รวบสองผัวเมียตีนแมวช่างต่อเติมบ้าน อาศัยจำช่องทางย้อนกลับเข้ามาลักทรัพย์ หลังถูกว่าจ้างให้ไปซ่อมแซมบ้าน โดยกลับมาถอดกระเบื้องหลังคาออก ก่อนโรยตัวรื้อค้นทรัพย์ในบ้าน แล้วหยิบหลังคามาปิดไว้ตามเดิม ทำมาแล้ว 2 ครั้ง กะซ้ำครั้งที่ 3 แต่เจ้าของบ้านกลับมาเจอเลยเผ่นหนี เหยื่อจำรองเท้าได้ว่าเป็นคนงานเคยมาต่อเติมบ้าน ตำรวจตามจับได้พร้อมของกลาง
วันนี้ (2 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ สน.พญาไท พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ต.กฤษณะ สุกันทะ สว.สส.สน.พญาไท พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสายชน หรือ ตี๋ สอนสุภาพ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 4 ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย และ นางศิริวรรณ หรือ ตั๊ก สอนสุภาพ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 5 ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง สองสามีภรรยา พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ พระเครื่อง นาฬิกา ต่างหู ทองรูปพรรณ เครื่องประดับ และของกลางอีกหลายรายการ มูลค่าแสนบาท
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา นางละเอียด โฮ่วรังกูร ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สน.พญาไท ว่า ถูกคนร้ายบุกเข้าไปลักทรัพย์สิน ภายในบ้านพักของตนเองเลขที่ 119/423 ซอยเฉลิมลาภ แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี มีทรัพย์สินถูกขโมยไปจำนวน 21 รายการ มูลค่า 413,500 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่หาข่าวจนพบหลักฐานว่า นายสายชน น่าจะเป็นคนร้ายที่เข้ามาลักทรัพย์ จึงได้เฝ้าติดตามสังเกตพฤติกรรมตลอด
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อไปว่า จนกระทั่งเมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ เจ้าหน้าที่พบ นางศิริวรรณ ภรรยาของนายสายชน เดินถือโทรศัพท์มือถือรุ่นตรงกับที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ ออกมาจากบ้านเลขที่ 119/44 ซอยเฉลิมลาภ แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี จึงได้เข้าไปขอตรวจสอบ พบว่า เป็นโทรศัพท์ของผู้เสียหายจริง ระหว่างนั้น นายสายชล ได้เดินออกมาจากบ้านพอดี และที่นิ้วมือ โดยนิ้วนางข้างซ้ายมีแหวนของผู้เสียหายสวมอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านก็พบทรัพย์สินของกลางอีกจำนวนมาก จึงยึดไว้ตรวจสอบก่อนควบคุมตัวทั้ง 2 คน มาสอบปากคำที่ สน.พญาไท
จากการสอบสวน นายสายชน ให้การรับสารภาพว่า ตนทำงานเป็นพนักงานส่งของอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านสามเสน และรับจ้างต่อเติมบ้านเป็นอาชีพเสริม เมื่อมีลูกค้ามาว่าจ้างตนให้เข้าไปซ่อมแซม หรือต่อเติมบ้าน ตนก็จะคอยดูลาดเลา และจำทางหนีทีไล่ไว้ หลังจากนั้น ก็จะมาแอบปีนเข้าบ้าน เพื่อเข้าไปขโมยของ โดยเฉลี่ยจะทำเดือนละ 2 ครั้ง
“ส่วนบ้านของผู้เสียหายเลขที่ 119/423 นั้น ผมเคยเข้าไปต่อเติมด้านหลังบ้านเอาไว้ ก็เลยปีนขึ้นไปบนหลังคาช่วงที่เป็นคนต่อเติมเองแล้วถอดกระเบื้องหลังคาออก ก่อนจะโรยตัวลงมาแล้วรื้อค้นทรัพย์ในบ้าน จากนั้นก็หยิบหลังคามาปิดไว้ตามเดิม ซึ่งทำสำเร็จมาแล้วสองครั้ง ในวันที่ 30 ส.ค.กับวันที่ 14 ก.ย.ได้ทรัพย์สินไปหลายรายการโดยที่เจ้าของบ้านเขาไม่รูตัว แต่ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.ย.เจ้าของบ้านกลับมาพอดี เลบรีบหนีออกมาโดยไม่รู้ว่า เจ้าของบ้านจำรองเท้าที่ผมถอดวางไว้บนหลังคาได้ ทำให้ถูกตามจับในที่สุด” นายสายชน กล่าว
