เชียงราย - ชาวบานเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย โอดสำนักสงฆ์รุกป่าชุมชนยึดร่องน้ำกระทบทำนา
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าขณะนี้ ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านในพื้นที่ ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า ซึ่งอาศัยน้ำจากขุนน้ำบวกก๋องซึ่งไหลลงสู่ลำธารห้วยบง ได้ไปรวมตัวกันบริเวณหน้าสำนักสงฆ์เจริญสมณธรรม ซึ่งตั้งอยู่ติดกับลำธารห้วยบงพื้นที่หมู่บ้านใหม่พัฒนา หมู่ 11 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงกรณีมีการก่อสร้างสำนักสงฆ์ดังกล่าวและเสี่ยงต่อผลกระทบที่จะเกิดกับลำธารซึ่งเป็นแหล่งน้ำหล่อเลี้ยงพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน โดยเฉพาะการปลูกข้าว
รวมทั้งสงสัยว่าจะมีการลักลอบตัดไม้เพื่อทำการก่อสร้างด้วย หลังจากที่สำนักสงฆ์เจริญสมณะธรรมได้เข้าไปจัดตั้งในพื้นที่ดังกล่าวมาได้นานประมาณ 1 ปี ภายใต้ข้อตกลงกับคณะกรรมการของหมู่บ้านใหม่พัฒนา แต่ชาวบ้านที่ไปรวมตัวกันสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าวระบุว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับข้อตกลงและการก่อสร้างดังกล่าวด้วยแต่หวั่นว่าจะได้รับผลกระทบ
นายขัน สุจริต อายุ 77 ปี กล่าวว่า ต้นน้ำบวกก๋อง และป่าไม้ที่อยู่บริเวณโดยรอบมีเนื้อที่รวมกันกว่า 71 ปี นั้น ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันมาช้านานตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นปู่ย่าตายาย โดยเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรของชาวบ้าน ขณะที่ความชุ่มชื้นของป่าก็ช่วยทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่
แต่ต่อมาภาครัฐมีการกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง โดยกำหนดให้เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภท “พลเมืองใช้ร่วมกัน” แต่ปรากฏว่าเมื่อราวต้นปี 2552 ที่ผ่านมาได้มีสำนักสงฆ์ดังกล่าวเข้าไปตั้งอยู่ในพื้นที่และไปทำข้อตกลงกับคณะกรรมการหมู่บ้านใหม่พัฒนาทำให้เริ่มมีการเข้าไปสร้างสิ่งปลูกสร้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีการลักลอบตัดต้นไม้ใหญ่ ปรับหน้าดิน ทำให้ลำธารตื้นเขิน ฯลฯ จนส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่อาศัยลำธารดังกล่าวรวมทั้งเป็นการทำลายธรรมชาติด้วย
นายมา แก้วแปงจันทร์ อายุ 68 ปี กล่าวว่า ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายต้นไม้ในเขตบวกก๋องจะอุดมสมบูรณ์และแม้จะมีการเปลี่ยนสถานะที่ดินเป็นอย่างไรชาวบ้านก็ร่วมกันอนุรักษ์เป็นป่าอนุรักษ์ มีการตั้งกฎและช่วยกันดูแลรักษาหากใครเข้าไปลักลอบตัดต้นไม้หรือทำลายป่าก็จะถูกจับกุม ปรับ ดำเนินคดี ฯลฯ จึงทำให้ผืนป่าอุดมสมบูรณ์เรื่อยมา
แต่ปรากฏว่าหลังจากสำนักสงฆ์เข้าไปจัดตั้งก็มีการนำรถแมคโฮเข้าไปขุดตัก ต้นไม้ใหญ่ๆ ก็ถูกโค่น ซึ่งผิดข้อตกลงที่ทำเอาไว้กับคณะกรรมการจำนวน 5 ข้อ ประกอบไปด้วย ห้ามตัดไม้แม้แต่ต้นเดียวและหากจะปลูกสร้างใดๆ จะต้องแจ้งชาวบ้านก่อน จะสร้างกุฏิเพียง 5 หลังโดยไม่ตัดต้นไม้ จะสร้างพระนาคปรก ถ้าจะขยายการก่อสร้างขอให้ซื้อนอกพื้นที่ป่าไม้ และอนุญาตให้ตัดต้นอ้อออกและหาต้นไม้อื่นมาปลูกแทน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เมื่อชาวบ้านไปถึงบริเวณสำนักสงฆ์ซึ่งสร้างเป็นวิหารหลังใหญ่มีการขุดคูน้ำจากลำธารดังกล่าวไปล้อมรอบ รวมทั้งตัดตั้งท่อน้ำ ท่อส่งน้ำ ฯลฯ และปรับพื้นที่อย่างขนานใหญ่ ก็พบพระภิกษุที่จำพรรษาและญาติโยมภายในวัดหลายคน แต่ทั้งหมดแจ้งว่าพระอาจารย์คมสัน ชนาสโภ เจ้าสำนักติดธุระไม่อยู่ภายในสำนักสงฆ์ทำให้มีการเจรจากับพระภิกษุระดับรองลงไปอยู่พักใหญ่ โดยทางสำนักสงฆ์ระบุว่าดำเนินการไปตามมติของคณะกรรมการหมู่บ้านใหม่พัฒนา
จากนั้นได้สอบถามว่าชาวบ้านที่ไปพบดังกล่าวมีใครเป็นกรรมการหรือไม่ ปรากฏว่าชาวบ้านทั้งหมดยืนยันว่าไม่ได้เป็นกรรมการ และไม่ได้รู้เห็นกับการอนุญาตให้ก่อสร้างสำนักสงฆ์ดังกล่าว แต่กำลังจะได้รับผลกระทบโดยเกรงว่าจะไม่มีน้ำทำนาในฤดูกาลถัดไป แต่การเจรจาไม่ได้ข้อยุติทำให้ชาวบ้านแยกย้ายกันกลับ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้พากันไปร้องเรียนต่อสำนักบริหารจัดการทรัพยากรปาไม้ที่ 2 (เชียงราย) ให้เข้าไปดำเนินการเกี่ยวกับการตัดไม้ดังกล่าวจนถึงขั้นมีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ระดับอำเภอแต่ยังไม่มีข้อสรุปในการดำเนินการ
รวมทั้งร้องเรียนต่อทางฝ่ายปกครอง อ.เวียงป่าเป้า และตำรวจ สภ.เวียงป่าเป้า แต่สภาพปัจจุบันคือสำนักสงฆ์ยังคงมีการพัฒนาสิ่งปลูกสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้านมีความกังวลว่าต้นไม้จะถูกตัดไปมากกว่านี้และลำธารห้วยบงจะตื้นเขินเพราะการพัฒนาและสูบน้ำไปใช้จนไม่สามารถทำนาได้ในที่สุด