"ชาววังตาหงา" จี้ผู้ว่าฯสตูลสั่งหยุดขุดสระทำลายทรัพยากรป่าต้นน้ำ

สตูล – ชาวบ้านชุมชนวังตาหงา พร้อมด้วยเครือข่ายความร่วมมืออนุรักษ์พิทักษ์ทรัพยากรป่าต้นน้ำ จังหวัดสตูล เรียกร้องขอความเป็นธรรม ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ให้หยุดโครงการขุดลอกสระอ่างเก็บน้ำวังตาหงา

วันนี้ (5 ม.ค.) ชาวบ้านในชุมชนวังตาหงา บ้านท่างอ หมู่ที่ 5 ต.ควนสตอ อ.ควนโดน พร้อมด้วยเครือข่ายความร่วมมืออนุรักษ์พิทักษ์ทรัพยากรป่าต้นน้ำ จังหวัดสตูลกว่า 50 คน เดินทางมาชุมนุม เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อนายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ยังศาลากลางจังหวัดสตูล พร้อมชูป้ายหยุดทำลายธรรมชาติ และร่วมกันละหมาดฮาหยัดเพื่อขอพรจากพระเจ้าเพื่อให้กิจกรรมที่ทำลุล่วงไปได้ด้วยดี

พร้อมยื่นหนังสือขอให้มีการยุติการขุดสระน้ำ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัง” หรือบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ ในโครงการขุดลอกสระอ่างเก็บน้ำวังตาหงา และการปรับสภาพพื้นที่ ที่ทำการก่อสร้างเพื่อการท่องเที่ยว ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล

โดยชาวบ้านเหล่านี้เห็นว่าโครงการดังกล่าวซึ่งมี องค์การบริหารส่วนตำบลควนสตอเป็นเจ้าของเรื่องไม่โปร่งใส เพราะการก่อสร้างในพื้นที่ป่าชุมชนไม่มีการทำประชาพิจารใดๆ ทั้งสิ้นถึงความต้องการของชาวบ้าน แม้ชาวบ้านจะพยายามถึง 2 ครั้งในการคัดค้านแต่ก็ไม่ได้รับการสนใจจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด

นายศักดิ์เกรีย หมีนโฉ๊ะ อายุ 30 ปี ประธานเครือข่ายความร่วมมืออนุรักษ์พิทักษ์ทรัพยากรป่าต้นน้ำ จังหวัดสตูลหนึ่งในแกนนำชุมชนเรียกร้องและยื่นหนังสือในครั้งนี้กับผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล บอกว่า ความพยายามของ อบต.ควนสตอ ทำให้ชาวบ้านคลางแคลงใจถึงการทำงานที่ไม่โปร่งใส ประกอบกับการทำไปโดยไม่สอบถามความต้องการของชาวบ้าน เนื่องจาก “วัง” หรือบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ในหมู่บ้านแห่งนี้ถือเป็นแหล่งต้นน้ำในชุมชนในการใช้การเกษตร แหล่งอาหารชั้นยอดที่หล่อเลี้ยงปากท้องชาวบ้านในชุมชนตลอดทั้งปี ที่มีความหลากหลายทางพืชพันธุ์และเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้านในชุมชน

ชาวบ้านจึงออกมาเรียกร้องสิทธิ์เพราะถูกกระทบกับสุขภาวะ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และปัญญา ด้วยการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยสุขภาพ ปี พ.ศ.2552 และเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ย่ำยีสิทธิ ชุมชน ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย พ.ศ.2550 ว่าด้วยสุทธิชุมชน มาตรา 66-67

หลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้รับปากจะสั่งระงับการขุดสระดังกล่าว และจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมจะให้มีการทำประชาพิจารณ์ สร้างความพอใจให้กับผู้ชุมชนและยอมสลายตัวในที่สุด