ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กลุ่มเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่องยื่นหนังสือร้องเรียนให้สำนักงานตำรวจฯและ ก.ตร.สอบสวนและเอาผิดเพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัยแก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมกลุ่มผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซฯ บริเวณโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่เมื่อปี 2545 จำนวน 7 นาย ซึ่งปัจจุบันยังคงรับราชการและเลื่อนขั้นสูงขึ้น
วันนี้ (28 ต.ค.) กลุ่มเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ทำการสอบสวนและเอาผิดเพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมกลุ่มผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 บริเวณโรงแรมเจ.บี.หาดใหญ่
โดยเจ้าพนักงานตำรวจระดับสูงที่เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติการสลายการชุมนุม ที่กระทำผิดทางวินัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งหมด 7 ราย ดังนี้ 1.พล.ต.ต.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ (ปัจจุบันเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8) 2.พ.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (ปัจจุบันเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1) 3.พ.ต.อ.สุรชัย สืบสุข รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (ปัจจุบันเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนราธิวาส)
4.พ.ต.อ.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (ปัจจุบันเป็นผู้บังคับการ อำนายการตำรวจภูธรภาค 7) 5. ร.ต.อ. เล็ก มียัง ผู้บังคับกองร้อยตำรวจปราบจลาจล (ปัจจุบันเป็นสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรรัตภูมิ จังหวัดสงขลา) 6.ร.ต.ท.อธิชัย สมบูรณ์ ผู้บังคับกองร้อยตำรวจปราบจลาจล (ปัจจุบันเป็นสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธร อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา) และ 7.ร.ต.ท.บัณฑูรย์ บุญเครือ รองผู้บังคับกองร้อยตำรวจปราบจลาจล (ปัจจุบันอยู่สถานีตำรวจภูธร อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา)
ซึ่งพนักงานเหล่านี้เป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งให้สลายการชุมนุม ทั้งที่ทราบดีว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และปฏิบัติการใช้กำลังสลายการชุมนุมฝ่าฝืนต่อระเบียบและแผนปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งยังปล่อยปละละเลยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาภายใต้การควบคุมสั่งการของตนกระทำการฝ่าฝืนระเบียบ และแผนปฏิบัติการ ทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน จงใจขัดขวางมิให้ประชาชนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น และขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพอันเป็นรากฐานสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนั้นยังมีการกระทำที่เป็นความผิดต่อกฎหมายของเจ้าพนักงานตำรวจผู้มีหน้าที่ในการเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในการจับกุมคุมขังผู้เข้าร่วมชุมนุม และส่งฟ้องดำเนินคดีต่อศาลภายหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมดังกล่าวอีกด้วย กล่าวคือ พล.ต.ต.สัณฐาน ชยนนท์ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับกลุ่มประชาชนผู้ร่วมชุมนุมในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีพ.ต.อ. เสรี วิไลลักษณ์ พ.ต.อ.สาคร ทองมุณี พ.ต.ท.สุเทพ ภัทรวิวัฒน์ พ.ต.ท.กิจ พงศ์ทิพย์พนัส พ.ต.ต.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ เป็นเจ้าพนักงานผู้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวน
คณะพนักงานสอบสวนจงใจใส่ร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อสร้างภาพจูงใจสาธารณชนว่าเป็นผู้มุ่งก่อความรุนแรงและได้เตรียมการณ์ก่อเหตุรุนแรงในการชุมนุมวันที่ 20 ธันวาคม 2545 เพื่อเป็นข้ออ้างในการเข้าสลายการชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมายของตนเพื่อปกป้องตนเองให้พ้นจากการที่จะต้องถูกดำเนินคดีในฐานะที่ได้รายงานข้อความเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้นอกจากสะท้อนให้เห็นทัศนคติในเชิงลบที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับสูงมีต่อกลุ่มประชาชนผู้ชุมนุมใช้สิทธิเรียกร้องโดยสุจริตว่า เป็นพวกก่อความไม่สงบ เป็นพวกนิยมชมชอบการประท้วงคัดค้านโครงการพัฒนาต่างๆ อย่างไม่มีเหตุผลแล้ว
ทางเครือข่ายฯขอเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังต่อไปนี้
1. ให้สอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำอันเป็นการผิดกฎหมาย ผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่ง ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังรายนามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ทุกรายโดยทันที
2. เมื่อพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงได้ความเป็นที่แน่ชัดแล้วให้ดำเนินการลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กระทำความผิดดังกล่าวข้างต้นทั้งในทางวินัยราชการและในทางคดีความทางอาญาต่อไป
3. ให้มีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามรายชื่อที่กล่าวไว้ไนหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ผู้ตกเป็นจำเลยในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของศาลจังหวัด ให้ถือเป็นเจ้าหน้าที่กลุ่มแรกที่จะต้องเร่งพิจารณาและมีคำสั่งให้พักราชการหรือให้ออกจากราชการชั่วคราวดังกล่าว
4. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงยอมรับความผิดที่เกิดจากการกระทำการสลายการชุมนุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวข้างต้น และเร่งพิจารณาจ่ายค่าทดแทนค่าเสียหายที่ศาลปกครองจังหวัดสงขลาได้พิพากษาไว้แล้วให้แก่ผู้เสียหาย
5. ให้ทบทวนคำสั่งและการกระทำที่บ่งชี้ไปในทางเอื้อประโยชน์แก่ บริษัท ทรานส์ ไทย - มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ในการไปตั้งหน่วยงานพิเศษ ในพื้นที่บริเวณโครงการโรงแยกก๊าซฯ ของบริษัทฯ ซึ่งก่อปัญหาสร้างความเดือดร้อนอย่างมากต่อชุมชนในบริเวณดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ร้องเรียนมีข้อมูลข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆ พร้อมนำเสนอต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อประกอบการพิจาณาสอบสวนดังกล่าวไว้พร้อมแล้ว และขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตอบหนังสือร้องเรียนดังกล่าวนี้ เป็นลายลักษณ์อักษรส่งถึงผู้ร้องเรียนและแถลงต่อสื่อมวลชนต่างๆ ให้ทราบโดยทั่วกัน