ตราด - ต่ออายุสัมปทานประมงไทยในน่านน้ำกัมพูชาฉลุยกว่าเดิม เผย 3 วันมี 80 ลำ คาดมีมากถึง 300-400 ลำ นายกสมาคมประมงฯ ตราดระบุคณะกรรมการใหญ่คุมเข้มแก้ปัญหาออกตั๋วผีให้เรือไทย แก้ปัญหาทุจริต
ความคืบหน้าการต่ออายุสัมปทานทำประมงในน่านน้ำกัมพูชาของเรือประมงไทย หลังจากมีการเปลี่ยนตัวผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกงเป็นคนใหม่ทำให้อายุสัมปทานเดิมของเรือประมงไทยหมดลง ล่าสุด นายฐิติกร โลหะคุปต์ นายกสมาคมประมง จ.ตราด เปิดเผยว่า หลังจากทางการกัมพูชาได้มอบหมายให้นายพัด สุภาภา ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของสมเด็จฮุนเซน และสมาชิกวุฒิสภา จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา นายบุญเลิด พรหมณ์เกสร ผู้ว่าราชการ จ.เกาะกง และ พล.ร.ต.เตีย โสกา รอง ผบ.ทหารเรือ เป็นคณะกรรมการที่มีหน้าที่ออกใบอนุญาตหรือตั๋วน้ำให้กับเรือประมงไทย ที่จะเข้าไปจับปลาในน่านน้ำกัมพูชาเพียงชุดเดียว โดยไม่มีส่วนราชการอื่นเกี่ยวข้องแล้ว ทางกัมพูชาได้เปิดให้เรือประมงไทยสามารถเข้าไปซื้อตั๋วน้ำได้ตั้งแต่บ่ายวันที่ 4 ธันวาคม 2552 เป็นต้นมา ปรากฏว่ามีเรือประมงไทยจำนวนเกือบ 30 ลำ เข้าไปขอต่อใบอนุญาตหรือซื้อตั๋วสัมปทานทำประมงหรือตั๋วน้ำแล้ว ที่สำนักงานชั่วคราวในโรงแรมเกาะกงอินเตอร์เนชั่นแนล แอนด์ รีสอร์ท คลับ จำกัด ซึ่งการต่อใบอนุญาตไม่ประสบปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ และง่ายกว่าการต่อใบอนุญาตในคราวก่อน
“รัฐบาลกัมพูชาได้มอบสิทธิขาดในการจัดระเบียบให้กับคณะกรรมการชุดนี้เพียงชุดเดียวมีตัวแทนจากรัฐบาล คือ นายพัด สุภาภา และฝ่ายทหารเรือ พล.ร.ต.เตีย โสกา และตัวแทนจาก จ.เกาะกง คือ นายบุญเลิด พรหมณ์เกสร หรือเป็นฝ่ายอำนวยการ ที่จะเป็นคนกำหนดพื้นที่ ทำประมง คิดค่าตั๋วน้ำ และออกตั๋วน้ำให้กับเรือประมงไทยทุกลำที่มาขอซื้อตั๋วน้ำ ที้งนี้ เพื่อความสะดวกและควบคุมได้ง่าย รวมทั้งป้องกันมิให้หน่วยงานอื่น เช่น ตำรวจน้ำ ประมง ศุลกากร หรือหน่วยงานอื่นที่เคยออกตั๋วผีให้กับเรือประมงไทยจะลดบทบาท เป็นแค่หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ไม่มีอำนาจในการออกตั๋วน้ำอีกแล้ว เพื่อป้องกันการทำทุจริตและออกตั๋วผี”
นายกสมาคมการประมงจังหวัดตราด กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการกระทำทุจริตจนรัฐบาลกลางมีรายได้จากค่าสัมปทานน้อย ทำให้ต้องมีการแก้ไข ซึ่งวิธีการนี้นับว่าดีและไม่ยุ่งยากกับผู้ประกอบการประมงไทย ที่บางครั้งต้องวิ่งผ่านนายหน้าเพื่อให้ได้ตั๋วน้ำมา บางครั้งเข้าหาหน่วยงานท้องถิ่นที่ออกตั๋วผีให้ ซึ่งครั้งนี้คงทำได้ยากมากขึ้น
