ASTV ผู้จัดการรายวัน - "กฟผ." แจงกรณีการคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินหัวไทร จ.นครศรีธรรมราชทำตามขั้นตอนโดยเฉพาะทำหนังสือแจ้งอนุญาตกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอ.หัวไทรเพื่อขอเข้าสำรวจและมติส่วนใหญ่เลือกม.ราชภัฎนครศรีฯทำการสำรวจ ยันกฟผ.ไม่ก้าวล่วงและเข้าไปกำหนดกฏเกณฑ์ในการดำเนินการแต่อย่างใด
นายธาตรี ริ้วเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์การ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีการเสนอข่าว “ชาวหัวไทรลั่นไม่เอาโรงไฟฟ้า ถ่านหิน ในประเด็นที่ว่าชาวบ้าน ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช กว่า ๕๐๐ คน ร่วมคัดค้านในเวทีประชาสัมพันธ์ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช เนื่องจากเป็นเวทีหมกเม็ด และรับฟังความคิดเห็นตามขั้นตอนของ กฟผ. เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลด้านดีของโรงไฟฟ้าถ่านหินเพียงด้านเดียว นอกจากนี้การลงพื้นที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช เป็นการทำข้อมูลเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ กฟผ. ในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และพยายามยัดเยียดโรงไฟฟ้าถ่านหินให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยคนในพื้นที่ไม่มีโอกาสในการแสดงความคิดเห็น ทั้งที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
กฟผ. ขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการดำเนินการสำรวจประชามติ ซึ่งดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ภายใต้ชื่อโครงการ “โครงการสำรวจทัศนคติของประชาชนที่มีต่อการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ของ กฟผ. ในพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ปี2553”ซึ่ง กฟผ. ได้มีหนังสือแจ้งขออนุญาตต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ใน อ.หัวไทร เพื่อขอเข้าสำรวจฯโดยมติในที่ประชุมส่วนใหญ่ได้เลือกให้ ม.ราชภัฎนครศรีฯ เป็นสถาบันดำเนินการสำรวจ ทั้งนี้เป็นการดำเนินการโดยอิสระของอาจารย์ผู้วิจัย แม้ว่า กฟผ. จะเป็นผู้ว่าจ้างสถาบันต้นสังกัด แต่มิได้ก้าวล่วงเข้าไปกำหนด และดำเนินการต่าง ๆ ในวิธีการทางวิจัย เพื่อให้เกิดความเป็นกลางอย่างแท้จริง อีกทั้งต้องการให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือต่อประชาชนตามหลักประชาธิปไตย
ประการสำคัญการดำเนินการเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของ กฟผ.เป็นการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องสถานการณ์พลังงานไฟฟ้าของประเทศ ความต้องการใช้ไฟฟ้า และความจำเป็นที่จะต้องจัดหาพลังงานไฟฟ้าของประเทศเพิ่มขึ้น ข้อดี-ข้อจำกัดของเชื้อเพลิงชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะผลกระทบที่อาจเกิดจากการมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน อีกทั้ง กฟผ. ได้มีการชี้แจงเรื่องเทคโนโลยีในการป้องกันหรือลดผลกระทบให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดและขอยืนยันว่า กฟผ. ไม่เคยปิดกั้นการเข้ารับฟังของประชาชนในพื้นที่ และให้เกียรติประชาชนทุกคนเสมอเหมือนกัน
นายธาตรี ริ้วเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์การ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีการเสนอข่าว “ชาวหัวไทรลั่นไม่เอาโรงไฟฟ้า ถ่านหิน ในประเด็นที่ว่าชาวบ้าน ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช กว่า ๕๐๐ คน ร่วมคัดค้านในเวทีประชาสัมพันธ์ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช เนื่องจากเป็นเวทีหมกเม็ด และรับฟังความคิดเห็นตามขั้นตอนของ กฟผ. เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลด้านดีของโรงไฟฟ้าถ่านหินเพียงด้านเดียว นอกจากนี้การลงพื้นที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช เป็นการทำข้อมูลเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ กฟผ. ในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และพยายามยัดเยียดโรงไฟฟ้าถ่านหินให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยคนในพื้นที่ไม่มีโอกาสในการแสดงความคิดเห็น ทั้งที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
กฟผ. ขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการดำเนินการสำรวจประชามติ ซึ่งดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ภายใต้ชื่อโครงการ “โครงการสำรวจทัศนคติของประชาชนที่มีต่อการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ของ กฟผ. ในพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ปี2553”ซึ่ง กฟผ. ได้มีหนังสือแจ้งขออนุญาตต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ใน อ.หัวไทร เพื่อขอเข้าสำรวจฯโดยมติในที่ประชุมส่วนใหญ่ได้เลือกให้ ม.ราชภัฎนครศรีฯ เป็นสถาบันดำเนินการสำรวจ ทั้งนี้เป็นการดำเนินการโดยอิสระของอาจารย์ผู้วิจัย แม้ว่า กฟผ. จะเป็นผู้ว่าจ้างสถาบันต้นสังกัด แต่มิได้ก้าวล่วงเข้าไปกำหนด และดำเนินการต่าง ๆ ในวิธีการทางวิจัย เพื่อให้เกิดความเป็นกลางอย่างแท้จริง อีกทั้งต้องการให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือต่อประชาชนตามหลักประชาธิปไตย
ประการสำคัญการดำเนินการเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของ กฟผ.เป็นการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องสถานการณ์พลังงานไฟฟ้าของประเทศ ความต้องการใช้ไฟฟ้า และความจำเป็นที่จะต้องจัดหาพลังงานไฟฟ้าของประเทศเพิ่มขึ้น ข้อดี-ข้อจำกัดของเชื้อเพลิงชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะผลกระทบที่อาจเกิดจากการมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน อีกทั้ง กฟผ. ได้มีการชี้แจงเรื่องเทคโนโลยีในการป้องกันหรือลดผลกระทบให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดและขอยืนยันว่า กฟผ. ไม่เคยปิดกั้นการเข้ารับฟังของประชาชนในพื้นที่ และให้เกียรติประชาชนทุกคนเสมอเหมือนกัน
