ชาวหัวไทรบุก ม.ราชภัฏนครศรีฯ บี้เลิกสัญญารับทุนวิจัย กฟผ.

นครศรีธรรมราช- ชาวหัวไทรบุก ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช บี้เลิกสัญญารับทุนวิจัย กฟผ. โดยให้ชี้แจงที่มาที่ไปในการส่งนักวิชาการลงไปดำเนินการงานวิจัยในพื้นที่ ในการรับทุนของกฟผ.และมีความเกี่ยวข้องใดกับทางมหาวิทยาลัย ให้ยกเลิกโครงการดังกล่าวทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข และต้องชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร และเปิดเผยให้สาธารณะรับทราบด้วย

เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (12 ธ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ต.ท่างิ้ว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กลุ่มเครือข่ายคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอำเภอหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช กว่า 300 คนได้เดินทางมาจาก อ.หัวไทร เพื่อมาประท้วง รศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

ในกรณีที่มีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เข้าไปเริ่มต้นในการทำวิจัยทัศนคติของประชาชนในพื้นที่ อ.หัวไทร ต่อโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนวิจัย นำโดยนายครองศักดิ์ แก้วสกุล นายประยุทธ วรรณพรหม นายสมิง พัฒนานนท์ นายประเสริฐ คงสงค์ แกนนำจาก อ.หัวไทร โดยมีกลุ่มนักศึกษาที่ต่อต้านการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าในมหาวิทยาลัยราชภัฎเข้าร่วมถือป้ายข้อความต่างๆ อีกหลายสิบคนเข้าร่วมกับกลุ่มประชาชน ซึ่งมหาวิทยาลัยได้จัดสถานที่ศูนย์วัฒนธรรม ไว้รองรับกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อความสะดวก

ต่อมานายครองศักดิ์ แก้วสกุล ได้อ่านจดหมายเปิดผนึกต่อหน้า รศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ที่มารับหน้ากลุ่มผู้ชุมนุมด้วยตัวเอง โดยมีสาระสำคัญคือมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช โดยมีปณิธานว่า “ประทีปถิ่น ประเทืองไทย” ซึ่งเป็นเหมือนหัวใจหลักของสถาบันในการสร้างคน และผลงาน เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ

วันนี้ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชบางคนได้ลงไปในพื้นที่แสดงตนเป็นนักวิจัยรับใช้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตในการดำเนินการเพื่อศึกษาและประเมินผลกระทบของชุมชน ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในพื้นที่อำเภอหัวไทร ทั้งที่ประเด็น โรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้รับการต่อต้านจากผู้คนมาทั่วโลก รวมถึงพี่น้องแถบลุ่มน้ำปากพนัง แต่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และนักวิชาการคนดังกล่าวไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ แสดงตัวเป็นคู่ขัดแย้งกับชาวบ้านเสียเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความเสื่อมเสียเกียรติภูมิของสถาบัน และมหาวิทยาลัยไม่มีที่สิ้นสุด

ดังนั้น จึงขอให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช พิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 1.ขอให้ชี้แจงที่มาที่ไปในการส่งนักวิชาการลงไปดำเนินการงานวิจัยในพื้นที่ในการรับทุนของ กฟผ. และมีความเกี่ยวข้องใดกับทางมหาวิทยาลัย 2.ขอให้ยกเลิกโครงการดังกล่าวทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข 3.ข้อเสนอทั้ง 2 ข้อต้องชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร และเปิดเผยให้สาธารณะรับทราบ

รศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยได้เข้าไปมีส่วนดูแลในด้านวิชาการเพื่อความสุข แต่ถ้าเกิดความทุกข์ก็ไม่ควรทำ ที่มหาวิทยาลัยเข้าไปนั้นมี 2 ส่วน คือ ด้านวิชาการหรือด้านเทคนิค และอีกส่วนคือด้านความรู้สึกของประชาชนซึ่งจะต้องชัดเจน

โครงการที่มหาวิทยาลัยเข้าไปร่วมไปทำ ว่าด้วยเรื่องโครงการไฟฟ้าถ่านหินเป็นการสำรวจทัศนคติที่มีต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ อ.หัวไทรเท่านั้น เป็นการสำรวจทัศนคติผลที่ออกมาไม่ว่ายอมรับหรือปฏิเสธจะเป็นตัวเลขจริง ถ้าไม่ยอมรับการไฟฟ้าอาจจะปรับเปลี่ยนเป็นพลังงานลมมาแทนก็ได้

งานที่ทำนั้นเป็นการวางแผนสำรวจเท่านั้น อาจเป็นเพราะผู้นำชุมชน หรือผู้ที่ทราบข่าวยังไม่ได้รับคำชี้แจงเกิดความวิตกจึงเกิดปฏิกิริยาเข้าใจว่า ประชาชนกลัวในเรื่องของสุขภาพและมลพิษจึงคัดค้าน จริงๆ แล้วไม่ได้แปลความว่ามหาวิทยาลัยไปยืนกับ กฟผ. แต่เพื่อความเป็นวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนแล้วมาวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไม่โน้มเอียงเท่านั้น บวกเราจะบอกว่าบวกถ้าลบเราจะบอกว่าลบเท่านั้น

“ตอนนี้มหาวิทยาลัยเกรงว่าจะเกิดปัญหาก่อให้เกิดความยุ่งยาก ได้ยุติโครงการไปหมดแล้ว โครงการทั้งหมดมี 5 ขั้นเริ่มต้นได้แค่ขั้นที่ 1 เท่านั้นเราได้ยกเลิกโครงการทั้งหมดอย่างสิ้นเชิงไปโดยการแจ้งไปที่ กฟผ.เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมาทั้งทางโทรสาร และทางไปรษณีย์ โดยมีเหตุผลที่สำคัญคือประชาชนในพื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือ และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยได้จึงยกเลิกสัญญา และพร้อมที่จะเป็นหลักที่สำคัญให้กับประชาชน” อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่อธิการบดีชี้แจงให้ต่อกลุ่มผู้ชุมนุมทราบโดยยินยอมตามาข้อเสนอของผู้ชุมนุมทุกประการ รวมทั้งชี้แจงการยกเลิกโครงการทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพอใจและสลายตัวเดินทางกลับ อ.หัวไทร ไปในที่สุด