สำหรับอัตราค่าสัมปทานหรือซื้อตั๋วน้ำนั้น คณะกรรมการได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า จะคิดค่าสัมปทานประมงอย่างไรขึ้นอยู่กับ ขนาดของเรือประมางมีความายาวกี่วา เรือประมงใช้อุปกรณ์ในการจับปลา เช่น อวนครอบ อวนลาก หรือใช้ปั่นไฟ และระยะเวลาลดจาก 45 วัน เหลือ 36 วัน เพื่อความสะดวกในการคิดคำนวน โดยเรืออวนครอบขนาดต่ำกว่า 8 วา จะคิด 30, 000 บาท/30 วัน มากกว่า 8 วา จะคิด 45,000 บาท/ 30 วัน ในพื้นที่กำหนด (เป็นล็อก) หากต้องการมากกว่านี้จะต้องคำนวนเพิ่มขึ้นตามอัตรา แต่จะมีส่วนลดให้บ้าง
ส่วนอวนลากคู่คิดเป็นเรือ 2 ลำเวลา 30 วัน เหมือนกันจะคิด 21,000 บาท หากเรือมีความยาวมากก็จะคิดเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่การขออนุญาตจะมีระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคม-เมษายน 2553 (เป็นเดือนที่มีปลาชุกชุมและจับปลาได้) และขออนุญาตเป็นรายเดือน ไม่จำเป็นต้องเหมาทุกเดือน และคาดว่าจะมีเรือประมงไม่ต่ำกว่า 300 ลำเข้ามาขออนุญาตทำประมงในน่านน้ำกัมพูชา
นายฐิติกรกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับต้นทุนของผู้ประกอบการประมงจะมีค่าใช้จ่ายหลักอยู่ที่ค่าน้ำมันประมาณ 50% ค่าแรงงาน 30% และค่าตั๋วน้ำในกัมพูชาอีก 10% ซึ่งหากค่าสัมปทานสูงก็อาจจะทำให้ธุรกิจประมงอยู่ไม่ได้
ขณะที่ นายประเสริฐ ศิริ ประธานหอการค้า จ.ตราด และผู้ประกอบการประมง กล่าวว่า การต่อใบอนุญาตของเรือประมงไทยเป็นไปด้วยความสะดวกแม้จะติดขัดในเรื่องธุรการบ้างก็เพราะมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าหน้าที่ยุคใหม่ในการประสานงานซึ่ง 3 วันที่ผ่านมามีเรือประมงไทยเข้ามาต่อสัมปทานแล้ว ไม่ต่ำกว่า 80 ลำ และสามารถเข้าไปทำประมงได้ทันที และเชื่อว่าจะมีเรือประมงกว่า 300 ลำเข้ามาทำประมงในน่านน้ำกัมพูชาในรอบใหม่นี้
“รัฐบาลกัมพูชาต้องการแก้ปัญหาตั๋วผีที่เรือประมงไทยให้หน่วยงานของเกาะกง ออกโดยลำพังทั้งตำรวจน้ำ ประมง หรือศุลกากร ออกให้ ซึ่งครั้งนี้จะมีเพียงผู้ว่าฯ เกาะกงเท่านั้นที่รับผิดชอบร่วมกับฝ่ายทหารเรือและตัวแทนจากรัฐบาล ซึ่งเป็นธรรมและถูกต้องมากกว่าเดิม ค่าสัมปทานก็เท่าเดิม แม้จะลดเวลาจาก 45 วันเหลือ 30 วัน ก็ลดค่าสัมปทานให้ ซึ่งรัฐบาลเขาพร้อมเพราะเขามีรายได้จากเรามากกว่าเดือนละ 30-40 ล้านบาท หรือ 1 ปี มากกว่า 300 ล้านบาท”นายประเสริฐ กล่าว
