวะฤทธิ์ ปลัดจังหวัดระนอง พร้อมด้วยนายสุภัทร สารรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 สุราษฎร์ธานี และนายธนิต สังขนิตย์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า นายนพวงศ์ อาภรณ์ หัวหน้าศูนย์ประสานงานป่าไม้จังหวัดระนอง นายสมหวัง จันทร์ฉาย หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รน.8 นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้และอาสาสมัครจากจังหวัดระนองและชุมพร ตำรวจ ทหาร ผู้นำท้องถิ่น เข้าดำเนินการรื้อถอนทำลายผลอาสิน ซึ่งเป็นต้นยางพาราที่ลักลอบปลูกในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลำเลียง ท้องที่อำเภอกระบุรี จำนวน 2 แปลงรวมเนื้อที่ 22 ไร่ 2 งาน 18 ตารางวา(22-2-18 ไร่)
ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่นและป่าราชกรูด ท้องที่อำเภอละอุ่น จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน 19 ตารางวา(4-2-19 ไร่) รวม 3 แปลง เนื้อที่จำนวน 27 ไร่ 37 ตารางวา(27-0-37 ไร่) โดยใช้มาตรการตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 หลังจากพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้ดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดไว้แล้ว เพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายแก่ป่าสงวนแห่งชาติและรักษาป่าให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นการอำนวยประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่รัฐและประชาชนสืบไป
นายสุภัทร สารรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการสอบตรวจของเจ้าหน้าที่พบว่า พื้นที่ที่ถูกบุกรุกยังเป็นป่าที่สมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำ ที่ไหลลงสู่ลำห้วยเป็นแหล่งผลิตน้ำประปาของหมู่บ้านด้วย โดยผู้บุกรุกได้ขุดดินตัดคอนทัวร์ หรือขั้นบันได จากนั้นจะเอาเมล็ดยางพาราปลูกไว้เมื่อต้นยางโตขึ้นก็จะเอาต้นยางพันธุ์ดีมาติดตา ส่วนต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่บางต้นจะกานโคนต้น และเจาะเป็นรูแล้วเอายาฆ่าตอหยอดลงไปเพื่อให้ยืนต้นตาย
ต้นยางที่รื้อถอนในครั้งนี้เพิ่งปลูกได้ประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากราคายางพาราและปาล์มน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรและนายทุนพยายามบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการจับกุมผู้บุกรุกแผ้วถางป่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายในการปกป้องรักษาทรัพยากรป่าไม้ของชาติให้คงอยู่ เพื่อลดภาวะโลกร้อนและเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกป่าและฟื้นฟูสภาพป่าเพื่อคืนความสมบูรณ์แก่ธรรมชาติ เป็นเป็นการอนุรักษ์ดินและน้ำ โดยดึงผู้นำท้องถิ่น ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่เพื่อประโยชน์แก่ชุมชนต่อไป
