นครศรีธรรมราช - รองอธิบดีกรมป่าไม้นำทีมเจ้าหน้าที่นับร้อยล้างบางฟันทิ้งสวนปาล์มในเขตป่าพรุควนเคร็งสั่งคุมเข้มพื้นที่ป่าพรุ-ป่าสงวนหลังยาง-ปาล์มแพงแรงจูงใจส่อบุกรุกเพิ่ม พร้อมสั่งการสามารถจับกุมผู้ลักลอบและบุกรุกเข้ามาแผ้วถางได้ทันที
วันนี้ (14 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นำกำลังเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช จำนวนกว่า 200 คน เข้าทำการรวมกำลังที่บริเวณริมถนนสายบ้านบ่อล้อ-ชะอวด ม.3 บ้านตลาดปลา ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เดินทางเข้าไปในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ในช่วงเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบ้านกุมแป เพื่อทำการรื้อถอนและตัดโค่นต้นปาล์มน้ำมันที่มีการลักลอบแผ้วถางพื้นที่ป่าสงวนแล้วปลูกต้นปาล์มในเนื้อที่รวม 147 ไร่
โดยการเดินทางเข้าไปนั้นต้องเดินลุยน้ำเข้าไปกว่า 1 กม.บางส่วนต้องเดินทางด้วยทางเรือเข้าไปในพื้นที่ด้วยความยากลำบาก โดยในพื้นที่ดังกล่าวนั้นพบว่ามีการปลูกปาล์มน้ำมันอายุกว่า 1 ปี เป็นวงกว้างโดยการตัดโค่นไม้เสม็ดขาวที่อยู่ในพื้นที่จนเตียนโล่ง แล้วยกร่องปลูกปาล์มไว้เป็นแนวสุดลูกตา เจ้าหน้าที่ได้เดินลุยน้ำหน้ากระดานตัดโค่นต้นปาล์มจนหมด โดยไม่มีใครมาแสดงตัวเป็นเจ้าของสวนปาล์มดังกล่าว
นายธีรวุฒิ นุ่นสังข์ หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าบ่อล้อ ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่เปิดเผยว่าพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกบุกรุกแล้วปลูกปาล์มไว้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจยึดไว้จำนวน 4 แปลงรวม 147 ไร่ โดยไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ ก่อนหน้านี้ได้สนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารเข้าติดตามจนพบผู้กระทำความผิดใน 1 แปลงคือนายสุรัตน์ ทองเนื้อแข็ง พร้อมด้วยรถยนต์และรถจักรยานยนต์เข้ามาในพื้นที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล
“ส่วนในพื้นที่นี้เจ้าหน้าที่ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 25 แห่ง พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ โดยประกาศครบแล้ว 45 วันให้ผู้ที่เป็นเจ้าของรื้อถอนออกไป และเมื่อครบ 45วันยังไม่ปรากฏว่ามีการรื้อถอน เจ้าหน้าที่ได้ประกาศซ้ำอีก 45 วันจนครบในวันนี้ไม่ปรากฏว่ามีการรื้อถอนเจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการรื้อถอนทำลายต้นปาล์มและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกจากพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ากุมแปทันที่ โดยมีอำนาจตามกฎหมายโดยสมบูรณ์” นายธีรวุฒิ กล่าว
ส่วนนายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมป่าไม้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องภายใต้การบังคับบัญชากรมป่าไม้ทุกหน่วยตรวจสอบพื้นที่ที่ดูแลอย่างเข้มงวดเนื่องจากสภาพราคายางและราคาปาล์มมีราคาแพงทำให้เป็นแรงจูงใจกับผู้ที่เข้าบุกรุก
โดยเฉพาะกลุ่มนายทุนที่เข้าว่าจ้างให้ชาวบ้านเข้าทำการบุกรุกพื้นที่ป่าแล้วเข้าครอบครองปลูกยางพาราหรือปลูกปาล์มน้ำมัน โดยให้ทำการสกัดกั้น และประชาสัมพันธ์ในพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบ้านกุมแป ,คลองฆ็อง ,ช้างข้าม ,ในกลอง,ควนเคร็ง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าพรุที่ติดต่อกันทั้งหมด อย่างไรก็ตามในรระยะนี้ฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่องระดับน้ำในพื้นที่พรุสูงทำให้เป็นอุปสรรคในการบุกรุก ส่วนเจ้าหน้าที่ได้วางกำลังไว้โดยรอบพื้นที่แล้วหากมีการบุกรุกเข้ามาแผ้วถางสามารถจับกุมได้ทันที