จันทบุรี - ชาวบ้านนำผู้นำท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติตกพรม อำเภอขลุง ที่ถูกนายทุนบุกรุกกว่า 200 ไร่ หลังถูกเจ้าหน้าที่บุกจับ แต่ล่าสุดกำลังวิ่งเต้นให้พ้นคดี และครอบครองพื้นที่ดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่รู้เห็น
วันนี้ (14 ม.ค.) ชาวบ้านบ้านตกชี ตำบลตกพรม อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี นำนายอัมฤทธิ์ เปี่ยมคูหา ผู้ใหญ่บ้าน นายบุญนาค ชีวะเจริญ กำนันหมู่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรตกพรม จำนวน 20 คน ร่วมตรวจสอบร่องรอยการบุกรุกพื้นที่ป่าเขาสองพี่น้อง หมู่ 1 บ้าน ตกชี เขตป่าสงวนแห่งชาติตกพรม ที่ถูกนายทุนเข้ามาแผ้วถางเตรียมการครอบครอง
พบต้นไม้ถูกตัดทำลาย และการปรับพื้นที่สำหรับการปลูกต้นลำไย แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะบุกเข้าตรวจสอบจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นลูกจ้างไว้ได้ 1 คน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่นายทุนสามารถหลบหนีไปได้ และชาวบ้านทราบว่า ขณะนี้นายทุนดังกล่าวพยายามวิ่งเต้นกับสำนักงานอัยการ จังหวัดให้หลุดพ้นจากความผิด ซึ่งมีข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นบางคนรู้เห็นจนอาจทำให้ผืนป่ากว่า 200 ไร่ ที่ถูกทำลายกลายเป็นของนายทุนในที่สุด จึงพยายามเคลื่อนไหวนำผู้นำท้องถิ่น พร้อมเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อดำเนินการกับนายทุนที่เข้ามา บุกรุกป่าดังกล่าว
สำหรับการตรวจสอบจับกุมการบุกรุกป่าสงวนดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พ.ย.2553 ขณะกำลังแผ้วถางพื้นที่ดังกล่าวอยู่ แต่ผู้ต้องหาที่เป็นนายทุนพร้อมพวกอีก 4 คนได้ไหวตัวหลบหนีไป จับกุมได้เพียงนายสนอง จำนงมี อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดสระแก้ว โดย นายสนอง ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า นายภูมิพิพัฒน์ อูมทองวรพันธ์ เป็นผู้ว่าจ้างพร้อมพวกรวม 4 คน ให้แผ้วถางป่าได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท เตรียมพื้นที่สำหรับการปลูกลำไย ส่วนหนึ่งได้ใช้เชือกผูกแบ่งเป็นแปลงเพื่อเตรียมขายให้กับนักธุรกิจในตัว เมืองจันทบุรี โดยมีข้าราชการในพื้นที่ และนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งให้การสนับสนุน
นายสนอง ได้ยอมรับว่า มีการเข้าบุกรุกและปรับสภาพพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติตกพรม ผืนป่าต้นน้ำ หมู่ 1, 4 และหมู่ 7 ตำบลตกพรม ตั้งแต่ปี 2551 เรื่อยมา และนายภูมิพิพัฒน์ ได้มายกบ้านพักชั่วคราว บริเวณบ้านเขาทอง ตำบลบ่อเวฬุ รอยต่อตำบลตกพรม เพื่อใช้เป็นที่พัก
ทั้งนี้ ชาวบ้านอยากให้ผู้นำท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ช่วยกันเร่งดำเนินการกับนายทุนคนดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้รับทราบถึงพฤติกรรมของกลุ่มนาย ทุนกลุ่มนี้ ที่มีข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นบางคนมีส่วนรู้เห็น
วันนี้ (14 ม.ค.) ชาวบ้านบ้านตกชี ตำบลตกพรม อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี นำนายอัมฤทธิ์ เปี่ยมคูหา ผู้ใหญ่บ้าน นายบุญนาค ชีวะเจริญ กำนันหมู่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรตกพรม จำนวน 20 คน ร่วมตรวจสอบร่องรอยการบุกรุกพื้นที่ป่าเขาสองพี่น้อง หมู่ 1 บ้าน ตกชี เขตป่าสงวนแห่งชาติตกพรม ที่ถูกนายทุนเข้ามาแผ้วถางเตรียมการครอบครอง
พบต้นไม้ถูกตัดทำลาย และการปรับพื้นที่สำหรับการปลูกต้นลำไย แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะบุกเข้าตรวจสอบจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นลูกจ้างไว้ได้ 1 คน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่นายทุนสามารถหลบหนีไปได้ และชาวบ้านทราบว่า ขณะนี้นายทุนดังกล่าวพยายามวิ่งเต้นกับสำนักงานอัยการ จังหวัดให้หลุดพ้นจากความผิด ซึ่งมีข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นบางคนรู้เห็นจนอาจทำให้ผืนป่ากว่า 200 ไร่ ที่ถูกทำลายกลายเป็นของนายทุนในที่สุด จึงพยายามเคลื่อนไหวนำผู้นำท้องถิ่น พร้อมเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อดำเนินการกับนายทุนที่เข้ามา บุกรุกป่าดังกล่าว
สำหรับการตรวจสอบจับกุมการบุกรุกป่าสงวนดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พ.ย.2553 ขณะกำลังแผ้วถางพื้นที่ดังกล่าวอยู่ แต่ผู้ต้องหาที่เป็นนายทุนพร้อมพวกอีก 4 คนได้ไหวตัวหลบหนีไป จับกุมได้เพียงนายสนอง จำนงมี อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดสระแก้ว โดย นายสนอง ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า นายภูมิพิพัฒน์ อูมทองวรพันธ์ เป็นผู้ว่าจ้างพร้อมพวกรวม 4 คน ให้แผ้วถางป่าได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท เตรียมพื้นที่สำหรับการปลูกลำไย ส่วนหนึ่งได้ใช้เชือกผูกแบ่งเป็นแปลงเพื่อเตรียมขายให้กับนักธุรกิจในตัว เมืองจันทบุรี โดยมีข้าราชการในพื้นที่ และนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งให้การสนับสนุน
นายสนอง ได้ยอมรับว่า มีการเข้าบุกรุกและปรับสภาพพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติตกพรม ผืนป่าต้นน้ำ หมู่ 1, 4 และหมู่ 7 ตำบลตกพรม ตั้งแต่ปี 2551 เรื่อยมา และนายภูมิพิพัฒน์ ได้มายกบ้านพักชั่วคราว บริเวณบ้านเขาทอง ตำบลบ่อเวฬุ รอยต่อตำบลตกพรม เพื่อใช้เป็นที่พัก
ทั้งนี้ ชาวบ้านอยากให้ผู้นำท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ช่วยกันเร่งดำเนินการกับนายทุนคนดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้รับทราบถึงพฤติกรรมของกลุ่มนาย ทุนกลุ่มนี้ ที่มีข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นบางคนมีส่วนรู้เห็น