xs
xsm
sm
md
lg

จับยกเซต 8 คนร้ายปล้นรถขนทองคำ 15 กก.!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

กองปราบปราม และตำรวจสมุทรปราการ ติดตามจับกุมแก๊งปล้นรถขนทองคำ 15 กก.ได้ครบเซต โดยติดตามทองคำกลับคืนมาได้ 1 กก. เงินสด 2 ล้านบาท และของกลางรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ

วันนี้ (27 ก.ค.) เมื่อเวลา 07.000 น.ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.นิรันดร์ ปิตะกาศ รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.เมธา วงศ์อนันต์นนท์ พ.ต.ต.สุรพงค์ ธรรมพิทักษ์ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมกำลังและหมายค้นของศาลอาญา ได้เข้าตรวจค้นตามจุดต้องสงสัยต่างๆ ที่สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีปล้นรถขนทองคำ จำนวน 15 กิโลกรัม ของบริษัท บางกอกเอสเสย์ ออฟฟิศ จำกัด รวมทั้งหมด 6 จุดด้วยกัน โดยกำลังชุดแรกเข้าตรวจค้นที่ห้องเช่าของนายสมัชญ์ แซ่ตัน หรือปีเตอร์ ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 14 แขวงบางมด เขตจอมทอง ชุดที่ 2 คือ บ้านพักนายสมชาย จูทง หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา ที่บ้านเลขที่ 364 ถ.รามคำแหง แขวงและเขตสวนหลวง ชุดที่ 3 เข้าตรวจค้นห้องพักนายสมชาย ที่ห้องเลขที่ 6 ชั้น 15 อาคารสาธรบีช ทาวเวอร์ ถ.ธนบุรี แขวงต้นไทร เขตคลองสาน ชุดที่ 4 เข้าตรวจค้นบ้านพักนายศรีวิศาล กองศรี เพื่อนของนายสมหมาย สำราญพันธุ์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่บ้านไม่ทราบเลขที่ ซ.จอมทอง 12 แขวงบางอ้อ เขตจอมทอง

ส่วนกำลังชุดที่ 5 เข้าตรวจค้นที่บ้านพักของนายหนุ่ม ไม่ทราบนามสกุล ที่บ้านไม่ทราบเลขที่ ภายในตรอกหิรัญ ถ.บริพัตร แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งทราบว่านายสมัชญ์ นำทองคำแท่งไปขายให้ จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบใบจำนำเศษทองคำหลายใบที่ไปจำนำไว้กับโรงรับจำนำสุขสวัสดิ์ เขตจอมทอง และโรงรับจำนำย่งฮวดหลี เขตคลองสาน นอกจากนี้ยังพบเอกสารรายการนำฝากเงินธนาคารกสิกรไทย ในชื่อนายสมหมาย สำราญพันธุ์ จำนวน 4.3 แสนบาท จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน และกำลังชุดที่ 6 เข้าตรวจค้นที่บ้านไม้สองชั้นเลขที่ 364 ถ.รามคำแหง พบนางภัสสร นิจพรหม อายุ 30 ปี ภรรยานายสมชายอยู่ในบ้าน จากการตรวจค้นพบทองคำแท่งของบริษัท บางกอกเอสเสย์ ออฟฟิศ จำกัด ถูกตัดแบ่งออกเป็นชิ้นใหญ่ 3 ชิ้น ชิ้นเล็ก 7 ชิ้น รวมทั้งหมด 10 ชิ้น น้ำหนัก 1 กิโลกรัม โดยทั้งหมดถูกห่อด้วยหนังสือพิมพ์วางไว้ในกะละมังซึ่งอยู่ในห้องเก็บของใต้หลังคา จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐานต่อไป ก่อนที่จะเชิญตัวนางภัสสรมาสอบปากคำที่กองปราบปราม

เบื้องต้นจากการสอบสวน นางภัสสรให้การว่า อยู่กินกับนายสมชายมานานกว่า 7 ปีแล้วจนมีลูกด้วยกัน 1 คน ก่อนหน้านี้นายสมชายเคยทำงานเป็นช่างออกแบบแหวน และสร้อยให้กับบริษัท บางกอกเอสเสย์ ออฟฟิศ แต่ได้ลาออกมาได้ปีกว่าแล้ว โดยระยะหลังหันมารับงานทำเครื่องเอง ทราบมาว่าทางสามีโครงการเตรียมที่จะร่วมลงทุนกับเพื่อนเปิดโรงงานทำจิวเวลรีเอง ส่วนของกลางที่พบในบ้านนั้นตนไม่ทราบว่านายสมชายนำมาซ่อนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะระยะหลังนายสมชายบอกว่าติดงานต่างๆ นานา นานๆ ครั้งถึงจะกลับมาบ้าน

