xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายพิทักษ์ป่าน่านรุมค้านรัฐอุ้มม้งรุกป่าต้นน้ำ-ขวางจ่ายชดเชย 153 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


น่าน – เครือข่ายกลุ่มราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่าพระธาตุต้นน้ำเปือเมืองน่าน รุมค้านรัฐบาลจ่ายเงิน 153 ล้านบาท ชดเชยค่าเสียหายให้ชาวม้งที่บุกรุกป่าต้นน้ำ

นายโสภณ ศรีมาเหล็ก สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดน่าน และนายธวัช คำยันต์ กำนันตำบลพระธาตุ อ.เชียงกลาง พร้อมด้วยคณะกรรมการเครือข่ายกลุ่มราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่าตำบลพระธาตุต้นน้ำเปือ และชาวบ้านตำบลพระธาตุ ตำบลเชียงกลาง และตำบลเปือ กว่า 100 คน ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดน่าน เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการที่รัฐบาลเตรียมจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้ชาวเขาเผ่าม้ง ตำบลป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน จำนวน 114 ครอบครัว ที่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำเปือ ทำสวนลิ้นจี่ จำนวน 1,665 ไร่ และเกิดความขัดแย้งกับชาวบ้านที่อนุรักษ์ป่า

จนมีการตัดโค่นต้นลิ้นจี่ของชาวม้ง เมื่อปี พ.ศ.2543 ซึ่งกลุ่มชาวม้งได้ร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ.2546 โดยกรณีพิพาทดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนและวินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมาธิการ 3 คณะ ได้แก่ คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา , คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภควุฒิสภา , คณะกรรมาธิการยุติธรรมและตำรวจวุฒิสภา ซึ่งล่าสุดมีรายงานข่าวว่ารัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาชาวม้ง จำนวนเงิน 153 ล้านบาท

นายธวัช คำยันต์ กำนันตำบลพระธาตุ กล่าวว่า การที่รัฐบาลเตรียมให้ความช่วยเหลือชาวเขาเผ่าม้งที่บุกรุกป่า ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยชดเชยค่าเสียหาย และให้ ธ.ก.ส.พักชำระหนี้กับชาวม้ง ที่ถูกตัดโค่นต้นลิ้นจี่ รวมทั้งให้มีการพิสูจน์สิทธิในที่ดินที่พิพาท พวกเราจึงออกมา เพื่อแสดงเจตนาคัดค้านและขอให้รัฐบาลทบทวนข้อเรียกร้องของชาวเขาเผ่าม้ง

โดยนอกจากจะคัดค้านการจ่ายเงินชดเชย ยังต้องการให้รัฐบาลดำเนินการตามกฎหมายกับผู้บุกรุกป่าต้นน้ำเปือ อย่างเคร่งครัดจริงจัง และขอให้รัฐบาลสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บริเวณต้นน้ำเปือ เพื่อเป็นการรักษาทรัพยากรธรรมชาติต่อไป

ซึ่งนายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้เข้ารับหนังสือคัดค้านจากแกนนำเครือข่ายฯ พร้อมทั้งชี้แจงว่า ต้องรอผลการสอบสวนและวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากคณะกรรมาธิการทั้ง 3 คณะก่อน และจังหวัดพร้อมที่จะปฏิบัติดำเนินการตาม แต่ขณะนี้ได้มีการสั่งระงับการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่พิพาทแล้ว โดยกลุ่มเครือข่ายฯ พอใจกับการได้แสดงจุดยืนและเจตนาการคัดค้าน และรอผลสรุปความชัดเจนอีกครั้ง พร้อมทั้งได้แยกย้ายสลายการรวมตัวไปในที่สุด

กำลังโหลดความคิดเห็น