ด้าน พ.ต.ต.กฤษณะ กล่าวว่า วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา นายสายชน ได้ปีนขึ้นไปบนหลังคาชั้นที่ 2 แล้ว ถอดรองเทาทิ้งไว้บนหลังคา ระหว่างนั้นผู้เสียหายได้กลับเข้ามาที่บ้านพอดี แล้วขึ้นไปบนชั้นที่ 3 ของตัวบ้าน ก็มองเห็นรองเท้าของคนร้ายวางอยู่พอดี จึงรีบวิ่งลงมา แล้ววิ่งไปตามเพื่อนบ้านมาช่วย แต่เมื่อกลับมาผู้ต้องหาก็หลบหนีไปแล้ว พร้อมกับรองเท้าและทรัพย์สิน แต่ผู้เสียหายสามารถจดจำรองเท้าได้ ว่า เป็นของนายสายชน ที่เคยใส่มาซ่อมแซมต่อเติมบ้าน เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่สืบสวนจนกระทั่งสามารถจับกุมได้ดังกล่าว เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (2 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ สน.พญาไท พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ต.กฤษณะ สุกันทะ สว.สส.สน.พญาไท พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสายชน หรือ ตี๋ สอนสุภาพ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 4 ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย และ นางศิริวรรณ หรือ ตั๊ก สอนสุภาพ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 5 ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง สองสามีภรรยา พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ พระเครื่อง นาฬิกา ต่างหู ทองรูปพรรณ เครื่องประดับ และของกลางอีกหลายรายการ มูลค่าแสนบาท
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา นางละเอียด โฮ่วรังกูร ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สน.พญาไท ว่า ถูกคนร้ายบุกเข้าไปลักทรัพย์สิน ภายในบ้านพักของตนเองเลขที่ 119/423 ซอยเฉลิมลาภ แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี มีทรัพย์สินถูกขโมยไปจำนวน 21 รายการ มูลค่า 413,500 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่หาข่าวจนพบหลักฐานว่า นายสายชน น่าจะเป็นคนร้ายที่เข้ามาลักทรัพย์ จึงได้เฝ้าติดตามสังเกตพฤติกรรมตลอด
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อไปว่า จนกระทั่งเมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ เจ้าหน้าที่พบ นางศิริวรรณ ภรรยาของนายสายชน เดินถือโทรศัพท์มือถือรุ่นตรงกับที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ ออกมาจากบ้านเลขที่ 119/44 ซอยเฉลิมลาภ แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี จึงได้เข้าไปขอตรวจสอบ พบว่า เป็นโทรศัพท์ของผู้เสียหายจริง ระหว่างนั้น นายสายชล ได้เดินออกมาจากบ้านพอดี และที่นิ้วมือ โดยนิ้วนางข้างซ้ายมีแหวนของผู้เสียหายสวมอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านก็พบทรัพย์สินของกลางอีกจำนวนมาก จึงยึดไว้ตรวจสอบก่อนควบคุมตัวทั้ง 2 คน มาสอบปากคำที่ สน.พญาไท
จากการสอบสวน นายสายชน ให้การรับสารภาพว่า ตนทำงานเป็นพนักงานส่งของอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านสามเสน และรับจ้างต่อเติมบ้านเป็นอาชีพเสริม เมื่อมีลูกค้ามาว่าจ้างตนให้เข้าไปซ่อมแซม หรือต่อเติมบ้าน ตนก็จะคอยดูลาดเลา และจำทางหนีทีไล่ไว้ หลังจากนั้น ก็จะมาแอบปีนเข้าบ้าน เพื่อเข้าไปขโมยของ โดยเฉลี่ยจะทำเดือนละ 2 ครั้ง
“ส่วนบ้านของผู้เสียหายเลขที่ 119/423 นั้น ผมเคยเข้าไปต่อเติมด้านหลังบ้านเอาไว้ ก็เลยปีนขึ้นไปบนหลังคาช่วงที่เป็นคนต่อเติมเองแล้วถอดกระเบื้องหลังคาออก ก่อนจะโรยตัวลงมาแล้วรื้อค้นทรัพย์ในบ้าน จากนั้นก็หยิบหลังคามาปิดไว้ตามเดิม ซึ่งทำสำเร็จมาแล้วสองครั้ง ในวันที่ 30 ส.ค.กับวันที่ 14 ก.ย.ได้ทรัพย์สินไปหลายรายการโดยที่เจ้าของบ้านเขาไม่รูตัว แต่ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.ย.เจ้าของบ้านกลับมาพอดี เลบรีบหนีออกมาโดยไม่รู้ว่า เจ้าของบ้านจำรองเท้าที่ผมถอดวางไว้บนหลังคาได้ ทำให้ถูกตามจับในที่สุด” นายสายชน กล่าว
ด้าน พ.ต.ต.กฤษณะ กล่าวว่า วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา นายสายชน ได้ปีนขึ้นไปบนหลังคาชั้นที่ 2 แล้ว ถอดรองเทาทิ้งไว้บนหลังคา ระหว่างนั้นผู้เสียหายได้กลับเข้ามาที่บ้านพอดี แล้วขึ้นไปบนชั้นที่ 3 ของตัวบ้าน ก็มองเห็นรองเท้าของคนร้ายวางอยู่พอดี จึงรีบวิ่งลงมา แล้ววิ่งไปตามเพื่อนบ้านมาช่วย แต่เมื่อกลับมาผู้ต้องหาก็หลบหนีไปแล้ว พร้อมกับรองเท้าและทรัพย์สิน แต่ผู้เสียหายสามารถจดจำรองเท้าได้ ว่า เป็นของนายสายชน ที่เคยใส่มาซ่อมแซมต่อเติมบ้าน เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่สืบสวนจนกระทั่งสามารถจับกุมได้ดังกล่าว เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป
