นครศรีธรรมราช - แม่เฒ่าตาย-พ่อเฒ่าหมดลมตามธรรมชาติตายตามอย่างเหลือเชื่อ ก่อนหน้านี้พ่อพูดเป็นลาง “แม่มึงตายพ่อก็คงไม่อยู่บ้านนี้แล้ว”ลูกเผยไม่เคยทะเลาะ ควรยึดเป็นตัวอย่างชีวิตคู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเหตุการณ์ที่ได้สร้างความฉงนและมีเสียงโจษจันท์ถึงความรักแท้ของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าคู่ชีวิต ใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ที่ฝ่ายพ่อเฒ่าได้ดูแลปรนนิบัติแม่เฒ่าหลังจากล้มป่วยเดินไม่ได้มากว่า 5 ปี ด้วยความรักและหลังจากแม่เฒ่าหมดลม พ่อเฒ่าได้หมดลมตามไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องดังกล่าวจนพบว่าพ่อเฒ่าแม่เฒ่าที่เสียชีวิตไปพร้อมกันคือ คุณแม่ลาภ ศรีชัย อายุ 83 ปี และคุณพ่อเสงี่ยม ศรีชัย อายุ 88 ปี ซึ่งลูกหลานได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 48 ม.1 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ หลังจากที่ทั้งคู่ได้เสียชีวิตลงพร้อมกัน
ในงานตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ดังกล่าว ได้จัดบรรยากาศไว้อย่างสวยงาม มีการตั้งหีบศพของพ่อเฒ่า แม่เฒ่าทั้งคู่ท่ามกลางดงดอกไม้นานาพรรณ และน้ำตกจำลองรอบหีบศพ ท่ามกลางความสดชื่นของกลิ่นหอมดอกไม้ พร้อมไฟประดับอย่างงดงาม โดยมีภาพของทั้งคู่กอดคอกันยิ้มตั้งอยู่ต้อนรับแขกที่มาเคารพศพอย่างน่ารักราวกับเป็นงานมงคลอย่างใดอย่างหนึ่ง และทางเดินไปเคารพศพนั้นได้มีการติดบอร์ดภาพของทั้งคู่โดยมีหัวข้อว่า “เพราะเราคู่กันชั่วนิจนิรันดร์”
รวมทั้งภาพกิจกรรมต่างๆของครอบครัว โดยที่บรรยากาศโดยรวมนั้นแทบจะไม่มีความโศกเศร้ายกเว้นบุตรหลานและญาติมิตรที่ยังคงมีร่องรอยของความเศร้าที่สูญเสียผู้อาวุโสในครอบครัวทั้งคู่ไปอย่างไม่มีวันกลับ ขณะที่ญาติมิตรสหายและเพื่อนบ้านที่มาร่วม
นายณรงค์ ศรีชัย อายุ 50 ปี บุตรชายคนที่ 5 จากทั้งหมด 8 คน ซึ่งเป็นผู้ที่คอยดูแลพ่อเฒ่าเสงี่ยมและแม่เฒ่าลาภ มาโดยตลอดเปิดเผยว่าตนเองนั้นอยู่กับบ้านหลังนี้ ส่วนลูกคนอื่นๆ นั้นได้ไปทำงานและมีครอบครัวแยกย้ายไปอยู่ตามที่ต่างๆ และจะกลับบ้านมาดูเยี่ยมพ่อแม่เป็นระยะๆ ส่วนการเสียชีวิตนั้นแม่ได้เสียชีวิตลงพร้อมกันเมื่อเวลาประมาณ 01.30 ของวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา และพ่อได้เสียชีวิตหลังจากที่แม่เสียชีวิตไปได้ไม่นานโดยก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตนั้นพ่อได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้แม่ และจัดทำพิธีกรวดน้ำส่งดวงวิญญาณก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตตามไปอย่างเหลือเชื่อ
