เชียงราย – ชาวบ้านเหลืออด ฮือไล่สำนักสงฆ์พ้นป่าต้นน้ำหมู่บ้าน หลังขยายอาณาเขตบุกรุกพื้นที่มากกว่า 20 ไร่ จากพื้นที่ใน นสล.ที่มีอยู่ 71 ไร่
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (11 พ.ย.) ชาวบ้านจากพื้นที่ 4 หมู่บ้านในเขต ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า ประมาณ 50 คน นำโดยนายายชัยณรงค์ อนุศักดิ์กุล ผญบ.บ้านกู่ ต.เวียง ได้พากันเดินทางเข้าไปยังบริเวณป่าเขต “หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง” เนื้อที่ประมาณ 71 ไร่ หมู่บ้านใหม่พัฒนา หมู่ 11 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า เพื่อแสดงพลังว่าไม่ต้องการให้มีการก่อสร้างสำนักสงฆ์เจริญสมณธรรม ซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างในบริเวณป่าดังกล่าว เพราะเกรงว่าได้ทำลายความเป็นธรรมชาติและเขตต้นน้ำซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “บวกก๋อง” ซึ่งหล่อเลี้ยงพื้นที่ทางการเกษตรโดยเฉพาะนาข้าวเป็นบริเวณกว้าง โดยชาวบ้านได้นำป้ายประท้วงเข้าไปด้วย
นายชัยณรงค์ กล่าวว่า สำนักสงฆ์แห่งนี้เดิมทีได้เข้ามาขอใช้พื้นที่เพื่อปฏิบัติธรรม โดยมีมติร่วมกับชาวบ้านว่าจะไม่ทำการบุกรุก แผ้วถางหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ แต่เมื่อมาอยู่จริงกลับทำการบุกรุกป่าสร้างสิ่งก่อสร้างและขยายอาณาเขตกินพื้นที่ไปกว่า 20 ไร่ จากพื้นที่ป่าที่มีอยู่ประมาณ 71 ไร่ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ที่ผ่านมาชาวบ้านเคยร้องขอให้หยุดไปหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล
ด้าน นายบุญมา แก้วแปงจันทร์ อายุ 68 ปี ชาวบ้านโป่งหนอง ต.เวียง กล่าวว่า ป่าต้นน้ำบวกก๋องเป็นแหล่งต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงพื้นที่ทางการเกษตรมาหลายชั่วอายุคนแล้ว โดยเดิมทีมีสภาพป่าที่สมบูรณ์และมีน้ำไหลออกมาตลอดทั้งปี แต่หลังการสร้างสำนักสงฆ์ทำให้มีสภาพเปลี่ยนไป และน้ำขุ่นขึ้นรวมทั้งมีปริมาณน้อยลง เพราะถูกตัดเส้นทางน้ำ
ขณะที่ นายประเสริฐ สมาชิก อบต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า กล่าวว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่รู้สึกเป็นห่วงเรื่องของปลกระทบที่จะตามมา เพราะแหล่งต้นน้ำบวกก๋อง เป็นแหล่งน้ำเพียงแห่งเดียวที่หล่อเลี้ยงชาวบ้าน หากไม่ยุติการบุกรุกและทำลายต้นน้ำ หน้าแล้งก็จะแห้งจนเกิดการแย่งน้ำและเมื่อถึงฤดูน้ำหลากก็จะเกิดน้ำท่วมได้
ด้าน พระอาจารย์คมสัน ชนาสโภ ผู้ดูแลสำนักสงฆ์ กล่าวว่า การเข้าก่อสร้างวัดเป็นไปตามมติของคณะกรรมการหมู่บ้านใหม่พัฒนา ซึ่งได้มอบพื้นที่ให้กับหลวงพ่อณรงค์ชัย รกขิตสีโล เจ้าคณะ จ.ปราจีนบุรี-สระแก้ว ให้เข้าไปดำเนินการก่อสร้างได้ ทำให้ในปัจจุบันมีพระสงฆ์อยู่ภายในจำนวน 10 รูป ส่วนรูปแบบการสร้างเดิมมีการสร้างเพียงสำนักสงฆ์ แต่ต่อมามีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทุนและเข้ามาทำกิจกรรม เช่น ฝึกอบรมธรรมมะ บวชฤดูร้อน ฯลฯ มากขึ้นจึงจำเป็นต้องขยายเพื่อรองรับโดยยังไม่ทราบว่าจะใช้พื้นที่เท่าใด
ล่าสุด นายรังสรรค์ ขวัญเมืองเดิม ปลัดอาวุโส อ.เวียงป่าเป้า และนายสุนทร แพ่งเกษร เจ้าพนักงานที่ดิน จ.เชียงราย สาขาเวียงป่าเป้า ได้เดินทางไปไกล่เกลี่ยและระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองร่วมกันใช้ โดยบุคคลทั่วไปสามารถมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งอยู่ในอำนาจของนายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต เบื้องต้นทางนายอำเภอจึงได้มีการตั้งคณะกรรมการระดับอำเภอขึ้น เพื่อตรวจสอบเพื่อหาข้อยุติแล้ว คาดว่าจะสรุปผลได้ในวันที่ 16 พ.ย.นี้
ดังนั้น ช่วงนี้จึงให้สำนักสงฆ์หยุดก่อสร้างแล้ว ทำให้ชาวบ้านพอใจและแยกย้ายกันกลับไปรอฟังคำตอบ