ชุมพร-ตำรวจน้ำชุมร จับกุมตัวลูกเรือประมงชาวเวียดนาม 19 คน พร้อมเรือประมงอีก 2 ลำ ขณะกำลังลักลอบทำการประมงในน่านน้ำทะเลไทยใกล้ฝั่งจังหวัดชุมพร ประมาณ 10 ไมล์ทะเล
วันนี้ (16 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น.นายสุรพล วานิชเสนี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.บุญเลิศ ศรีนวล สว.ส.รน.1 กก.6 บก.รน.ชุมพร ว่า ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ เข้าทำการจับกุม และควบคุมตัวชาวเวียดนาม จำนวน 19 คน พร้อมเรือประมง จำนวน 2 ลำ ขณะกำลังลักลอบเข้ามาทำการประมงในทะเลอ่าวไทยใกล้ฝั่ง จ.ชุมพร
ทั้งนี้ ขณะที่เรือตรวจการณ์ตำรวจน้ำ 2 ลำ หมายเลข 515 และ 532 พร้อมกำลังพล ออกตรวจตราในพื้นที่รับผิดชอบน่านน้ำทะเลห่างจากฝั่ง จ.ชุมพร ประมาณ 10 ไมล์ทะเล บริเวณเกาะมาตรา ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร ได้สังเกตเห็นเรือประมงสัญชาติเวียดนาม จำนวน 2 ลำ จึงเข้าทำการตรวจสอบ พบลำแรกชื่อเรือ”HOANG” มีลูกเรือชาวเวียนนาม จำนวน 10 คน
อีกลำชื่อ “YHUONG” มีลูกเรือ จำนวน 9 คน รวม 2 ลำ 19 คน ตรวจสอบภายในเรือพบ อวนจับปลา เบ็ดราว เสบียงอาหาร และเครื่องมือทำการประมงอื่น ๆ อีกหลายรายการ รวมทั้งถังใส่น้ำมันเชื้อเพลิงสำรอง พร้อมปลามังกร ปลาหมึก ปลาชนิดต่าง ๆ อีกจำนวนมาก จึงควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผล
จากการสอบสวนทราบว่า ลูกเรือทั้ง 2 ลำ เป็นชาวเมืองกาเมา ประเทศเวียดนาม ได้อำพรางแฝงตัวทำทีเป็นเรือประมงชาวไทย ลักลอบเข้ามาจับปลาตามพื้นที่ต่าง ๆ ในทะเลอ่าวไทย เรื่อยมาจนกระทั่งห่างจากฝั่งบริเวณพื้นที่ จ.ชุมพร ประมาณ 10 ไมล์ทะเล ซึ่งมีสัตว์น้ำชุกชุม โดยเฉพาะการจับปลามังกร เพื่อผ่าเอากระเพาะไปขาย ซึ่งมีราคาแพง เป็นที่ต้องการบริโภคของชาวเวียดนาม ชาวจีน และชาวฮ่องกง เป็นอย่างมาก
โดยจะใช้เวลาลักลอบเข้ามาทำการประมงอยู่กลางทะเลครั้งละ 5–7 วัน เมื่อได้ปลาเป็นจำนวนมากแล้ว จะแล่นเรือกลับเข้าประเทศ นำไปขายให้พ่อค้าชาวเวียดนาม โดยในรอบปีที่ผ่านมาตำรวจน้ำ สามารถจับกุมชาวเวียดนามลักลอบเข้ามาจับปลาในพื้นที่ จ.ชุมพร ได้แล้วเกือบ 100 คน พร้อมยึดเครื่องมือทำการประมง เรือประมงได้จำนวนหลายลำ
หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวชาวเวียดนาม พร้อมเรือประมง และของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำชุมพร ดำเนินคดีในข้อหา “ใช้เรือประมงทำการประมงในเขตการประมงไทย ,เป็นบุคคลต่างด้าวทำหน้าที่เป็นลูกเรือประมงในเขตการประมงไทย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการทำประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.2539 และเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่เข้ามาตามช่องทางที่กำหนด” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