“คืนนั้นหลังจากเข้านอนกันหมดแล้ว แม่ซึ่งป่วยเดินไม่ได้มาเป็นเวลาราว 5 ปีแล้วนอนอยู่บนเตียงที่พ่อทำให้เป็นพิเศษ ขณะที่พ่อนอนอีกเตียงที่อยู่ใกล้กันเวลาประมาณ 01.30 น.พ่อและผมได้ยินเสียงแม่ร้องดัง “โอ๊ย” พ่อจีงรีบลุกขึ้นไปเปิดไฟและเปิดมุ้งของแม่ดูจึงพบว่าแม่หมดลมเสียชีวิตไปแล้วหลังจากนั้นพ่อจึงบอกว่าให้บอกลูกๆคนอื่น ก่อนที่จะมาช่วยกันอาบน้ำแต่งตัวให้แม่ ผมเป็นคนนั่งกอดแม่ส่วนพ่อนั้นเป็นคนเช็ดตัวอาบน้ำและเปลี่ยนผ้าใหม่ให้แม่ด้วยตัว โดยตลอดเวลาพ่อน้ำตาคลอเบ้าตลอด หลังจากนั้นพ่อได้นำผ้าที่แม่สวมนอนไปเก็บ และได้ยินเสียงพ่อร้องว่า “โอ๊ย อีเหมียดมึงมาหักเอวกูทำไม กูเดินไม่ไหวแล้วจะคุยกับแขกที่มางานได้อย่างไร” และพ่อบ่นว่าปวดเอว”
นายณรงค์ บุตรชายเล่าต่อว่า หลังจากนั้นจึงเริ่มมีอาการเป็นลมลูกๆ ที่อยู่ใกล้มาทัน จึงบอกว่าพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาล แต่พ่อบอกว่า “กูไม่เป็นอะไรจะไปหาหมอทำไมกูสบายดี” แต่ลูกๆและหลานเห็นว่าพ่อดูไม่ดีจึงรีบนำตัวส่ง รพ.ทุ่งสงเมื่อไปถึง รพ.ทุ่งสง แพทย์บอกว่าพบว่ามีเส้นเลือดโป่งพองในลำไส้ จะต้องผ่าตัดและให้แพทย์เฉพาะทางผ่าตัดสินใจส่งไปยัง รพ.มอ.หาดใหญ่ แต่เมื่อรถพยาบาลออกจาก รพ.ทุ่งสง ไปได้แค่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง พ่อเริ่มอาการไม่ดีพยาบาลจึงแวะ รพ.ป่าพะยอม พ่อจึงได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ หลังจากนั้นจึงนำพ่อกลับมารดน้ำศพพร้อมกับแม่ที่บ้านเป็นการสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกันอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เข้าใจว่าทั้งคู่เป็นคู่ชีวิตกันอย่างแท้จริงรักกันมายาวนาน ตนอายุ 50 ปีไม่เคยเห็นทะเลาะกันเลย เมื่อหมดอายุขัยได้หมดไปพร้อมกัน
น.ส.พิชญา ศรีชัย อายุ 48 ปี บุตรสาวอีกคนของพ่อเสงี่ยมและแม่ลาภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถือว่าทั้งพ่อและแม่เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตคู่ แม่เล่าให้ฟังถึงความรักที่มีต่อกันว่าแม่ได้แต่งงานกับพ่อตั้งแต่อายุ 15 ปีโดยมีสินสอด 90 บาท พ่อนั้นทำสวน ส่วนแม่ทำนา พ่อจะคอยดูแลแม่ สวนจะอยู่ใกล้บ้านมากกว่าพ่อจะรับหน้าที่หุงข้าวทำกับข้าวรอแม่ขึ้นมาจากนาแล้วมารับประทานพร้อมกัน ร่วมกันทำงานอย่างขยันขันแข็งสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นตัวอย่างให้ลูกมาโดยตลอด
“แต่เมื่อราว 5 ปีก่อนแม่ได้ล้มป่วยลงด้วยโรคเบาหวานเดินไม่ได้ พ่อจะเป็นคนคอยดูแลแม่ ฉีดยาเบาหวานให้แม่ คอยเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวให้ก่อนเช็ดตัวมีการหยอกล้อกันอย่างน่ารักเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวมาตบหัวแม่เบาๆอย่างรักใคร่ และเช็ดทุกส่วนอย่างไม่เคยรังเกียจ ล้างปัสสาวะ อุจจาระ เอากระโถนไปเททิ้ง ส่วนพี่ชายจะช่วยคอยดูแลเรื่องอาการการกินทำกับข้าวหุงหาอาหาร ตอนเช้าพ่อจะจัดสำรับให้แม่กินก่อน และนั่งดูแลจนแม่กินเสร็จพ่อถึงจะกิน ก่อนหน้านี้ไม่นานนักได้มาจัดการตกแต่งต่อเติมบ้าน พ่อบอกว่า “มึงไม่ต้องทำอะไรหรอก วันหนึ่งแม่มึงตายกูก็ไม่อยู่บ้านนี้แล้ว” แต่เข้าใจว่าน่าจะไปอยู่บ้านลูกๆคนอื่นแต่ไม่นึกว่าจะเป็นลางที่พ่อจะหมดอายุขัยไปพร้อมกับแม่ด้วยความรักที่มีต่อกัน”
พิชญา ยังบอกอีกว่าในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาเหมือนพ่อจะรู้ล่วงหน้าลูกหลานได้มาเยี่ยมมาหาทั้งพ่อและแม่ต่างอารมณ์ดีกันทั้งคู่มีการเปลี่ยนผ้าชุดใหม่ทั้งสองคน แล้วบอกว่ามันนี้จะถ่ายรูปให้สวยที่สุด จึงมีภาพที่พ่อกอดคอแม่ถ่ายรูปนั่งยิ้มอย่างน่ารัก แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันพ่อกับแม่มาเสียชีวิตลงพร้อมกัน ซึ่งหาได้ยากมากที่คนครองคู่มาเป็นเวลายาวนานมีความรักต่อกันอย่างนี้เมื่อเสียชีวิตลงยังเสียชีวิตพร้อมกัน
แม่เฒ่ารายหนึ่งที่เป็นเพื่อนกับพ่อเฒ่าเสงี่ยมและแม่ลาภบอกว่าตั้งแต่สมัยก่อนนั้นพ่อเฒ่าเสงี่ยมจะมีเพลงกล่อมลุกและเป็นเพลงประจำตัวของพ่อเฒ่าเสงี่ยมที่ร้องเป็นประจำคือมีเนื้อหาว่า “ลอยๆ กินหนมบัวลอยไม่ใส่น้ำตาล รักเราไม่ทันสู่ขอพี่ปลูกเรือนหอด้วยไม้กระดาน” ซึ่งเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันต่างรู้กันดีว่าทั้งคู่มีความรักต่อกันมาก
สำหรับกำหนดการบำเพ็ญกุศลศพของพ่อเฒ่าเสงี่ยมและแม่เฒ่าลาภนั้นมีรายงานว่าหลังจากที่เสียชีวิตลงลูกหลานได้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านเลขที่ 48 ม.1 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และมีกำหนดฌาปนกิจพร้อมกันในวันที่ 4 ก.พ.53 ที่เมรุวัดสำโรง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งการเสียชีวิตของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าทั้งคู่นั้นได้กลายเป็นเสียงโจทย์ขานถึงความรักของทั้งคู่และกลายเป็นตำนานของ ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง ไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเหตุการณ์ที่ได้สร้างความฉงนและมีเสียงโจษจันท์ถึงความรักแท้ของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าคู่ชีวิต ใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ที่ฝ่ายพ่อเฒ่าได้ดูแลปรนนิบัติแม่เฒ่าหลังจากล้มป่วยเดินไม่ได้มากว่า 5 ปี ด้วยความรักและหลังจากแม่เฒ่าหมดลม พ่อเฒ่าได้หมดลมตามไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องดังกล่าวจนพบว่าพ่อเฒ่าแม่เฒ่าที่เสียชีวิตไปพร้อมกันคือ คุณแม่ลาภ ศรีชัย อายุ 83 ปี และคุณพ่อเสงี่ยม ศรีชัย อายุ 88 ปี ซึ่งลูกหลานได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 48 ม.1 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ หลังจากที่ทั้งคู่ได้เสียชีวิตลงพร้อมกัน
ในงานตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ดังกล่าว ได้จัดบรรยากาศไว้อย่างสวยงาม มีการตั้งหีบศพของพ่อเฒ่า แม่เฒ่าทั้งคู่ท่ามกลางดงดอกไม้นานาพรรณ และน้ำตกจำลองรอบหีบศพ ท่ามกลางความสดชื่นของกลิ่นหอมดอกไม้ พร้อมไฟประดับอย่างงดงาม โดยมีภาพของทั้งคู่กอดคอกันยิ้มตั้งอยู่ต้อนรับแขกที่มาเคารพศพอย่างน่ารักราวกับเป็นงานมงคลอย่างใดอย่างหนึ่ง และทางเดินไปเคารพศพนั้นได้มีการติดบอร์ดภาพของทั้งคู่โดยมีหัวข้อว่า “เพราะเราคู่กันชั่วนิจนิรันดร์”
รวมทั้งภาพกิจกรรมต่างๆของครอบครัว โดยที่บรรยากาศโดยรวมนั้นแทบจะไม่มีความโศกเศร้ายกเว้นบุตรหลานและญาติมิตรที่ยังคงมีร่องรอยของความเศร้าที่สูญเสียผู้อาวุโสในครอบครัวทั้งคู่ไปอย่างไม่มีวันกลับ ขณะที่ญาติมิตรสหายและเพื่อนบ้านที่มาร่วม
นายณรงค์ ศรีชัย อายุ 50 ปี บุตรชายคนที่ 5 จากทั้งหมด 8 คน ซึ่งเป็นผู้ที่คอยดูแลพ่อเฒ่าเสงี่ยมและแม่เฒ่าลาภ มาโดยตลอดเปิดเผยว่าตนเองนั้นอยู่กับบ้านหลังนี้ ส่วนลูกคนอื่นๆ นั้นได้ไปทำงานและมีครอบครัวแยกย้ายไปอยู่ตามที่ต่างๆ และจะกลับบ้านมาดูเยี่ยมพ่อแม่เป็นระยะๆ ส่วนการเสียชีวิตนั้นแม่ได้เสียชีวิตลงพร้อมกันเมื่อเวลาประมาณ 01.30 ของวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา และพ่อได้เสียชีวิตหลังจากที่แม่เสียชีวิตไปได้ไม่นานโดยก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตนั้นพ่อได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้แม่ และจัดทำพิธีกรวดน้ำส่งดวงวิญญาณก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตตามไปอย่างเหลือเชื่อ
“คืนนั้นหลังจากเข้านอนกันหมดแล้ว แม่ซึ่งป่วยเดินไม่ได้มาเป็นเวลาราว 5 ปีแล้วนอนอยู่บนเตียงที่พ่อทำให้เป็นพิเศษ ขณะที่พ่อนอนอีกเตียงที่อยู่ใกล้กันเวลาประมาณ 01.30 น.พ่อและผมได้ยินเสียงแม่ร้องดัง “โอ๊ย” พ่อจีงรีบลุกขึ้นไปเปิดไฟและเปิดมุ้งของแม่ดูจึงพบว่าแม่หมดลมเสียชีวิตไปแล้วหลังจากนั้นพ่อจึงบอกว่าให้บอกลูกๆคนอื่น ก่อนที่จะมาช่วยกันอาบน้ำแต่งตัวให้แม่ ผมเป็นคนนั่งกอดแม่ส่วนพ่อนั้นเป็นคนเช็ดตัวอาบน้ำและเปลี่ยนผ้าใหม่ให้แม่ด้วยตัว โดยตลอดเวลาพ่อน้ำตาคลอเบ้าตลอด หลังจากนั้นพ่อได้นำผ้าที่แม่สวมนอนไปเก็บ และได้ยินเสียงพ่อร้องว่า “โอ๊ย อีเหมียดมึงมาหักเอวกูทำไม กูเดินไม่ไหวแล้วจะคุยกับแขกที่มางานได้อย่างไร” และพ่อบ่นว่าปวดเอว”
นายณรงค์ บุตรชายเล่าต่อว่า หลังจากนั้นจึงเริ่มมีอาการเป็นลมลูกๆ ที่อยู่ใกล้มาทัน จึงบอกว่าพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาล แต่พ่อบอกว่า “กูไม่เป็นอะไรจะไปหาหมอทำไมกูสบายดี” แต่ลูกๆและหลานเห็นว่าพ่อดูไม่ดีจึงรีบนำตัวส่ง รพ.ทุ่งสงเมื่อไปถึง รพ.ทุ่งสง แพทย์บอกว่าพบว่ามีเส้นเลือดโป่งพองในลำไส้ จะต้องผ่าตัดและให้แพทย์เฉพาะทางผ่าตัดสินใจส่งไปยัง รพ.มอ.หาดใหญ่ แต่เมื่อรถพยาบาลออกจาก รพ.ทุ่งสง ไปได้แค่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง พ่อเริ่มอาการไม่ดีพยาบาลจึงแวะ รพ.ป่าพะยอม พ่อจึงได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ หลังจากนั้นจึงนำพ่อกลับมารดน้ำศพพร้อมกับแม่ที่บ้านเป็นการสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกันอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เข้าใจว่าทั้งคู่เป็นคู่ชีวิตกันอย่างแท้จริงรักกันมายาวนาน ตนอายุ 50 ปีไม่เคยเห็นทะเลาะกันเลย เมื่อหมดอายุขัยได้หมดไปพร้อมกัน
