ลำปาง – ทีมเจ้าหน้าที่รัฐ-ปชช.พร้อมสื่อ บุกพิสูจน์ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ เมืองพะเยา หลังปัญหายืดเยื้อมานานหลายปี ทั้งที่ ทสจ.พะเยา ไม่ต่อใบอนุญาตเช่าพื้นที่ให้ แต่กลุ่มนายทุนยังเดินหน้าถางป่ากว่า 2 พันไร่ เตรียมทำเรื่องร้องนายกฯ เหตุแก้ไขไม่คืบ
เจ้าหน้าที่องค์การตรวจสอบอำนาจรัฐ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. อปท.และประชาชน จ.พะเยา เข้าตรวจสอบการบุกรุกแผ้วถางป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ร่องขุย เตรียมนำข้อมูลการบุกรุกร้องนายกฯแก้ไข ขณะที่การแก้ไขปัญหาระดับจังหวัดยังไม่คืบหน้า ด้านกลุ่มผู้บุกรุกฯ ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ หลังศาลฯยกฟ้องขอคุ้มครอง คำสั่ง ผู้ว่าฯ ระงับการทำประโยชน์ และตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้เหตุผลว่าผู้บุกรุกพร้อมพวกกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายวุฒิชัย อรชร เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบ องค์การตรวจสอบอำนาจรัฐสากล ประจำจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.พะเยา, อบต.จำป่าหวาย อ.เมืองพะเยา, อบต.แม่กา, อบต.บ้านปิน และ อบต.คือเวียง ใน อ.ดอกคำใต้ รวมถึงประชาชน จ.พะเยา และสื่อมวลชน กว่า 40 คน ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่การบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ร่องขุย ต.แม่กา อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ของกลุ่มนายทุนซึ่งประกอบด้วยนายสนั่น วงค์ขัติ พร้อมพวกรวม 16 คน ที่อ้างว่าการทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย
จากตรวจสอบพบว่า ขณะนี้ยังคงมีการบุกรุกพื้นที่มากกว่า 2,000 ไร่ โดยข้อมูลทั้งหมด นายวุฒิชัยจะนำเสนอต่อ กอ.รมน.ส่วนกลาง และส่งสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาโดยเร็ว หลังจากปัญหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติฯ แห่งนี้ยืดเยื้อมานานหลายปี
จากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย จังหวัดพะเยา ก็ได้รับคำตอบว่าปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ร่องขุย เกิดขึ้นหลังจากมีประชาชนได้มาร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดว่า มีกลุ่มนายทุนเข้าไปทำประโยชน์และบุกรุกป่าดังกล่าว อันเป็นป่าต้นน้ำแม่น้ำร่องขุย
จึงได้สอบถามไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ (สนง.ทสจ.พะเยา) ทราบว่า ก่อนหน้านี้นายสมหมาย มะโนวงศ์ อยู่บ้านเลขที่ 78 ม.9 ต.ดอกคำใต้ อ.ดอกคำใต้ ได้เช่าที่ดินดังกล่าวกับกรมป่าไม้ เพื่อปลูกต้นกระถิน โดยมีนายสนั่นเป็นผู้ดูแล ต่อมาสัญญาเช่าได้หมดลงเมื่อ พ.ศ.2541 ซึ่งนายสมหมายได้ขอต่อสัญญาเช่าแต่กรมป่าไม้ไม่อนุญาต ตามมติ ครม.เมื่อ 11 พ.ค.2542 ที่ไม่ให้ต่อสัญญาเช่า แต่ยังคงมีกลุ่มบุคคล (นายสนั่น พร้อมพวกรวม 16 คน) บุกรุกแผ้วถาง และทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ตามที่ประชาชนร้องเรียนมา
ทำให้ น.ส.เรืองวรรณ บัวนุช ผู้ว่าฯพะเยา ต้องสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีคำสั่งให้นายสนั่น พร้อมพวกหยุดกระทำการใดๆ จนกว่าคณะกรรมการฯ จะตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ ทำให้นายสนั่น ฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ให้คุ้มครองตน และพวกให้ทำประโยชน์ต่อได้ ซึ่งศาลฯ ได้ยกคำฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าการเข้าครอบครองที่ดินของนายสนั่น พร้อมพวก เป็นการเข้าไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมติ ครม.11 พ.ค.2542 ล่าสุดนายสนั่นพร้อมพวกได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว และเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์