ส่วน นายศรีวิศาลให้การว่า รู้จักกับนายสมหมายมานานหลายปีแล้ว ที่ผ่านมานายสมหมายมักจะนำเศษทองคำที่มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ ครั้งละ 200-500 กรัมมาให้ เพื่อให้ตนนำไปจำนำอยู่หลายครั้ง เมื่อได้เงินมาก็จะโอนให้นายสมหมายผ่านทางธนาคาร ซึ่งที่รับเศษทองไปจำนำให้ก็เพราะเห็นว่านายสมหมายเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานจึงไม่ได้ถามอะไร หลังจากสอบปากคำทางกองปราบปรามจึงได้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมของกลางทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่

ต่อมา พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.(ปป3.) พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ผบ.ตร.(ปป.21) พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมตำรวจชุดสืบสวนของ ศสส.ภ.1 กก.2ป. กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.สมุทรปราการ และสภ.บางเสาธง, สภ.บางพลี, สภ.เมืองสมุทรปราการ, สภ.สำโรงเหนือ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคนร้ายแก๊งดังกล่าว ประกอบด้วย นายสมหมาย หรือหมาย สำราญพันธุ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 661ถ.พระราม 2 ซอย 11 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพฯ อดีตพนักงานบริษัท บางกอกแอสเสย์ ออฟฟิศ จำกัด 2.นายสมัชญ์ หรือปีเตอร์ แซ่ตัน อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 661 ถ.พระราม 2 ซ.11 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพฯ อดีตพนักงานบริษัทฯ 3.นายวัฒนชัย หรือโอ๋ คงศิริ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 6 ต.ดอนกำยาน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี อดีตพนักงานบริษัทฯ 4.นายสมชาย หรือแว่น จูทีม อายุ 77 ปีอยู่บ้านเลขที่ 40/20 หมู่ 2 ต.บ้านฉาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี อดีตพนักงานบริษัทฯ

5.นายรำเพย สาลาด อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 274 หมู่ 4 ต.บึงกอก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก 6.นายอำนาจ หรือนาจ ไชยวงศ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117/130 หมู่ 3 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 7.นายอนุชา หรือนุ อุ้มเครือ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 207/6 หมู่ 1 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ 8.นายเอกพล หรือหนุ่ม เหลืองสดใส อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ซ.หิรัญ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ พร้อมด้วยของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชชิ รุ่นแกรนดิส สีเทาดำ ทะเบียน กง-1481 กทม. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อมิตซูบิชชิ รุ่นอีคาร์ สีแดง ทะเบียน กบ-6880 ชลบุรี ชิ้นส่วนรถยนต์ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อมาสด้า รุ่น 626 ไม่ทราบทะเบียน ซึ่งเป็นรถคันก่อเหตุ และหลังก่อเหตุคนร้ายได้นำไปชำแหละชิ้นส่วน อาวุธปืน ทองคำแท่งจำนวน 10 แท่ง รวมน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ทองคำแท่งขนาด 100 กรัม มีสัญลักษณ์ของบริษัท บางกอกแอสเสย์ฯ จำนวน 1 แท่ง และเงินสด รวม 2 ล้านบาท

สำหรับ พฤติกรรมของคนร้ายคือ ก่อนเกิดเหตุ นายสหมาย พร้อมพวก ผู้ต้งหาที่ 1-5 ได้ชักชวนกันร่วมวางแผน เพื่อจะก่อเหตุปล้นรถขนทองคำแท่ง ของบริษัท บางกอแอสเสย์ โดยคนร้ายได้ใช้วิธีการเช่ารถแท็กซี่ไปตระเวนดูลาดเลาตามเส้นทางที่จะก่อเหตุ จากนั้นได้จัดเตรียมรถเพื่อที่จะก่อเหตุในครั้งนี้ จำนวน 3 คัน คือรถที่ใช้ลงมือประกบรถขนทอง จำนวน 2 คัน และรถที่ใช้ดูต้นทางและส่งสัญญาน รวมทั้งในการพาคนร้ายหลบหนี อีก 1 คัน จากนั้นจะติดต่อสื่อสารกันโดยใช้โทรัพท์มือถือที่ได้เตียมไว้ในการปล้นโดยฉพาะ โดยในวันเกิดเหตุ ผู้ต้องหาที่ 4 จะทำหน้าที่ ขัรถไปสังเกตการณ์ที่หน้าบริษัท บางกอกแอสเสย์ฯ โดยมาจอดซุ่มดูอยู่ที่ใกล้ๆ บริเวณหน้าบริษัท เพื่อคอยส่งสัญญานให้พวกทราบ และจะไม่เข้าไปยังจุดเกิดเหตุ แต่จะนำรถไปยังจุดที่ได้นัดหมายกัน หลังจากก่อเหตุ เพื่อจะไปรับ ผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 หลบหนี

สำหรับผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 จะเป็นคนลงมือใช้อาวุธปืนจี้รถขนทอง จะอยู่ในถยนต์ มิซูบิชชิ รุ่นอีกคาร์ โดยมีผู้ต้อหาที่ 3 เป็นคนขับรถคันดังกล่าวจอดคอยอยูริถนนเทพารักษ์ บริเณปากซอยเอ็มไทย ทางเข้านิคมอุตสาหกรรมซิตี้พาร์ค ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานบางกอก แอสเสย์ฯ เพื่อรอรับสัญญานจากผู้ต้องหาที่ 4 ส่วนผู้ต้องหาที่ 5 จะขับรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า 626 สีขาวเข้าไปจอรถรออยู่ในซอยนิคมอุตสาหกรรมซิตี้พาร์ค และจะมีหน้าที่ขับประกบตามหลังรถขนทองคันเกิดเหตุ โดยขณะก่อเหตุผู้ต้องหาที่ 3 ได้ขับรถแซงรถขนทองปในบริเวณที่กลับรถใต้สะพานคลองมหาชื้น ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับเส้นทางที่รถขนทางจะต้องไปกลับรถ โดยมีผู้ต้องหาที่ 5 ขับรถประกบตามหลังรถขนทองอีกคันหนึ่ง

จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้ลงมาจากรถ มิสซูบิชชิ รุ่นอีคาร์ และผู้ต้องหาที่ 2 ได้ใช้ท่อนเหล็กทุบกะจกรถขนทองจนแตก แล้วได้ใช้อาวุธปืนจี้พนักงานขับรถและพนักงานรักษาผลประโยชน์คันเกิดเหตุไปนั่งในแค็ปด้านหลัง และใช้สกอตเทป ปิดตาและใส่กุญแจมือ จากนั้นได้ขับรถขนทองมาจอดทั้งบริเวณ ริมถนนบางนาตราด ม.21 และหลบหนีไป โดยมผู้ต้องหาที่ 4 ขับรถมารับ ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 และ 5 จะขับรถเลยไปทางถนนเทพารักษ์ มุ่งหน้าไปทาง อ.บางบ่อ และนำรถไปจอดทิ้งในซอยเปลี่ยว ริมถนนเทพารักษ์ แล้วให้ผู้ต้องหาที่ 7 นำรถไปอีกต่อหนึ่ง ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 และ 5 ได้เรียกรถแท็กซี่หลบหนีไป ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 หลังจากรับผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ขึ้นรถไปแล้ว ได้ไปส่งผู้ต้องหาที่ 1 บริเวณริมถนนบางนาตราด บริเวณ ก่อนถึงถนน กาญจนาภิเษก เพื่อขึ้นรถแท็กซี่ แล้วแยกย้ายกันหลบหนี โดยนำทองคำแท่งติดไปด้วย และได้ส่งผู้ต้องหาที่ 2 บริเวณริมถนนศรีนครินทร์ เขตบางกะปิ แล้วแยกกันหลบหนี โดยผู้ต้องหาทั้งหมดได้นัดพบกันทีผู้ต้องหาที่ 1 เพื่อแบ่งทองคำแท่งที่ได้จากการปล้นดังกล่ว

ต่อมาได้มีการนำทองคำแท่งไปแปรรูปบางส่วน แล้วนำไปขายให้กับร้านรับซื้อเศษทอง ย่านสะพานพุทธ วงเวียนใหญ่ และสีลม ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า มีผู้ต้องหาที่ 8 เป็นผู้รับซื้อทองคำแท่งจากกลุ่มคนร้าย โดยผู้ต้องหาที่ 6 ได้เป็นผู้จัดหารถ และอวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ ส่วนผู้ต้องหาที่ 7 นอกจากจะขับรถหลบหนีหลังก่อเหตุแล้ว ยังช่วยอำพรางรถทั้งสองคัน โดยการใช้สีนำมาพ่น รถมิสซูบิชชิ รุ่นอีคาร์ จากเดิมสีแดง ให้เป็นสีขาว และหลังก่อเหตุได้ล้างสีออก ให้กลับมาเป็นสีแดงเช่นเดิม นอกนั้นนแล้วยังนำรุ่นยี่ห้อมาสด้า รุ่น 626 ไปชำแหละ แยกเป็นชิ้นส่วน เพื่อทำลายหลักฐานอีกด้วย

เบื้องต้นตำรวจแจ้งแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 1, 2 และ 5 ว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้อื่น โดยมี หรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุม” แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 3, 4, 6, 7, 8 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้อื่น โดยมี หรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุมและมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวพร้อมของกลาง





ทองคำส่วนหนึ่งที่ยึดคืนมาได้


กำลังโหลดความคิดเห็น