น.ส.พิชญา ศรีชัย อายุ 48 ปี บุตรสาวอีกคนของพ่อเสงี่ยมและแม่ลาภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถือว่าทั้งพ่อและแม่เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตคู่ แม่เล่าให้ฟังถึงความรักที่มีต่อกันว่าแม่ได้แต่งงานกับพ่อตั้งแต่อายุ 15 ปีโดยมีสินสอด 90 บาท พ่อนั้นทำสวน ส่วนแม่ทำนา พ่อจะคอยดูแลแม่ สวนจะอยู่ใกล้บ้านมากกว่าพ่อจะรับหน้าที่หุงข้าวทำกับข้าวรอแม่ขึ้นมาจากนาแล้วมารับประทานพร้อมกัน ร่วมกันทำงานอย่างขยันขันแข็งสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นตัวอย่างให้ลูกมาโดยตลอด
“แต่เมื่อราว 5 ปีก่อนแม่ได้ล้มป่วยลงด้วยโรคเบาหวานเดินไม่ได้ พ่อจะเป็นคนคอยดูแลแม่ ฉีดยาเบาหวานให้แม่ คอยเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวให้ก่อนเช็ดตัวมีการหยอกล้อกันอย่างน่ารักเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวมาตบหัวแม่เบาๆอย่างรักใคร่ และเช็ดทุกส่วนอย่างไม่เคยรังเกียจ ล้างปัสสาวะ อุจจาระ เอากระโถนไปเททิ้ง ส่วนพี่ชายจะช่วยคอยดูแลเรื่องอาการการกินทำกับข้าวหุงหาอาหาร ตอนเช้าพ่อจะจัดสำรับให้แม่กินก่อน และนั่งดูแลจนแม่กินเสร็จพ่อถึงจะกิน ก่อนหน้านี้ไม่นานนักได้มาจัดการตกแต่งต่อเติมบ้าน พ่อบอกว่า “มึงไม่ต้องทำอะไรหรอก วันหนึ่งแม่มึงตายกูก็ไม่อยู่บ้านนี้แล้ว” แต่เข้าใจว่าน่าจะไปอยู่บ้านลูกๆคนอื่นแต่ไม่นึกว่าจะเป็นลางที่พ่อจะหมดอายุขัยไปพร้อมกับแม่ด้วยความรักที่มีต่อกัน”
พิชญา ยังบอกอีกว่าในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาเหมือนพ่อจะรู้ล่วงหน้าลูกหลานได้มาเยี่ยมมาหาทั้งพ่อและแม่ต่างอารมณ์ดีกันทั้งคู่มีการเปลี่ยนผ้าชุดใหม่ทั้งสองคน แล้วบอกว่ามันนี้จะถ่ายรูปให้สวยที่สุด จึงมีภาพที่พ่อกอดคอแม่ถ่ายรูปนั่งยิ้มอย่างน่ารัก แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันพ่อกับแม่มาเสียชีวิตลงพร้อมกัน ซึ่งหาได้ยากมากที่คนครองคู่มาเป็นเวลายาวนานมีความรักต่อกันอย่างนี้เมื่อเสียชีวิตลงยังเสียชีวิตพร้อมกัน
แม่เฒ่ารายหนึ่งที่เป็นเพื่อนกับพ่อเฒ่าเสงี่ยมและแม่ลาภบอกว่าตั้งแต่สมัยก่อนนั้นพ่อเฒ่าเสงี่ยมจะมีเพลงกล่อมลุกและเป็นเพลงประจำตัวของพ่อเฒ่าเสงี่ยมที่ร้องเป็นประจำคือมีเนื้อหาว่า “ลอยๆ กินหนมบัวลอยไม่ใส่น้ำตาล รักเราไม่ทันสู่ขอพี่ปลูกเรือนหอด้วยไม้กระดาน” ซึ่งเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันต่างรู้กันดีว่าทั้งคู่มีความรักต่อกันมาก
สำหรับกำหนดการบำเพ็ญกุศลศพของพ่อเฒ่าเสงี่ยมและแม่เฒ่าลาภนั้นมีรายงานว่าหลังจากที่เสียชีวิตลงลูกหลานได้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านเลขที่ 48 ม.1 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และมีกำหนดฌาปนกิจพร้อมกันในวันที่ 4 ก.พ.53 ที่เมรุวัดสำโรง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งการเสียชีวิตของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าทั้งคู่นั้นได้กลายเป็นเสียงโจทย์ขานถึงความรักของทั้งคู่และกลายเป็นตำนานของ ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง ไปแล้ว
